หน้าเว็บ

4/24/2557

เอาอีกแล้ว PerMAS



แหวะอก BRN


ตามที่เมื่อวันที่ 19 เม.ย.57 เว็บไซต์ deepsouthwatch.org หรือศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ได้ลงแถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานีหรือกลุ่ม PerMAS ตามที่ทราบกันดีได้ออกมาโจมตีรัฐบาลกรณีเรื่องคนร้ายกราดยิง ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์ อาลีมามะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

แถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี
เรื่องกรณีคนร้ายกราดยิง ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์ อาลีมามะเนื่องด้วยเหตุการณ์กราดยิง ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์ อาลีมามะผู้ก่อความไม่สงบในระดับสั่งการมีหมายจับ ป.วิอาญาในคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.บันนังสตาและใกล้เคียง และยังเป็นเป้าหมายตามแผนพรานพิฆาตไพรี ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2557  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่โหดเหี้ยมไร้ซึ่งหลักมนุษยธรรมและยังสร้างความคลางแคลงสงสัยแก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากตลอดระยะเวลา 10 ปีกับสงครามที่ปาตานีได้คร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนี้อันที่เป็นการกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอซึ่งเป็นเด็กที่เป็นพลเรือนและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับสงครามถือเป็นการละเมิดหลักการทำสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 อนุสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในยามสงคราม (ConventionRelative to the Protection of Civilian Persons in the Time of War) สหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS)เป็นองค์กรร่วมขององค์กรนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานีที่มีจุดยืนทางการเมืองในการขับเคลื่อนสันติภาพตามเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนปาตานีโดยยึดหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากลขอแสดงความเสียใจและขอประณามผู้ปฎิบัติการที่ไร้ซึ่งหลักมนุษยธรรมตลอดจนเสนอแนวทางดังต่อไปนี้

1. รัฐ ไทยควรยอมรับว่าที่นี้คือสงครามที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นตัวขับเคลื่อน และควรเปิดพื้นที่ให้องค์กรสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชนที่ประชาชนไว้ใจ เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ละเมิดหลักมนุษยธรรม
2. รัฐไทยควรเอาจริงเอาจังกับยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพแก่ประชาชนที่แท้จริง
3. รัฐไทยควรถอดถอนทหารออกจากพื้นที่ให้หมดเพราะพิสูจน์แล้วว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมีทหารเต็มพื้นที่ก็ไม่สามารถรักษาความสงบสุขแก่ประชาชนได้รังแต่สร้างความคลางแคลงสงสัยตลอดจนสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลาด้วยจิตรักสันติภาพ
เรามาวิเคราะห์คำแถลงการณ์ของกลุ่ม PerMASดูสิว่าข้างในไส้นั้นมีอะไร?

กรณีข้อ 1 ที่อ้างว่า “รัฐไทยควรยอมรับว่าที่นี้คือสงคราม” เป็นการพูดชี้นำให้เห็นว่าสถานการณ์ใน 3 พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสงครามนั้น กลุ่ม PerMAS มีความพยายามที่จะผลักดันให้เข้าเงื่อนไขความขัดแย้งทางสงครามหรือ War conflict เพื่อที่จะได้ให้องค์กรภายนอกโดยเฉพาะ OIC เข้ามาแทรกแซงซึ่งเป็นแผนและเป็นความพยายามของกลุ่ม BRN ที่วางไว้แล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่ม BRN เพื่อที่จะยกระดับฐานะกลุ่มตนเองขึ้นมาจากที่เป็นกลุ่มโจรก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเหยื่อในการก่อเหตุรุนแรง การกระทำดังกล่าวก็คือเป็นอาชญากรโหดเหี้ยมเลวทรามต่ำช้านี่เอง มิใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธเป็นที่ยอมรับกับองค์กรภายนอกประเทศ และไม่มีเงื่อนไขข้อใดเลยที่เข้าข่ายความขัดแย้งทางสงครามแต่ประการใด แต่กลุ่ม PerMASที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่ม BRN ก็พยายามพูดจาตลบตะแลงให้ประชาชนเข้าใจผิดเช่นนั้นให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องต่อรองกับรัฐในการแบ่งแยกดินแดนตามที่เรารู้กันอยู่ก็เท่านั้น
กรณีข้อ 2 ที่อ้างว่า “รัฐไทยควรเอาจริงเอาจังกับยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพแก่ประชาชนที่แท้จริง”
รัฐบาลได้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เกิดสันติสุขแก่ประชาชนอย่างสุดความสามารถ จะเห็นได้ว่าหน่วยงานของรัฐที่เข้ามาแก้ปัญหาไม่ว่าเป็นด้านความมั่นคงโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ทหารพราน ตำรวจ อส.และหน่วยงานรัฐด้านอื่น ๆ เช่น ศอ.บต. ก็ตามที่จะทำทุกวิถีทางให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอีกทั้งได้พยายามพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชนให้มีความเจริญยิ่งขึ้น ทั้งด้านการศึกษาและอาชีพ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่ม BRN และกลุ่ม PerMASได้พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนโดยอ้างความเห็นต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และอัตลักษณ์ อีกทั้งยังสร้างความเดือนร้อนรายวันเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย จะเห็นได้ชัดเจนในเหตุการณ์ระเบิดอาคารร้านค้าและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 เม.ย.57 และอีกหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำของกลุ่ม BRN ทั้งสิ้นและไม่เคยประกาศความรับผิดชอบการกระทำอันเลวทรามต่ำช้าของตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แต่กลุ่ม PerMASกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนนิ่งเงียบ นี่หรือที่อ้างว่าทำเพื่อสังคมทำเพื่อสร้างสันติภาพแก่ประชาชน มันช่างเป็นคำพูดที่หน้าด้านน่าละอายต่อมวลมนุษย์ชาติเสียเหลือเกิน
กรณีข้อ 3 ที่อ้างว่า “รัฐไทยควรถอดถอนทหารออกจากพื้นที่ให้หมดเพราะพิสูจน์แล้วว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมีทหารเต็มพื้นที่ก็ไม่สามารถรักษาความสงบสุขแก่ประชาชนได้รังแต่สร้างความคลางแคลงสงสัยตลอดจนสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลาด้วยจิตรักสันติภาพ”
เป็นคำพูดที่กลุ่มPerMASพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดว่าเป็นความต้องการของประชาชนข้ออ้างที่ว่าพิสูจน์แล้วเป็นคำพูดเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานยืนยันแต่ประการใด เป็นคำพูดที่กลุ่มPerMASพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดว่าเป็นความต้องการของประชาชน ข้ออ้างที่ว่าพิสูจน์แล้วเป็นคำพูดเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานยืนยันแต่ประการใด ขอแนะนำให้ดูงานวิจัยของหน่วยงานหนึ่งก็แล้วกัน ตามตาราง 

ซึ่งในแบบประเมินที่แจกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่นั้น มีอยู่หลายตอนและหลายคำถามด้วยกัน เช่นในหัวข้อเสนอ “ให้รัฐต้องมีนโยบายที่ตอบสนองต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” มีความเห็นมากที่สุด และข้อเสนอ “ถอนกำลังทหารออกจาก 3 จชต.”มีความเห็นน้อยที่สุด นั่นหมายความว่าเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ที่ต้องการให้ทหารอยู่เคียงคู่กับประชาชนเพื่อดูแลปกป้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินของเขา ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยบางส่วนเพียงเล็กน้อยนั้นก็คงเป็นพวกบริวารข้ารับใช้ของกลุ่ม BRN หรือกลุ่มอิทธิพลที่มีผลประโยชน์มหาศาลซึ่งเป็นภัยแทรกซ้อนอยู่ในพื้นที่ ก็จะได้มีอิสระสร้างอิทธิพลในพื้นที่ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ของตนได้อย่างเสรี ถ้าหากทหารออกจากพื้นที่ไปนั่นแหละคือทาสแท้ในคำเรียกร้องของกลุ่ม PerMAS ที่แท้จริง

เห็นไหมครับว่ากลุ่ม PerMAS มีแต่โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี เพื่อสนับสนุนการกระทำอันชั่วชาติของกลุ่ม BRN แม้แต่กรณีนี้ก็เช่นกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้เลยว่าเป็นใคร และผู้ตายก็เป็นสมาชิก BRN ระดับสั่งการ แถมมีคดีหมายจับ ป.วิอาญา มากมายหลายคดี แต่ในขณะเดียวกันที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตามท้องถนนหรือในที่สาธารณะก็ดี หรือแม้แต่กรณีที่ผู้ก่อความรุนแรงกราดยิงพระสงฆ์และชาวบ้านที่กำลังใส่บาตรตายอย่างน่าสมเพศเวทนา ทำไมเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและสะเทือนขวัญประชาชนแบบนี้ กลุ่ม PerMASและกลุ่ม NGOs ไม่เคยออกมาแสดงตนหรือแสดงบทบาทตามอุดมคติของกลุ่มตนที่ตอแหลอ้างแต่ความชอบธรรมว่า “มีจุดยืนทางการเมืองในการขับเคลื่อนสันติภาพตามเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนปาตานีโดยยึดหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากล” เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงและเป็นแนวร่วมกลุ่ม BRN เสียชีวิตไม่ว่าเหตุใด ๆ กลุ่ม PerMAS  ก็จะรีบออกโรงมาก่อนทุกครั้งและทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายเสียให้ได้ ทั้งที่คนที่ตายก็คือสมาชิกระดับสั่งการของ BRN ที่ก่อกรรมทำชั่วกับประชาชนผู้บริสุทธิ์มามากมาย แทนที่น่าจะเป็นที่พึงพอใจที่โจรชั่วสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนลดลง ตามอุดมการณ์ของกลุ่ม PerMAS ที่กล่าวอ้าง แต่กลับกลายเป็นออกร้อนแทนรึเป็นพวกเดียวกัน....
----------------------------


4/22/2557

“บันนังกูแวเลือด”ฆ่าล้างครัว “ดาราเซะ”

 แบมะ  ฟาตอนี

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 15.25 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ยิงราษฎรเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ขณะขับรถยนต์กระบะอยู่บนถนนสาย 410 บ้านบันนังกูแว หมู่ 4 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ซึ่งมีผู้ที่เสียชีวิต จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายดอรอแม ดาราเซะ อายุ 54 ปี นางอาอีเสาะ เฮงดาดา อายุ 49 ปี และ เด็กหญิงนูรอีมาน ดาราเซะ อายุ 2 ปี 8 เดือน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ เด็กชายสุไลมาน ขอสวัสดิ์ อายุ 12 ปี 2 เดือน ซึ่งเป็นครอบครัวของนายอับดุลฮากิม ดาราเซะ อดีตอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
ปมความขัดแย้ง ครอบครัว ผดุง - ดาราเซะ

นายอับดุลฮากิม ดาราเซะ เป็นอดีตสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา มีความขัดแย้งกับตระกูล ผดุงโดยมาจากสาเหตุที่ นายอาแซ ผดุง บุตรชาย นายดอเลาะ ผดุง ตกเป็นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิด 2 ครั้ง ด้วยกัน และปมสำคัญนำไปสู่ความขัดแย้งเริ่มต้นจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดนายอับดุลฮากิม ดาราเซะ กับพวกในพื้นที่บ้านบันนังกูแว เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 โดยนายอับดุลฮากิมฯ ให้การยืนยันชัดเจนว่า นายอาแซ ผดุง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนั้น และเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ได้เกิดเหตุคนร้ายกราดยิง นายดอเลาะ ผดุง และนางมารีแย ผดุง สองสามีภรรยาเสียชีวิต ฝ่ายญาติๆ และครอบครัว ผดุง ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของนายอับดุลฮากิม ดาราเซะ
เหตุ อับดุลฮากิม ดาราเซะ หันหลังให้กับขบวนการ นำมาซึ่งความตายของครอบครัว
นายอับดุลฮากิม ดาราเซะ เคยเข้าร่วมขบวนการแต่ในภายหลังได้ถอนตัวออกมามอบตัวกับทางการ ส่วนสาเหตุที่นายอับดุลฮากิมฯ ได้ออกมามอบตัวเป็นเพราะพ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยที่นายอับดุลฮากิมฯ เข้าร่วมขบวนการเพื่อทำการก่อเหตุรุนแรง เลยตัดสินใจหันหลังให้กับขบวนการ แต่เมื่อระดับแกนนำสั่งการรู้เรื่องเข้า นำมาซึ่งความไม่พอใจ ได้นำอาวุธมามอบให้กับนายอับดุลฮากิมฯ เพื่อยิงพ่อแม่ของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้เลยตัดสินใจยุติบทบาทการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับทางการ หลังแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมกับสมัครเข้าเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ประจำการที่อำเภอบันนังสตา เหตุการณ์หลังจากนั้นทุกครั้งที่เกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ อำเภอบันนังสตา โดยเฉพาะบ้านบันนังกูแว มีผู้เสียชีวิตหรือไม่เสียชีวิตก็ตามทีก็มักจะระบุว่าเป็นฝีมือของนายอับดุลฮากิมฯ เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เช่นกันผู้ก่อเหตุรุนแรงกระทำการก่อเหตุครั้งใดก็จะทิ้งใบปลิวที่อ้างความโกรธแค้นต่อนายอับดุลฮากิมฯ อย่างเช่นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2557 เหตุปาระเบิด M-26A1 ร้านก๋วยจั๊บ หน้าโรงเรียนผดุงประชาพาณิชยการ มีการทิ้งใบปลิวข้อความว่า โทษฐานที่มึงปล่อยให้หมาอับดุลฮากิม ดาราเซะ อส.อ.บันนังสตา ระรานชาวบ้านบันนังกูแว ในที่สุดความขัดแย้ง ความหวาดระแวงที่มีต่อกันนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัว ดาราเซะ และครอบครัว ผดุงโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร หรือจะเป็นมือที่สามที่รับจ้างก่อเหตุ
เมื่อความขัดแย้งส่วนตัว PerMAS กลับสร้างเรื่องกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

 มาถึงวันนี้เมื่อทำการปะติดปะต่อจิ๊กซอของความสูญเสียนำมาสู่ บันนังกูแวเลือดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งของคนสองตระกูลที่ห้ำหั่นเข่นฆ่าล้างแค้นกันโดยไม่กลัวเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่ยังมีองค์กรบางกลุ่มที่อาศัยสถานการณ์ความไม่สงบเหตุการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้อเล่นกับความเป็นความตายของประชาชนมาแต่งเติมเสริมแต่ง เพิ่มปัญหาชี้นำทางความคิด บิดเบือนความจริง กล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอดเวลา โดยเฉพาะแมลงร้ายอย่าง PerMAS กับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวเสียทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ แต่เมื่อความจริงปรากฏไม่เคยรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นกับผลของการกระทำในการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนเกิดความแตกแยกทางความคิด ทำลายการอยู่ร่วมกันอย่างพหุสังคม สร้างความหวาดระแวงที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับประชาชน ประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐอย่างชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยก่อนหน้านี้
ประชาชนปาตานี คือผู้กำหนดทิศทางสันติภาพ นำพาสันติสุข

ประชาชนปาตานี ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทุกคน คือผู้ที่จะกำหนดทิศทาง ความต้องการในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง อย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่ม หรือองค์กร ที่แสวงผลประโยชน์ โดยเฉพาะขบวนการ BRN และกลุ่มสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ที่ชอบแอบอ้างเป็นตัวแทนประชาชนมุสลิมปาตานี แต่กลับคอยยุแหย่ เสี้ยมสอน ชี้นำทางความคิด บิดเบือนความจริง บิดเบือนประวัติศาสตร์ เอาเรื่องราวในอดีตมาเล่าใหม่สร้างความโกรธแค้น เกลียดชังไม่มีที่สิ้นสุด ประชาชนในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับเสียงระเบิด ควันปืน และกลิ่นคาวเลือดไม่เว้นวัน
            ถึงเวลาแล้วที่จะต้องก้าวผ่านความขัดแย้งทั้งปวง เพื่อแสวงหาทางออกของปัญหาร่วมกัน ต่อต้านการกระทำที่ส่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม การก่อเหตุสร้างความรุนแรงทุกรูปแบบของผู้ที่ไม่หวังดี ผนึกกำลังกันนำพาสันติสุขกลับคืนมาเพื่อลูกหลานชาวปาตานี ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุขเหมือนประชาชนภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ เพราะ ประชาชนปาตานี คือผู้กำหนดทิศทางสันติภาพ นำพาสันติสุขกลับคืนมาอย่างแท้จริง

@@@@@@@@@@

4/20/2557

“ยิงพ่อ สังหารลูก”เล่ห์เหลี่ยมโจรใต้ที่จะต้องรู้เท่าทัน


แบมะ ฟาตอนี

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 เวลา 19.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงนายมุกตาร์ อาลีมามะ อายุ 32 ปี และบุตร เด็กชายลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่ได้มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบันนังสตา อยู่บ้านเลขที่ 66/2 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตาเหตุเกิดที่ บ้านอูเป ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งนายมุกตาร์ อาลีมามะ เป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิ.อาญาหลายหมาย
พฤติกรรมนายมุกตาร์ อาลีมามะ
"นายมุกตาร์ อาลีมามะ มีหมายจับคดี ป.วิ.อาญา หลายหมาย มือสังหารผู้กองแคน-ธรนิศ/จ่าเพียร เป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องการตัวมาก เนื่องจากทางการเชื่อว่านายมุขตาร์ อาลีมามะ เป็นนักรบและหัวหน้าขบวนการปลดแอกเอกราชปาตานี ในพื้นที่อำเภอบันนังสตา"
นายมุกตาร์ อาลีมามะ เป็นแกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ รับผิดชอบในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีหมายจับในคดีความมั่นคงรวม 6 หมายจับ แยกเป็น ที่ สภ.บันนังสตา จำนวน 5 หมาย สภ.ธารโต 1หมาย โดยคดีสำคัญ คือ ยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารพราน ภายในโรงเรียนบ้านเขื่อนบางลาง ทหารพรานเสียชีวิต 1นาย และปล้นปืน AK 47 ของทหารพรานหลบหนีไปจำนวน 6 กระบอกด้วยกัน เมื่อปี 2550 รวมทั้งร่วมกับพวกซุ่มยิง ร.ต.อ.ธรนิศ ศรีสุข หรือผู้กองแคน เสียชีวิต ที่ควนนวรัตน์ บ้านสายสุราษฎร์ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2550 และเหตุลอบวางระเบิด พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา เสียชีวิตที่หมู่ 9 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ เมื่อตอนต้นปี 2553
เสียงสะท้อนจากชาวบ้านหลังเกิดเหตุ
จากการสอบถามชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ชาวบ้านได้ยินเสียงปืน 30 กว่านัด หลังจากสิ้นเสียงปืนชาวบ้านจึงรวมตัวกันขึ้นไปดูเหตุการณ์ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนจำนวนมากและพบศพของนายมุขตาร์ กับ ลูกชาย บริเวณนั้นมีรอยกระสุนที่รถจักรยานยนต์ของนายมุกตาร์ อีกด้วย ชาวบ้านจึงได้นำศพลงมาจากสวนยางบนภูเขา อีกทั้งข้อมูลที่ได้รับจากชาวบ้านที่มีความน่าสนใจต่อการเสียชีวิตของสองพ่อลูก ประเด็นแรก เป็นการหักหลังกันเองในกลุ่ม RKK เนื่องจากนายมุขตาร์ เป็นแกนนำระดับสั่งการในกลุ่มอาร์เคเค เคยวางแผนร่วมกับนายมะแอ อภิบาลแบ อดีตแกนนำระดับสูง ที่ถูกวิสามัญเมื่อกลางปี 2554 นำระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักร่วม 100 กก.ไปลอบวางระเบิด พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา เสียชีวิตที่หมู่ 9 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ เมื่อตอนต้นปี 2553 หลังจากนั้น นายมุกตาร์ก็รับช่วงเป็นแกนนำระดับสั่งการต่อ แต่ภายหลังมีกระแสว่า เกิดความขัดแย้งกันเองภายในกลุ่ม ประเด็นที่สอง เนื่องจากนายมุขตาร์ อาลีมามะ เข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มค้ายาเสพติดในพื้นที่ รวมทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องการทำไม้เถื่อน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเกิดจากความขัดแย้งกันเองภายในกลุ่ม อาจเป็นชนวนนำไปสู่ความตายเนื่องจากขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์ไม่ลงตัว

ฆ่าพ่อสังหารลูกเล่ห์เหลี่ยมโจรใต้ที่ต้องรู้เท่าทัน

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่ได้ลดความรุนแรงลงอย่างที่หลายฝ่ายต้องการที่จะเห็น ความสูญเสียยังเกิดขึ้นรายวัน และโจทย์ก็ยังเป็นโจทย์เดิมๆ รูปแบบการก่อเหตุความรุนแรงกลุ่มคนร้ายยังคงนำรูปแบบเดิมๆ วนเวียนมาเล่นใหม่  อย่างเช่นแผนชั่วโจรใต้ ฆ่าพ่อสังหารลูกข้อสังเกต กรณีการนำศพของเด็กชายลุกมาน อภิบาลแบ มาส่งที่โรงพยาบาลบันนังสตานั้น รับทราบขั้นต้นแค่เพียงว่าเป็นคนตัดไม้ที่อยู่ในพื้นที่ แต่แนวโน้มไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากเมื่อส่งเด็กเข้าโรงพยาบาลแล้วรีบหลบออกจากโรงพยาบาลโดยทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่จำรถและทะเบียนไม่ได้ โดยลำดับขั้นตอนมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ในการโฆษณาชวนเชื่อ เพียงเพื่อหวังโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ หลังจากนั้นสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มขบวนการ ด้วยการลงมือเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเช่นเหมือนเหตุการณ์ต่อหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา จากการก่อเหตุนำไปสู่การเคลื่อนไหวโดยองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) และสื่อแนวร่วมซึ่งเป็นปีกของขบวนการ BRN ทำการโฆษณาชวนเชื่อขยายผลตามแผนที่ได้วางไว้
ผลประการแรก เนื่องจากเป็นการสังหารผู้ที่มีประวัติเป็น ผกร. ผู้ที่วางแผนต้องการให้กลุ่มสหพันธ์นิสิต นักเรียนนักศึกษา และเยาวชนปาตานี (PerMAS) และนักสิทธิมนุษยชนออกมาเคลื่อนไหวประโคมข่าวสร้างกระแสปลุกปั่นกล่าวหาเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ประการที่สอง เป็นการฆ่าตัดตอนกันเองภายในองค์กร เนื่องจากผู้ตายเป็น ผกร. ระดับสั่งการกุมความลับไว้มากมาย ก่อนหน้านี้  เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอับดุลเล๊าะ ปูลา ผกร.ในเครือข่ายของผู้ตาย เมื่อวันที่ 30 มี.ค.56 นำไปสู่การขยายผลโครงข่าย ผกร.ในพื้นที่ ซึ่งโดยทั่วไป ผกร. ระดับปฏิบัติการจะรับรู้เพียงบุคคล หรือแผนการในเครือข่ายเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ สามารถตรวจสอบเชิงลึกขยายผลไปยังกลุ่มอื่นได้ มีเพียง ผกร. ระดับแกนนำเท่านั้นที่สามารถติดต่อประสานงานกับส่วนอื่น เป็นไปได้ว่าการสังหารนายมุกตาร์ คือการฆ่าตัดตอนเพื่อไม่ให้สามารถขยายผลไปสู่เครือข่ายในพื้นที่อื่นๆ
ประการที่สาม เป็นการวางแผนสร้างสถานการณ์ของกลุ่มขบวนการ ด้วยการสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าพระ ครู ประชาชนชาวไทยพุทธในพื้นที่เพื่อสร้างความหวาดกลัวโดยอ้างเพื่อล้างแค้นให้แก่พี่น้องมุสลิมเหมือนที่เคยปฏิบัติที่ผ่านมา หากจำกันได้เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายได้ลงมือก่อเหตุเข่นฆ่าเป้าหมายอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็น พระ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้หญิง และครู แล้วลงมือจุดไฟเผา โดยอ้างว่าเป็นการแก้แค้นให้กับเด็กมุสลิม 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของนายเจ๊ะมุ มะมัน ที่โดนคนร้ายฆ่าตายที่บาเจาะ
เหตุบันนังกูแว คือแนวทางการเดินเกมส์

            จากเหตุคนร้าย กราดยิงเด็ก 3 ศพ บุตรของนายเจ๊ะมุ มะมัน ที่บาเจาะ ต่อเนื่องมาถึงเหตุ 2 ศพ ผัว-เมีย บันนังกูแว สหพันธ์นิสิต นักเรียนนักศึกษา และเยาวชนปาตานี (PerMAS) และนักสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะนายสุไฮมี ดูละสะ ประธานกลุ่ม PerMAS ที่ได้แสดงตัวชัดเจนในการลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมข้อมูลในการดำเนินการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

ความเคลื่อนไหวล่าสุด สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐไทยยอมรับว่าที่นี้คือสงครามที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นตัวขับเคลื่อนและควรเปิดพื้นที่ให้องค์กรสิทธิมนุษยชน (NGOs) ภาคประชาสังคม ภาคประชาชนที่ประชาชนไว้ใจ เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ละเมิดหลักมนุษยธรรม รัฐไทยควรเอาจริงเอาจังกับยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพแก่ประชาชนที่แท้จริง และที่สำคัญที่สุดรัฐไทยควรถอดถอนทหารออกจากพื้นที่ให้หมดเพราะพิสูจน์แล้วว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมีทหารเต็มพื้นที่ก็ไม่สามารถรักษาความสงบสุขแก่ประชาชนได้รังแต่สร้างความคลางแคลงสงสัยตลอดจนสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลา
สื่อแนวร่วมนำเสนอข่าวกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ
 สำนักสื่อ WARTANI สื่อแนวร่วมขบวนการโจรใต้ ได้นำเสนอข่าวบิดเบือนความจริงตามที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ในเว็บไซต์ deepsouthwatch.org ซึ่งไม่ได้เป็นที่แปลกใจเท่าไหร่นัก อาจจะเหมือนเป็นเรื่องปกติที่สื่อเหล่านี้ได้ปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว โดยมีการกล่าวแอบอ้างว่า เสียงสะท้อนจากชาวบ้านต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีลูกชายนายมุขตาร์เสียชีวิตอยู่ด้วย ชาวบ้านต่างแสดงความไม่พอใจกับการกระทำต่อเด็กอย่างทารุณ และชาวบ้านเชื่ออีกว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้สองวัน พร้อมทั้งจั่วหัวข่าวในการนำเสนอ เหตุยิงพ่อลูกที่บันนังสตา ชาวบ้านเชื่อเจ้าหน้าที่เป็นคนทำ
          
  เพจ : Patani Darussalam News ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ ของฝ่ายตรงข้ามที่ได้เคลื่อนไหวบิดเบือนข้อมูลข่าวสารมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ข่าวสารทั่วๆ ไป ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการปิดล้อมตรวจค้น รวมทั้งมีการนำเสนอข่าวของนายมุกตาร์ อาลีมามะ แนวร่วมโจรใต้ที่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่รัฐมีแต่คอยจ่ายเงินชดเชยครอบครัวของเหยื่อ แต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เรียกร้องสิทธิในการดำเนินตามแนวทางของตนเอง สิทธิที่มนุษยชนสมควรจะได้รับให้กับสังคมมลายูปาตานี
สันดานโจรใต้ไม่เคยเปลี่ยน
เมื่อความจริงปรากฏจากคดีความมั่นคงที่ผ่านมา นำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย  เหตุสังหารมาจากเรื่องส่วนตัว ความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน รวมไปถึงการสร้างสถานการณ์โดยโจรใต้เอง ได้ลงมือก่อเหตุฆ่าลูกหลานชาวมุสลิมปาตานี "มุสลิมฆ่ามุสลิม" แต่สันดานเถื่อนถ่อย กลับกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขที่โจรใต้เขียนขึ้นมากับมือ ด้วยการประกาศกร้าวตั้งเป้าลงมือฆ่าล้างแค้นคนไทยพุทธกลุ่มน้อยในพื้นที่แห่งนี้ให้เกิดความหวาดกลัว มันส่อถึง สันดานโจรใต้ไม่เคยเปลี่ยนแสดงให้เห็นว่าธาตุแท้โจรชั่วไร้ศาสนาเหล่านี้ไม่เคยมีเลยแม้อุดมการณ์ผุๆ ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นจากการกระทำของกลุ่มขบวนการที่สั่งการโดยระดับแกนนำ ให้ RKK ในพื้นที่ลงมือก่อเหตุสร้างสถานการณ์แล้วโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ อย่าดูถูกประชาชนชาวปาตานีอีกต่อไปเลย กับการสร้างเรื่องบิดเบือนข้อเท็จจริง เดี่ยวนี้ประชาชนเค้าหูตาสว่างสามารถแยกแยะ วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารและเลือกเสพสื่อที่นำเสนอความจริงเท่านั้น “10 ปี ที่ขมขื่น คงจะเพียงพอสำหรับความจริงใจของขบวนการ BRN ที่แสดงละครตบตาประชาชนมาโดยตลอด

@@@@@@@@@@