10/15/2560

ความรุนแรงและความสูญเสียคำฮิตที่รู้สึกได้ใน 3 จชต.

แบคอรี ลังกาสุกะ





















คงจะบอกว่าอีกครั้งมันคงจะไม่ถูก ต้องบอกว่าทุกครั้ง ที่กลุ่มขบวบนการโจรใต้ได้ก่อเหตุรุนแรงด้วยการเลือกใช้วิธีการลอบวางระเบิดและประกบยิงมีผู้สูญเสียทั้งพี่น้องไทยพุทธและมุสลิม ขณะที่ด่านมีเป็นพันแล้วเขาหลบหนีได้อย่างไร  คำถามนี้คนที่รู้คำตอบที่ดีที่สุดคงจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คนที่ตอบได้ดีที่สุดก็คือคนในพื้นที่เองนี้แหละ โจรใต้เขาไม่หนีผ่านด่านกันหรอกครับ เขาหนีเข้าหมู่บ้านอยู่ในบ้านของชาวบ้านที่จัดตั้งไว้ ขณะที่ชาวบ้านเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่  พอเจ้าหน้าที่มาถามก็บอกว่า กะไม่รู้ แบไม่รู้ ทั้งที่วิ่งเข้าบ้าน  กว่าจะประสานผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาเพื่อร่วมเข้าตรวจค้นกับเจ้าหน้าที่  มันก็หนีไปที่อื่นแหละ ด้วยการสนับสนุนของเพื่อนบ้าน พื้นที่แห่งนี้เมื่อเกิดมักจะจับได้ยาก เจ้าหน้าที่ต้องเก็บพยานหลักฐานเพื่อนำไปตรวจผลนิติวิทยาศาสตร์ ขนาดผลพิสูจน์ DNA ตรงกับผู้ต้องหา มันยังพากันออกมาบอกว่า จับแพะ เลย จนกลายเป็นคำฮิตในพื้นที่ว่าเจ้าหน้าที่จับแพะ แพะที่ตรงกับ DNA  

        ขณะที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหรือถูกลอบยิง ก็จะโกหกสร้างข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ต้องเอาคืน  การปล่อยข่าวลักษณะนี้ มีจุดประสงค์เพื่อต้องการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ ก่อนที่กลุ่มขบวนการจะส่งทีมงูเต๊ะเข้าประกบยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ และโยนผิดให้เจ้าหน้าที่ว่าเป็นการเอาคืนของเจ้าหน้าที่ ถือได้ว่ากลุ่มขบวนการวางแผนชั่วอย่างเป็นระบบ ทีมงูเต๊ะกลุ่มขบวนการส่วนมากจะคุมกูมิตหรือระดับตำบล ทำหน้าที่ 2 อย่างคือควบคุมมวลชน และเก็บเงินต่างๆ ให้กับกลุ่มขบวนการ ใครที่มีปัญหาหรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือแจ้งข่าวให้กับเจ้าหน้าที่ก็จะฆ่าทิ้งซะเหมือนกับที่ฆ่ารายวัน  ฆ่าคนรายวันมันคงไม่ใช่ซอมบี้เหมือนในหนังที่เจอใครก็ฆ่าไปหมด  แต่คนที่ทำได้คือคนที่ต้องรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายตลอด 24 ชม. วันนี้ทำอะไร ไปไหนกลับเวลาไหน ใช้เส้นทางอะไร มันเป็นวิธีเดียวกันกับที่กระทำกับเจ้าหน้าที่ แล้วใครละที่รู้ก็คือกลุ่มขบวนการที่แฝงอยู่กับคนในพื้นที่นั้นแหละ  จะให้เจ้าหน้าที่ไปเฝ้ามองติดตามตลอด 24 ชม. คงเป็นเรื่องที่ตลกน่าดู

    สื่อแนวร่วมขบวนการอาศัยเหตุการณ์ฆ่ารายวัน นำมาเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ พร้อมกับกล่าวถึงการทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ด่วนสรุปเหตุการณ์ฆ่ารายวันกลายเป็นคำฮิตในสามจังหวัดชายแดนใต้ เช่น ขัดแย้งส่วนตัว ขัดผลประโยชน์ธุรกิจผิดกฎหมาย ขัดผลประโยชน์โครงการต่างๆ หรือแม้แต่แย่งชิงอิทธิพลส่วนท้องถิ่น แต่แท้จริงแล้วมันคงไม่ใช่คำฮิตหรือคดีฮิตอะไร เพราะคดีแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกที่ทั่วประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ยิ่งในพื้นที่ด้วยแล้วซึ่งได้รับงบประมาณในการพัฒนาจากรัฐบาลไม่รู้กี่โครงการ ก็ยิ่งทำให้เกิดกิเลสตัณหาแสวงหาผลประโยชน์กับงบประมาณของรัฐ กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นที่อาศัยจ้างทีมงูเต๊ะในการก่อเหตุเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ อีกทังยังโกหกคำโตว่าสรุปคดีเป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว เพื่อต้องการลดงบประมาณเยียวยาทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างลอยเพื่อหวังประเด็นให้คดีความขัดแย้งส่วนตัวได้เงินเยียวยา เหมือนกับคดีความไม่สงบในพื้นที่ สำหรับคดีผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ล่าสุดมติ ครม. เพิ่มเงินเยียวยาให้กับผลได้รับผลกระทบเป็นล้านและมีทุนการศึกษาเรียนจบปริญญาตรี  

    แท้จริงแล้วในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้คำที่ฮิตที่สุดคือ “ความรุนแรงและความสูญเสีย” เสียงระเบิดเสียงปืนที่มาพร้อมกับเสียงร้องไห้ของผู้สูญเสียที่เกิดจากการกระทำของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ประทานยัดเยียดความเจ็บปวดให้กับคนในพื้นที่มาตลอด 13 ปี  บางคนต้องสูญเสียครอบครัว  บางคนต้องกลายเป็นคนพิการ และยังต้องกำพร้าพ่อแม่ เราจำต้องทนกับความรู้สึกแบบนี้อีกนานแค่ไหน มันถูกต้องแล้วหรือที่เราต้องมาทนอยู่ความรุนแรงและความสูญเสียที่กลุ่มขบวนการโจรใต้ยัดเยียดให้ แล้วเรายังจะรับมันอีกหรือ?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น