10/22/2563

นักวิชาการอเมริกันเผย 9 ประเทศ แบนเครือข่ายโซรอส ขณะที่ไทยยังรับเงินบ่อนทำลายประเทศ!

 


เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2020 ดร.สตีฟ เทอร์ลีย์ (Dr.Steve Turley) นักวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น สหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลใหม่ว่า มีหลายประเทศที่เริ่มต่อต้าน และสกัดกั้นนายจอร์จ โซรอส (George Soros) อภิมหาเศรษฐีผู้เป็นนายทุนขบวนการโลกาภิวัฒน์นิยม (Globalism) และเครือข่ายของนายโซรอสในหลายประเทศก็เริ่มถูกแบนมากขึ้นเรื่อยๆ ดร.สตีฟ ระบุว่าตัวของนายโซรอสก็ยอมรับเองว่า ฝ่ายของตนเองกำลังเสียเปรียบ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2019 นายโซรอสเคยกล่าวว่า “Open Societies Are Under Threat” ซึ่งสามารถตีความหมายได้ 2 แบบ คือ สังคมเปิดเสรีกำลังถูกคุกคาม หรือ มูลนิธิ Open Society Foundations (OSF) ของนายโซรอสกำลังถูกคุกคาม สอดคลอดกับข้อมูลที่ดร.สตีฟร่วมรวมมานำเสนอว่า มีประเทศไหนบ้าง ที่ดำเนินนโยบายต่อต้านและแบนเครือข่ายของนายโซรอส ซึ่งมีดังนี้ ฮังการี โปแลนด์ มาซิโดเนีย  รัสเซีย ตุรกี ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และบราซิล


ยกตัวอย่างกรณี กฎมายของรัสเซียนั้นพยายามคุ้มครองศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของรัสเซีย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เครือข่ายของนายโซรอส พยายามบั่นทอนและทำลาย ทำให้รัฐบาลรัสเซียมองว่า เครือข่ายของนายโซรอสเป็นภัยความคงต่อรัสเซีย

รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) จึงได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามไม่ให้องค์กรต่าง ๆ ในรัสเซีย รับเงินจากเครือข่ายของนายโซรอส พร้อมกับยุบองค์กรในเครือข่ายทั้งหมดของนายโซรอส

อ่านเพิ่มเติม
http://www.thailandvision.co/?p=17872&fbclid=IwAR0HamCsRLAPEdgWXG-91ZqJ_QyOkvGl9Gi-C987dXM-O7_L4l71t2iM3MQ


       หันมองประเทศไทย กับเครือข่ายของนายโซรอสที่เคยรับเงินทุนและยอมรับในการทำหน้าที่แบบโลกสวยและถูกกฎหมาย  ซึ่งมีดังนี้

"ประชาไท" นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บประชาไท เปิดเผยกับ “เนชั่น” ว่าประชาไทรับเงินสนับสนุนปีละ 1.7 ล้านบาท จากมูลนิธิของโซรอส ตั้งแต่ปี 2548 โดยโซรอสตั้งมูลนิธิแห่ง นี้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มเอ็นจีโอทั่วโลก”

"พลเมืองเน็ต Thai Netizen"

นายอาทิตย์ สุริยวงศ์กุล ผู้ประสานงาน  Thai Netizen ยอมรับว่าได้รับเงินจากโอเพน โซไซตี้ครั้งเดียวเมื่อปี 2012 เพื่อนำมาพัฒนาเว็บไซต์ “เราได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศอื่นด้วย และโอเพน โซไซตี้สนับสนุนเป็นบางโครงการ”นายอาทิตย์กล่าวและว่าการได้รับเงินจากโอเพน โซไซตี้ไม่น่าจะมีผลใดๆต่อองค์กรของไทย เน็ตติเซน 

 “มูลนิธิผสานวัฒนธรรม”

ในเว็บไซต์ voicefromthais ของมูลนิธิฯ ระบุว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเคยได้รับเงินทุนจาก Open Society Institute ช่วงกันยายน 2554 – สิงหาคม 2556 ในโครงการ “รณรงค์ห้ามการทรมานและให้มีการออกพระราชบัญญัติห้ามและป้องกันการทรมานใน ประเทศไทย” พยายามนำประเด็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน และเสนอรายงานสู่องค์กรระหว่างประเทศ โดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และจงใจพยายามทำลายความน่าเชื่อถือในระบบอำนาจรัฐ และทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีสากล

iLAW

กลุ่ม ilaw ที่เคลื่อนไหวในการ ต่อต้านกฏหมาย ม.112 และ วิพากวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับการดำรงอยู่ของรัฐบาลนั้น เคยรับเงินทุนสนับสนุนจาก กลุ่ม Open Society Foundation (OSF)  และ Heinrich Böll Stiftung (HBF)  ตั้งแต่ปี 2552 จนถึง ปี 2557

Human Right Watch

มูลนิธิ Open Society Foundation (มูลนิธิสังคมเปิดกว้าง) ของ นายจอร์จ โซรอส “พ่อมดการเงิน” ชาวอเมริกันวัย 80 ปี ประกาศบริจาคเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ภายใน 10 ปีข้างหน้า ให้กลุ่มสอดส่องสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” (HRW) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก  โดยมีเป้าหมายให้นำไปใช้ขยายสาขาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างทีมงานในสำนักงานของ HRW ในเมืองหลวงท่ีสำคัญๆ ของประเทศต่างๆ และส่งเสริมการวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศเหล่านั้น นับเป็นการบริจาคเงินของโซรอสให้องค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ท่ีมากท่ีสุดเท่าท่ีเคยมีมา

Amnesty International

Amnesty  ที่เพิ่งออกมาคัดค้านโทษประหาร มีทิศทาง มากกว่าแค่การโจมตีทางการเมืองมานานแล้ว .. หากติดตามสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก จะปรากฏว่า นาย จอร์จ โซรอส เป็นผู้ สนับสนุนทางการเงินคนสำคัญให้กับ Amnesty International งานนี้การที่ เนติวิทย์ และอีกหลายคน กลับเข้าไปทำงานใน Amnesty International ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ(อาสาสมัคร) ก็เท่ากับว่ากลับไปสู่ร่มเงาของ จอร์จ โซรอส นายทุนยิวที่ชอบเคลื่อนไหวเขย่าความมั่นคงของหลายประเทศทั่วโลก



       รูปแบบการสับสนุนเงินทุนของโซรอส เปลี่ยนไปเนื่องจากต่างประเทศที่รู้แผนบ่อนทำลายเรื่องนี้ ต่อต้านและขับไล่เครือข่ายองค์กร  ขณะที่ประเทศไทยเงินทุนของโซรอสได้แทรกซึมไปทุกอณุในประเทศจนทำให้เครือข่ายองค์กรนี้เข็มแข็ง โดยมี NEN  ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติสหรัฐอเมริกาความสัมพันธ์ของ Open  Society และ NED ในไทย จอร์จ โซรอส เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคเดโมแครต และเป็นคนสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา โดยให้การสนับสนุนหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ  ด้วยเงินทุนส่วนตัวมาโดยตลอด  และใช้มูลนิธิ Open Society เป็นตัวแทน ให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนมากแก่องค์กรการกุศล,องค์กรภาคเอกชน และภาครัฐทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ จนสามารถชี้นำในองค์กรเหล่านั้นได้เพื่อสนับสนุนให้เปิดสังคมนั้นๆเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐ  หรือสังคมประชาธิปไตยแบบเสรีที่สำคัญ จอร์จ โซรอส ยังให้เงินทุนสนับ สนุนแก่ NED ด้วย  จึงเป็นพันธมิตรที่ดีในการทำงานร่วมกัน เพื่อแทรกแซงประเทศตนเอง และประเทศต่างๆ  แนวทางการทำงานขององค์กรเหล่านี้ จะใช้การกระตุ้นความตื่นตัวของพลเมือง  โดยข้ออ้างเรื่องหลักๆคือ ประชาธิปไตยสิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำงานของบุคคล 3 กลุ่มหลัก คือ.

    1.นักวิชาการ  ในการผลิตชุดความรู้ เผยแพร่ข้อมูลที่อ้างอิงได้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างน้ำหนักให้สังคมคล้อยตาม 

    2 .นักเขียน, สื่อ, บล็อกเกอร์ หรือ ผู้มีอิทธิพล ( influencer ) ทางสังคม ผ่านช่องทางต่างๆเช่น สื่อออนไลน์ เพื่อสร้างกระแสการติดตาม และส่งต่อเป็นเครือข่ายเหมือนไฟลามทุ่ง

   3.NGO. หรือนักเคลื่อนไหว เพื่อปลุกระดม หรือทำการเคลื่อนไหวต่อต้าน เช่นต่อต้านนโยบายของรัฐที่ไม่ตอบสนองต่อนโยบายของสหรัฐฯ  โดยอ้างประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน  และสิ่งแวดล้อมบังหน้า

ซึ่งรายละเอียดองค์กรหลักที่บ่อนทำลายในปัจจุบัน รับเงินไปซอยย่อยให้เครือข่ายกว่า 236 ล้านบาท มีดังนี้


จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นการชุมนุมสั่งการผ่านโซเชียลของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เรียกร้องประชาธิปไตยจ
ากรัฐ ซึ่งแตกต่างจากในปี 53 และ 56 ซึ่งการชุมนุมในขณะนั้น เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ  แต่การชุมนุนในครั้งนี้ กลับเป็นไปในการจ้องล้มล้างสถาบัน โดยอ้างว่าปฏิรูป โดยที่ทนงตนเองว่าเป็นปัญญาชนลุกมาชุมนุมแต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ความผิดพลาดร้ายแรงนี้รัฐบาลคงจะปฏิเสธความรับผิดชอบของตนเองไม่ได้

ย้อนมอง 3 จชต. ที่มีองค์กรหนึ่งที่รับเงินจากนายโซรอส ก็จะเห็นแจ่มชัดว่ากลุ่มบรรดาเอ็นจีโอเหล่านี้ทำหน้าที่ต่อต้านรัฐบาล คอยประชาสัมพันธ์ข้อมูลเชิงลบให้กับคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ เพื่อเป็นแรงกดดันในการขัดขวางการพัฒนาประเทศ โดยอ้างข้อมูลต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม การพัฒนาชนบท, การพัฒนาชุมชนเมือง, สิทธิเด็กสตรี, สิทธิแรงงาน, อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ  ทั้งนี้ก็เพื่อด้อยค่าประเทศ ไม่ให้พัฒนา หรือให้พัฒนาที่ช้าลง  เพื่อไม่ให้มีเครดิตอำนาจในเวทีสากลโลก ในการต่อรองอำนาจในอนาคต จึงไม่แปลกที่เราๆ ท่านๆ จะเห็นข่าวการต่อต้านการพัฒนาในเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ  เช่น กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่จนต้องระงับโครการ  และปัจจุบันก็เห็นมีการขัดขวางโครงการอุตสาหกรรมจะนะ ที่เลวร้ายไปกว่าคือการชุมนุมของกลุ่มปลดแอกเรียกร้องประชาธิปไตย แก้ไขรัฐธรรมนูญ การล้มล้างสถาบัน โดยอ้างว่าปฏิรูป



นี้คือรูปแบการบ่อนทำลายที่ถูกแทรกแซงเงินทุนต่างชาติ ในการทำลายล้างเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองโลก โดยคนไทยที่ไม่มีจิตสำนึกยอมเป็นเครื่องมือต่างชาติสังหารประเทศชาติตัวเองแบบถูกกฎหมาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังเป็นการสร้างความเกลียดชัง สังคมแตกแยก จนนำไปสู่หายนะให้คนไทยต้องฆ่ากันเอง

ข้อมูลเพิ่มเติมที่:

สหรัฐฯ ‘ยัดเงิน’ เอ็นจีโอ-สื่อ บงการไทย!! http://terrabkk.com/news/192400
หมาเฝ้าบ้าน พร้อมตรวจสอบเงินอเมริกัน http://www.thansettakij.com/content/257990
‘เงินอเมริกัน’ (ไม่) อันตราย http://www.thansettakij.com/index.php/content/256985
Thailand 2017 Collective Action against Corruption https://www.ned.org/region/asia/thailand-2017/
กลุ่มเอ็นจีโอของจอร์จ โซรอสกำลังถูกไล่ล่า-ทำเพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่อกอบโกย http://thaitribune.org/contents/detail/310?content_id=25177&rand=1484227831
มูลนิธิฯจอร์จ โซรอสจ่ายเงินหนุน 4 องค์กรในไทย-เว็บประชาไทเผยไม่ได้มีอิทธิพลต่อการเสนอข่าว-สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศปฏิเสธรับเงิน http://www.thaitribune.org/contents/detail/302?content_id=22327&rand=1471791
อนาคตของเอ็นจีโอที่รับเงินต่างชาติ https://www.posttoday.com/social/think/477868
รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมต่างชาติ https://www.posttoday.com/social/think/538566
“มูลนิธิผสานวัฒนธรรม” เอี่ยว 4 องค์กรไทย รับเงินพ่อมดยิว “จอร์จ โซรอส” http://www.publicpostonline.net/10667



10/21/2563

กระแส 3 นิ้ว กับการพยายามนัยยะแอบแฝงของ PerMAS ที่ไม่สำเร็จ

 

    หลายคนคงได้ทราบหรือเห็นข่าวที่เป็นเทรนด์ในช่วงนี้ คือ การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือประชาชนปลดแอก และกลุ่มนักเรียน/นักศึกษาในหลายๆ โรงเรียนได้มีการแสดงออกทางสัญลักษณ์ด้วยการชูมือ 3 นิ้ว (ชี้-กลาง-นาง) ซึ่งให้ความหมายว่าการแสดงออกครั้งนี้ คือ การต่อต้านการคุกคามประชาชน, การไม่เอาเผด็จการ  ,ต้องการประชาธิปไตย

    เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 63 กลุ่มนักศึกษา PerMAS ได้เชิญชวนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนยะลา ขับไล่รัฐบาล เรียกร้องประชาธิปไตยตามกระแส บริเวณสนามช้างเผือก จังหวัดยะลา โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน ซึ่งผิดความคาดหมายของกลุ่ม PerMAS ที่คาดผู้ชุมนุมจะมา 2000 คน ซึ่ง นายซูกริฟฟี ลาเตะ ประธาน PerMAS ได้ปราศรัยเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และจัดกิจกรรมขับไล่รัฐบาล มีการกล่าวถึงบริบทของการประกาศใช้กฏอัยการศึกและถูกปกครองด้วยทหาร มีการพยายามกล่าวหาใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่าแทรกแซงงานกิจกรรมของนักศึกษา เพราะมีเจ้าหน้าที่ไปร่วมสังเกตการณ์ชุมนุมด้วย

    การที่เจ้าหน้าที่ไปร่วมสังเกตการณ์ เพราะในพื้นที่ยังคงประกาศใช้กฎอัยศึก จากเหตุความไม่สงบ ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม และการชุมนุมที่กลุ่ม PerMAS จัดก็ไม่มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจต้องถูกดำเนินคดีกับการชุมนุม ความคาดหวังของ PerMAS ที่ต้องการเกาะกระแสการชุมนุมเวลานี้ กลับจุดไม่ติด แนวร่วมการชุมนุมไม่มาตามที่ต้องการ ซึ่งทำให้กิจกรรมหลายอย่างที่เตรียมไว้ต้องเปลียนแปลงไป เพราะมวลชนไม่มากพอ  ซึ่งต่างจากนอกพื้นที่ 3 จชต. ที่มีกลุ่มเยาวชนออกมาชุมนุมตามกระแสโดยการชุมนุมถูกสั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือ

    ความจริงแล้วคนในพื้นที่ 3 จชต. ต่างรู้ดีว่ากลุ่ม PerMAS เป็นกลุ่มปีกการเมืองที่ขับเคลื่อนให้กับกลุ่มขบวนการโจรใต้ และนี่คือมูลเหตุที่สำคัญที่ไม่สามารถเรียกมวลชนตามกระแสได้ ถ้ากลุ่ม PerMAS ออกมาเรียกร้องตามแนวทางประชาธิปไตยไม่มีนัยยะอะไรที่แอบแฝงอยู่ก็คงมีมวลชนมามากว่านี้  ประกอบกับมุมมองของคนในพื้นที่มองว่าการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่ผ่านมาสามารถลดความรุนแรงได้ร้อยละ 70 ลดความสูญเสีย และการปฏิบัติงานไม่สร้างเงื่อนไข ความจริงใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ เช่น กรณีทหารพราน ชป.จรยุทธ์ 43 พกปืนเข้าโรงเรียนตาดีบากง จนทำให้ ผบ.ฉก.ทพ.43 ต้องนำทหารชุดดังกล่าวไปขอโทษจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก สร้างความพอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่ พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ฉก.ทพ.43 ออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ

    การเรียกกระแสของกลุ่ม PerMAS ที่ต้องการเรียกน้ำย่อยในการเรียกมวลชนในพื้นที่ 3 จชต. โดยเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา กลุ่ม PerMas ก็ฉวยโอกาสชูป้ายถ่ายภาพ RSD เพื่อสื่อประชาสัมพันธ์ให้นานาชาติ รู้ว่าในอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทยคนไทยส่วนใหญ่นั้น เห็นด้วยกับสันติภาพปาตานีในการทำ RSD เพื่อให้มีการลงประชามติแยกตัวเป็น “เอกราช” ออกจากประเทศไทย ขณะที่วัยรุ่นหนุ่มสาวที่ปากบอกว่ารักชาติ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลุกมาคัดค้านเกี่ยวกับป้ายแบ่งแยกดินแดน แต่กลับไม่รู้อะไรเลย แถมยังร่วมถ่ายภาพเป็นเครื่องมือให้กลุ่ม  PerMas อีกด้วย ปล่อยให้แนวร่วมโจรใต้เขามาชูป้ายแบ่งแยกดินแดนถึงใจกลางเมืองประเทศไทย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 1  ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้  การกระทำของกลุ่ม PerMAS จึงกลายเป็นความผิดกฎหมายที่ชัดเจน ตามความผิดตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 และมาตรา 68 มีโทษตามมาตรา 114  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 116 โทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี  และผิดมาตรา 9 พ.รก.ฉุกเฉิน จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 40000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    การายามจุดกระแสชู 3 นิ้วของ PerMAS เพื่อต้องการเรียกแขกกลับจุดไม่ติด เพราะคนในพื้นที่เขารู้กันหมดแล้ว ว่าการกระทำของ PerMAS ต้องการอะไร  แต่ก็ต้องขอชื่อชมกลุ่ม PerMAS ที่จัดการชุมนุมที่ผ่านมาไม่มีเหตุรุนแรง รู้จักใช่กริยาวาจาที่เหมาะสม ไม่มีการจาบจ้วงสถาบัน สมเป็นปัญญาชน  แต่จะดีมากถ้าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม PerMAS เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตยที่แท้จริง  ไม่เคลื่อนไหว RSD แบ่งแยกดินแดน ไม่เคลื่อนไหวช่วยเหลือโจรใต้  โจรใต้ก่อเหตุฆ่าคนก็ออกมาร่วมประณามบ้างก็ดี  ไม่ใช่มีแต่เงียบอย่างเดียว





-----------------------