4/16/2557

เปิดโปงความจริงในปอเนาะ


แบมะ  ฟาตอนี

จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ปอเนาะ มักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน มีคำว่าปอเนาะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการสั่งปิดโรงเรียนญิฮาดวิทยา หรือปอเนาะญิฮาด อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 และ ปอเนาะสะปอม” หรือ โรงเรียนอิสลามบูรพา” หมู่ที่ 5 ตำบล กะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 


            โรงเรียนญิฮาดวิทยา โดนซัดทอดจากการซักถามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งซ่องสุมการฝึกฝนการต่อสู้เมื่อปี พ.ศ.2546 ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนที่ค่ายปิเหล็ง กองพันพัฒนาที่ 4 จังหวัดนราธิวาส ส่วนโรงเรียนอิสลามบูรพา บุคลากรทางการศึกษาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


             คนนอกพื้นที่อาจจะไม่รู้จักและคุ้นเคยกับคำว่า ปอเนาะ คืออะไร? ปอเนาะ รากศัพท์มาจากภาษาอาหรับว่า PONDOK อ่านว่าปนโด๊ะบ้าง พอนดอกบ้าง ซึ่งแปลว่า กระท่อม ที่พัก ซึ่งความหมายในปัจจุบันคือ สำนักศึกษาเล่าเรียนวิชาการศาสนาอิสลาม ซึ่งหมายถึงทั้งที่พัก และที่เรียน สาเหตุที่ ปอเนาะ เปรียบเสมือนโรงเรียนกินนอนนี่เอง จึงเป็นโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดต่างจากรัฐ ชักจูง ชักชวนให้นักเรียนเข้าร่วมกับขบวนการ จากการอยู่ร่วมกันจำนวนมาก จึงง่ายในการปลูกฝังแนวความคิด อุดมการณ์ รวมทั้งการบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอิสลามของครู อุสตาซ ที่ทำการสอน หลอกให้เด็กนักเรียนแนวร่วมเหล่านี้หลงผิดทำการก่อเหตุ  อีกทั้งจากการก่อเหตุเมื่อมีการตรวจสอบวัตถุพยานแวดล้อมสืบสวนสอบสวนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ทำการก่อเหตุ กลับกลายเป็นนักเรียน บุคลากร ครู อุสตาซโรงเรียนปอเนาะ  เมื่อทำการตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะยังพบวัตถุพยานเพิ่มไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืน เครื่องกระสุน สารประกอบวัตถุระเบิด ตำราการสู้รบ แผนบันไดเจ็ดขั้นของการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการ BRN
    
 โรงเรียนปอเนาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากนับจำนวนทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนจะมีหลายพันโรง และเป็นอุปสรรคและปัญหาในการควบคุมเป็นสิ่งที่ยากต่อการตรวจสอบและเข้าถึงของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการไม่มีมาตรฐานและศักยภาพพอที่จะดำเนินการควบคุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้กลายเป็นช่องทางให้กลุ่มขบวนการ BRN ใช้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง วางแผน สั่งการ ฝึกฝนการต่อสู้ เป็นแหล่งผลิตวัตถุระเบิดเพื่อทำการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

จุดเริ่มต้นปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 คือเหตุสั่งปิดโรงเรียนญิฮาดวิทยา
            โรงเรียนญิฮาดวิทยา ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ไฟใต้ จากการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวซึ่งหนึ่งในนั้นให้การยอมรับว่ามีการฝึกฝนการต่อสู้ในพื้นที่นี้จริงเมื่อปีพ.ศ.2546ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนกองพันพัฒนาที่ 4 จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2547 โดยใช้เทคนิคการฝึกแบบเข้มข้น ระยะเวลาในการฝึกเพียงแค่ 26 วันเท่านั้น แต่สามารถเทียบหลักสูตรการใช้อาวุธการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 6 เดือน
      สำหรับผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุปล้นอาวุธปืนกองพันพัฒนาที่ 4 จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกเชิญตัวไปซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหารอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี คือ นายอาดือนัน เจะอาแซ ลูกโต๊ะครูเก่า อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 3 ตำบลตะโละกาโปร์ นายมาซือลัม ดาแม อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 6 ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี  นายอับดุลเลาะ กะเจ อยู่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 8 ตำบลตะโละกาโปร์ และนายแวฮาฟิซ แกตอง อยู่บ้านเลขที่ 126 หมู่ 8 ตำบลบางปอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยาการ เมื่อมีการตรวจสอบหลักฐานพยาน วัตถุต่างๆ ที่ได้จากการตรวจค้นโรงเรียน นำมาซึ่งการสั่งปิดปอเนาะญิฮาด  เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549  

ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องสงสัยเจออุปกรณ์ประกอบระเบิด ชุดวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารเชื่อมโยงการก่อเหตุ สั่งปิดโรงเรียนอิสลาม บูรพา ทันทีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 
            เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำพิพากษาคดีสำคัญคดีหนึ่ง นั่นคือคดีที่ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย 5 คนจาก 7 คนที่ถูกจับกุมพร้อมยึดอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากได้ภายในโรงเรียนอิสลาม บูรพา โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาชื่อดัง ตั้งอยู่ที่ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส
     
ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาส เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมะนาเซ ยา, นายมามะคอยรี สือแม, นายแวอัสมิง แวมะ, นายโมหะหมัดซอฮีมี ยา, นายมะฟารีส บือราเฮง, นายรุสลี ดอเลาะ และนายฮารง หรือ อารง บาเกาะ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาวุธปืนฯ และความผิดต่อพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม

          คำฟ้องสรุปว่า จำเลยทั้ง 7 และ นายตอริก พีรีซี ซึ่งเป็นเยาวชนและได้แยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรม กล่าวคือประมาณต้นปี 2547 ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 จำเลยทั้ง 7 กับพวกร่วมกันเข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลชื่อ "ขบวนการกู้ชาติรัฐปัตตานี" หรือ "ขบวนการบีอาร์เอ็น" ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักรและยึดอำนาจการปกครองใน จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา บางอำเภอ แล้วจัดตั้งเป็นรัฐขึ้นใหม่ โดยสะสมกำลังพลและอาวุธ ให้และรับการฝึกการก่อการร้าย ยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนร่วม และก่อเหตุรุนแรงต่างๆ

          สืบเนื่องมาจากวันที่ 2 ก.ค.2550 เกิดระเบิดที่สวนยางพาราของ นายสุข คงจันทร์ บริเวณบ้านเขานาคา หมู่ 5 ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดและหยดเลือด จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายจะวางกับระเบิด แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อนจนตัวเองได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดเป็นทางยาวจากหลุมระเบิดประมาณ 30 เมตร หายเข้าไปในสวนยางพาราหลังโรงเรียนอิสลามบูรพา ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส จึงเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น พบเชื้อปะทุไฟฟ้า 24 ดอก เชื้อปะทุชนวน 8 ดอก ซึ่งเป็นวัตถุระเบิด เมื่อนำมาประกอบรวมกับปุ๋ยยูเรีย น้ำมันเบนซิน แอมโมเนียมไนเตรท นาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ชุดวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และตะปูคอนกรีต จะเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ทำอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย

            โรงเรียนอิสลามบูรพาเป็นโรงเรียนประจำ มีครูเวรสลับกันทำหน้าที่ตรวจตราตั้งแต่เช้าถึง 23.00 น.ของทุกวัน มีการจัดระบบดูแลรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียน บุคคลภายนอกเข้าไปอาศัยอยู่ได้ย่อมต้องได้รับความช่วยเหลือหรือยินยอมจากผู้ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จึงเชื่อว่าอุสตาซของโรงเรียน รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ก่อเหตุรุนแรง เข้าไปพักอาศัยที่ถูกตรวจค้นจับกุม
            นี่คือผลผลิตของโรงเรียนปอเนาะที่ได้ปลุกฝังแนวความคิดที่ผิดแก่นักเรียน แต่ไม่ได้หมายความว่าเหมารวมโรงเรียนปอเนาะทั้งหมด โรงเรียนที่ดีๆ ก็มีอยู่เยอะ ซึ่งถ้าหากฝ่ายผู้บริหาร ครู และอุสตาสของโรงเรียนปอเนาะฉาวดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวพันกับขบวนการโจรก่อการร้ายแล้ว โรงเรียนก็คงไม่โดนสั่งปิด ซึ่งตัวอย่างที่ได้จากการตรวจค้น อย่างเช่น 
    
เอกสารขั้นตอนสู่ความสำเร็จ เป็นแผนผังลักษณะขั้นบันได 7 ขั้น ที่ตรวจพบในโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยา ซึ่งมีเนื้อหาเป็นแผนงานต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดน (มีลักษณะเป็นข้อความเขียนด้วยลายมือเป็นภาษามลายู อักษรยาวี และนำมาโรเนียวเพื่อทำสำเนาเอกสารสำหรับแจกจ่าย) และมีบันทึกเพิ่มเติมเขียนด้วยลายมือ คล้ายกับเป็นการอธิบายขยายความ


หนังสือประวัติศาสตร์ และการต่อสู้ของรัฐปัตตานีภาษามลายู เขียนโดย อายะ บางนรา และ อับดุล ดาวูด
หนังสือ เจมาห์ อิสลามิยา/แผ่นบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การฝึกของกลุ่มก่อการร้าย อัลไคด้า และตะปูเรือใบ ตรวจพบในโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยา เมื่อ 18 พ.ค.48

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ที่เชื่อว่านำไปประกอบระเบิด) ที่ตรวจพบภายในโรงเรียนปอเนาะอิสลาม บูรพา บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกของร้านอีซีทีอิเล็กทรอนิกส์ สอบถามเจ้าของร้านได้รับการยืนยันว่าบุคคลที่โดนจับกุม มาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากร้านอยู่บ่อยครั้ง

            การโฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดมบิดเบือนประวัติศาสตร์ และ ปลุกกระแสความรักชาติปาตานีรวมทั้งการสอนประวัติศาสตร์ปาตานีในลักษณะบิดเบือนภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม หรือโรงเรียนปอเนาะ เพื่อให้เยาวชนมุสลิมมีความเกลียดชังชาวไทยพุทธ ยังคงดำเนินต่อไปควบคู่กับการจัดเวทีเสวนาของกลุ่ม PerMAS การสร้างกระแสทางสื่อ Social Media การใช้สื่อสังคมออนไลน์ทำการขยายผล การดำเนินการทางทหารสั่งการ RKK ทำการเผาโรงเรียนของรัฐบาล ความมุ่งหมายเพื่อไม่ต้องการให้เยาวชนมุสลิมเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนดังกล่าว แต่มีเป้าหมายให้เข้าเรียนในโรงเรียนปอเนาะแทน สร้างความหวาดกลัวด้วยการฆ่าครูชาวไทยพุทธ สุดท้ายไม่กล้าอยู่ย้ายหนีออกนอกพื้นที่ เพื่อต้องการให้ครูมุสลิมฝ่ายขบวนการเข้าสอนแทน นี่คือแผนชั่วร้ายของขบวนการ BRN ชี้ให้เห็นว่า ความเกี่ยวพันของโรงเรียนปอเนาะกับขบวนการโจรก่อการร้าย" แนบแน่นเหมือนเนื้อเดียวกันโดยแยกกันไม่ออก

@@@@@@@@@@@

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 เมษายน 2557 เวลา 13:49

    สรุป โรงเรียนปอเนาะตามความหมายศาสนาอิสลามคือสถานที่อบรมเยาว์ชนให้ประพฤติปฏิบัติดี ปะ มะ ก็ให้ความเชื่อถือ แต่ในทางกลับกัน ปอเนาะ คือเป็นที่ซ่องสุมโจร อุสต๊าสเลวๆ นั่นแหละตัวดี โดยการรู้เห็นของเจ้าของปอเนาะ ขณะเดียวกัน จนท.รัฐฯ ขาดความเอาใจใส่ดูและไม่ทั่วถึงจริงจัง จึงเป็นโอกาสของกลุ่มโจรฟาตอนีแฝงตัวและความคิดมาเป็นอุสต๊าส สอนศาสนาบิดเบือนให้เกลียดชัง จนท.รัฐ แต่เบิกเงินอุดหนุนการศึกษาค่าหัวเด็กด้านการศึกษาจาก รัฐฯ จำนวนมากในแต่ละปี ตามจำนวนรายหัวของเด็กต่อปี เงินส่วนหนึ่ง เข้าอุดหนุนขบวนการโจรฟาตอนี โดยลักษณะบังคับ ดดย เจ้าของปอเนาะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐฯ คือเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ เลินของรัฐฯที่อุดหนุน หมุนวนกลับมาทำลายคนของรัฐฯ และเศรษฐกิจในพื้นที่ มันก็คือการเนรคุณแผ่นดินไทย คนพวกนี้น่าจะเอาไปประหารชีวิตให้หมด

    ตอบลบ