หน้าเว็บ

12/30/2557

เมื่อมีคนเล่าว่า“บันนังสตา”คือเมืองหลวงรัฐปัตตานี

อิมรอน

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รวบรวมสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าวและนำมาสังเคราะห์และจัดเก็บในระบบฐานข้อมูลเพื่อเป็นฐานในการอธิบายปรากฏการณ์ความรุนแรงอย่างเป็นวิชาการ


          โดยจะมีการเผยแพร่ข้อมูลและบทวิเคราะห์อยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลเป็นสถิติในหลายมิติ  อาทิเช่น สถิติจำนวนของเหตุการณ์และผู้บาดเจ็บล้มตาย องค์ประกอบของเหตุการณ์อย่างวันเวลา พื้นที่ รูปแบบ ผู้กระทำการ เหยื่อหรือเป้าหมายในการก่อเหตุ

          กระบวนการจัดเก็บโดยเก็บรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทางเปิดอย่างสื่อมวลชนและได้รับความอนุเคราะห์จากฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการหลายแห่ง ได้แก่ ส่วนปฏิบัติการและรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ศูนย์ปฏิบัติการร่วม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) งานการข่าว ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) และศูนย์ประสานงานเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ จังหวัดยะลา

          ในส่วนของรอบปี 2557 มีเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งสิ้น  793 เหตุการณ์ เฉลี่ยเดือนละ 66 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 330 คน เฉลี่ยเดือนละ 28 คน และบาดเจ็บทั้งสิ้น 663 คน เฉลี่ยเดือนละ 55 คน

          เดือนที่เกิดเหตุสูงสุด : พฤษภาคม จำนวน 128 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 26 คน และได้รับบาดเจ็บ 135 คน

          เดือนที่เกิดเหตุต่ำสุด : ธันวาคม จำนวน 44 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 7 คน และได้รับบาดเจ็บ 16 คน

          ในส่วนของรายละเอียดเพิ่มเติมท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านได้ในเว็บไซต์ deepsouthwatch.org ตามลิ้งค์นี้ครับ  http://www.deepsouthwatch.org/node/6596



          ข้อมูลที่น่าสนใจ 10 อำเภอที่มีเหตุการณ์สูงสุดในรอบปี 2557 อำเภอที่เป็นอันดับต้นๆ คงจะหนีไม่พ้นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือจะมองอีกแง่มุมหนึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มขบวนการคงจะไม่ผิด เรามาดู 10 อันดับกันว่าอำเภอไหน จังหวัดไหนติดอันดับกันบ้าง

            อันดับที่ 1 อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา จำนวน 54 เหตุการณ์ เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บ 30 คน

            อันดับที่ 2 อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 44 เหตุการณ์ เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บ 29 คน

            อันดับที่ 3 อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 44 เหตุการณ์ เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บ 27 คน

            อันดับที่ 4 อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา จำนวน 42 เหตุการณ์ เสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 50 คน

            อันดับที่ 5 อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี จำนวน 41 เหตุการณ์ เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บ 85 คน
            อันดับที่ 6 อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จำนวน 40 เหตุการณ์ เสียชีวิต 23 คน บาดเจ็บ 38 คน
            อันดับที่ 7 อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวน 36 เหตุการณ์ เสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บ 17 คน

            อันดับที่ 8 อำเภอรามัน จังหวัดยะลา จำนวน 32 เหตุการณ์ เสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บ 7 คน
            อันดับที่ 9 อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส จำนวน 30 เหตุการณ์ เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 19 คน

            อันดับที่ 10 อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี จำนวน 29 เหตุการณ์ เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 54 คน

ทำไม? อำเภอบันนังสตา ติดอันดับ 1 และติดอยู่ในโผตลอด

          หลายคนอาจตั้งคำถามสงสัยว่าทำไม บันนังสตา อำเภอเล็กๆ อำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลาถึงได้เกิดเหตุมากที่สุดในรอบปี มาดูการสนทนาของผู้เขียนกับผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งซึ่งพื้นเพเป็นคนในพื้นที่แห่งนี้ เขาได้ซึมซับข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นจากการเล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปากในร้านน้ำชา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเรามาอ่านและวิเคราะห์กันครับ

          เคยรู้ไหม..โจรใต้ฟาตอนี เขาคิดจะตั้งเมืองหลวงที่ไหนเป็นเมืองหลวงของรัฐปัตตานี..ผมกล่าวขึ้นลอยๆ ในเช้าของวันหนึ่งหลังจากนั่งดูข่าวทีวี โจรใต้เผาโรงเรียน 6 แห่งในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง และอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี

          อามีนบอกว่าได้ยินยิ่งกว่าได้ยิน..เขารู้แล้วด้วยซ้ำว่าพวกนั้นจะตั้งที่ไหนเป็นเมืองหลวงของรัฐปัตตานี.....
          “อ้าวจริงหรอ? ที่คนทั่วไปรู้ผมมีความตื่นเต้นใคร่รู้ แต่ก็ต้องรีบเก็บอารมณ์ให้เป็นปกติให้มากเท่าที่จะทำได้
          รู้สิครับหัวหน้า เขาวางแผนเอาไว้ทั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าจะตั้งที่ไหน..” “ปัตตานีนะซี”..ผมชิงพูดขึ้นมาก่อนที่อามีนยังพูดไม่ทันจะจบ
          เปล่าเลย..หัวหน้ารู้มาแบบผิดๆอามีนมองดูหน้าผมในขณะที่สีหน้าอมยิ้มอย่างผู้รู้
          อ้าว..แล้วที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่ปัตตานีผมมองตาของเขาอย่างสงสัย

          อามีนเอากระดาษพร้อมดินสอมาขีดเขียนแผนที่อย่างคร่าวๆ พร้อมทั้งอธิบายให้ผมฟัง มือเขียนไปปากก็พูดไป ตรงนี้นะ อำเภอธารโต..ฝั่งตรงกันข้าม คือ รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ถ้าย้อนขึ้นมาด้านนี้จะเป็นเส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองยะลา แล้วตรงไปสี่สิบกว่ากิโลเข้าตัวเมืองปัตตานี วกขวามือจะเป็นแนวชายฝั่งทะเล เป็นเส้นทางไปยังนราธิวาส ออกจากนราธิวาสจะเป็นตากใบ แล้วเข้าสู่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย..

          “อามีน..พูดมาตั้งนาน ยังไม่รู้เลยว่าเมืองหลวงของเขาจะตั้งที่ไหน..?ผมกล่าวขึ้นขัดจังหวะอามีนหลังจากนำกระดาษแผ่นดั่งกล่าวขึ้นมาดูอย่างละเอียดแล้ววางกลับไปบนโต๊ะ
          นี่ไง..หัวหน้า..ตรงนี้เรียกว่า..อำเภอบันนังสตา ตรงนี้แหละเมืองหลวงของเขา..เขาชี้ไปยังจุดๆ หนึ่งในแผ่นกระดาษ

          ผมอึ้ง..คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอำเภอบันนังสตา ทั้งๆ ที่ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่าหากกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ เมืองหลวงจะตั้งที่ปัตตานี มันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะว่าชื่อของปัตตานีดังมาก..โลกอิสลามรู้จักเป็นอย่างดี ทำไมจึงไม่ตั้งเมืองหลวงที่ปัตตานี ทำไมจึงเลือกอำเภอเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย..แต่เมื่ออามีนบอก และคนในพื้นที่รู้ดีที่สุดกว่าผม..ผมก็รับฟังไว้

          เอาเถอะ..ไม่ว่าโจรใต้ฟาตอนีจะเลือกบันนังสตาหรือที่ไหนก็ตามแต่เราก็ได้แต่รับฟัง..ผมลองเข้าไปดูแผนที่ใน Google จะพบว่าทางตอนใต้ของบันนังสตา คือเขื่อนบางลาง และลงใต้ไปคืออำเภอเบตง พวกโจรใต้ฟาตอนีคงจะคิดในด้านความมั่นคงในระยะยาว ถ้าเขาได้ปัตตานีมาเป็นประเทศของเขา เมืองหลวงที่ตั้งจึงจะต้องมีภูมิศาสตร์ที่ดี

          ถ้าเอาปัตตานีเป็นเมืองหลวง รัฐบาลไทยก็จะส่งกองทัพเรือยกพลขึ้นบกได้ในชั่วพริบตา แต่ถ้าเลือกเอาบันนังสตา..เต็มไปด้วยขุนเขา ป่าฮาลาบาลาที่รกทึบเป็นที่หลบซ่อนตัว ซึ่งเป็นยุทธภูมิที่ดีมาก อีกอย่างถ้าจะอาศัยกองกำลังที่สะสมเอาไว้ที่ต่างประเทศ จะได้พึ่งพาอาศัยได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมคิดไปถึงกองกำลังจากอินโดนีเซีย เข้ามายังบันนังสตาได้ง่ายยิ่งนัก

          อำเภอบันนังสตา มีเนื้อที่ประมาณ 629 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 57,700 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 82.20 นับถือพุทธศาสนาร้อยละ 17.80 อยู่ห่างจากจังหวัดยะลา 39 กิโลเมตร เส้นทางสาย 410 ตัดผ่านภูเขาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ โจรใต้ฟาตอนีมีความเข้มแข็งมากกว่าที่อื่น เชื่อว่ามีการส้องสุมกองกำลังในป่าภูเขาแถบนี้มานานแล้ว

          อามีนเปิดเผยชื่อหัวหน้าใหญ่ในพื้นที่บันนังสตาให้ฟังว่ามีหลายคนทั้งมีชีวิตอยู่และได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางได้แก่ อาหมัด ตืองะ หรืออุสตาซมะ เป็นครูผู้สอนศาสนาที่โด่งดังมาก ตามด้วย อุสตาซ อีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น สการีนา หะยีซาเมาะ, อีสมาแอล รายาหลง (ชื่อเล่นอุสตาซโซ๊ะ), อุสมานเด็งสาแม (อุสตาซสมัง), รอเซะ ดอเลาะ ซึ่งแต่ละคนจะมีกองกำลังเป็นของตนเอง

          กลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนีได้มอบความไว้วางใจให้หัวหน้าโจรทำการเคลื่อนไหวต่อสู้เร่งการปลดปล่อยบันนังสตา เสริมเขี้ยวเล็บ ลอบโจมตีสร้างความสูญเสียให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มขบวนการ จนยอดการก่อเหตุติดอันดับต้นๆ ของปัญหาไฟใต้

          นี่คือกุศโลบายของแกนนำขบวนการ ที่ได้หลอกล่อสมาชิกแนวร่วม รวมทั้งประชาชนได้หลงเชื่อมาโดยตลอด เหตุการณ์ได้ผ่านมา 10 กว่าปี สถานการณ์ภาคใต้ก็ยังไม่คลี่คลาย เพราะความเพ้อฝันของนักรบฟาตอนียังไม่สูญสิ้น หลงเชื่อว่ารัฐปัตตานีจะต้องเกิดขึ้นในสามจังหวัด แต่..ประชาชนมลายูเองไม่ต้องการเอกราช อยากอยู่อย่างสงบสันติเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมา และไม่อยากเห็นความสูญเสียของพี่น้องประชาชนไปมากกว่านี้ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัด ทุกคนหมดกำลังใจ ต่างรู้สึกเศร้าเสียใจ จนพูดไม่ออก เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ หลายชีวิตที่ต้องสูญเสียส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเด็ก ผู้หญิง คนชรา และผู้บริสุทธิ์  พอกันที...กับการเพ้อฝันกับสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เพราะการต่อสู้ดังกล่าวไม่มีทางประสบความสำเร็จและแยกตัวเป็นเอกราชได้ เหตุการณ์ยาวนานถึง 10 ปี ได้บ่งชี้แล้วว่า...นักรบฟาตอนีหมดหนทางต่อสู้ ถึงสู้ก็ไม่มีหนทางที่จะชนะ...

----------------------------

12/23/2557

แนวทางการต่อสู้ของขบวนการ BRN

อิมรอน

ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดมาอย่างยาวนานไม่จบสักที ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มขบวนการมีการสร้างคนรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนคนรุ่นเก่าๆ ที่ปลดระวางในการต่อสู้ ด้วยการฝังชิปปลูกฝังแนวความคิด บิดเบือนประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้มีการกำหนดแนวทางในการต่อสู้กับรัฐไทยอย่างชัดเจน

          แผนภูมิด้านบนคือแนวทางการต่อสู้ของขบวนการ BRN ซึ่งได้มีการปลูกฝังแนวความคิดประกาศจุดยืนฐานอิสลาม สมาชิกแนวร่วมจะต้องเป็นคนมลายู มีความคิดที่ก้าวหน้า รุกเร้าให้มีการก่อเหตุรุนแรงให้มากขึ้น โดยให้ในแต่ระดับมีเอกภาพในการควบคุมสมาชิกด้วยกันเอง

จุดยืนฐานอิสลาม
          จุดยืนฐานอิสลาม คือจุดยืนสำหรับการต่อสู้ของขบวนการ BRN จะต้องยืนอยู่บนฐานใน 2 เรื่องหลักด้วยกัน คือ
          1. ดารุลฮัรบี หมายถึง ปัตตานีเป็นดินแดน หรือประเทศที่ต้องทำการขับไล่ผู้รุกรานให้ออกไปจากแผ่นดินปาตานี
          2. อิสลามนูซันตารา การต่อสู้จะต้องนำพาปาตานีไปสู่อิสลามนูซันตารา คือเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกประเทศหนึ่งที่ปกครองแบบอิสลาม

คนที่ต่อสู้จะต้องเป็นคนมลายูปาตานี
          คนที่ต่อสู้จะต้องเป็นคนมลายูปาตานี คนมลายูปาตานีจะต้อง 5(NO)ไม่ กับคนสยาม กล่าวคือ

          1. NO INFORMATION
          จะต้องไม่ยอมรับสื่อ หรือข่าวสารใดๆ ที่มาจากฝ่ายรัฐบาลไทย หรือเจ้าหน้าที่รัฐไทย ต้องไม่ยอมรับ ไม่เห็นด้วย และต่อต้านข่าวสารทุกชนิดที่มาจากรัฐไทย

          2. NO COMPROMISE
          ไม่ยอมให้อภัย ไม่สมานฉันท์ ไม่คืนดี ไม่ให้คำมั่นสัญญา ไม่เจรจา ไม่ประณีประณอม จะต้องการให้มีการเจรจาเกิดขึ้น

          3. NO ASSIMILATE
          จะต้องไม่อยู่ร่วมกันอย่างเด็ดขาด ไม่กลมกลืนทางวัฒนธรรม ไม่ปรองดองกับสยาม ซึ่งสยามมีความพยายามทำลายความเป็นชนชาติมลายู ทำลายศาสนาอิสลาม

          4. NO AUTONOMY
          จะต้องไม่เอาเขตปกครองพิเศษ หรือ AUTONOMY อย่างเด็ดขาด เขตปกครองพิเศษไม่ใช่เป้าหมายการต่อสู้ขององค์กร ขบวนการ BRN มีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือเอกราช

          5. NO PALIAMENT
          จะต้องไม่ยอมรับกฎหมายไทย เพราะกฎหมายไทยเป็นกฎหมายของคนสยาม เป็นกฎหมายของชาวไทยพุทธ จะมาบังคับใช้กับคนมลายู และบังคับคนที่นับถือศาสนาอิสลามไม่ได้

ความคิดก้าวหน้า
          ความคิดก้าวหน้า คือ การสู้รบของมลายูอิสลามปาตานี จะสู้รบภายใต้แนวทางของขบวนการ BRN ยอมรับแนวทางการปฏิวัติของขบวนการอย่างเต็มที่ ไม่ยอมรับการเจรจา ไม่ยอมรับการประณีประณอม

การก่อเหตุให้รุนแรงและมากขึ้น
          การก่อเหตุให้รุนแรงและมากขึ้น จะต้องทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย คือ Merdaka (เอกราช) เท่านั้น การก่อเหตุรุนแรงจะต้องกระทำต่อเป้าหมาย 3 เป้าหมาย ด้วยกันคือ

          1. เป้าหมายอ่อนแอ ต้องกระทำทันที เช่น ทหาร, ตำรวจ, อ.ส., ทพ., เจ้าหน้าที่รัฐที่กลับบ้านโดยไม่ระมัดระวังตัว รวมไปถึงสายข่าว หรือมุนาฟิกในหมู่บ้าน สมาชิกของขบวนการ BRN ทุกคนจะต้องมีหน้าที่ในการสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตา รายงานให้สมาชิกปฏิบัติการ RKK ทราบทันที เพื่อทำลายให้หมดสิ้นไป

          2. เป้าหมายเข้มแข็ง ก็จะต้องกระทำเช่นเดียวกัน เพื่อแสดงศักยภาพให้มวลชนยอมรับว่าเราเหนือกว่ากองกำลังฝ่ายรัฐ เพื่อให้มวลชนศรัทธาต่อขบวนการ BRN มากกว่าศรัทธารัฐบาลไทย เป้าหมายเข้มแข็ง เช่น ทหาร, ตำรวจ, อส. และเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเป็นกลุ่มก้อนในพื้นที่ หรือกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฐานปฏิบัติการต่างๆ

          3. เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ คือเมื่อกระทำไปแล้วเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อรัฐบาลไทย หรือทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นศรัทธาต่ออำนาจรัฐไทย เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกพื้นที่ และในระดับโลก เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เช่น ครู, พระ, วัด, โรงเรียน, คนไทยพุทธ รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ในชุมชน หรือทำลายแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ

เอกภาพในทุกระดับ
          1. เอกภาพในการปฏิบัติ
          2. เอกภาพในการขับเคลื่อนองค์กร
          3. เอกภาพในการใช้ยุทธวิธี

          สมาชิกของขบวนการ BRN ทุกคนจะมีสิทธิเสรีในการปฏิบัติการอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องการปฏิบัติการ การขับเคลื่อนองค์กร ทั้งองค์กรนำ, องค์กรมวลชน และองค์กรทางทหาร รวมถึงการปฏิบัติการทางยุทธวิธีต่างๆ ทุกคนจะมีเอกภาพในการปฏิบัติ แต่จะต้องอยู่ภายในกรอบ แนวทางการขับเคลื่อนขบวนการ BRN จนกว่าเราจะบรรลุจุดมุ่งหมาย นั่นคือเอกราช (Merdaka) เท่านั้น

          จากรายละเอียดข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีการกำหนดกรอบแนวทางในการต่อสู้ของขบวนการ BRN ประเด็นหลักๆ คงหนีไม่พ้นการบิดเบือน การปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดๆ ให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะก้าวขึ้นมาทดแทนคนรุ่นเก่า พร้อมทั้งติดเขี้ยวเล็บทางความคิดปลุกปั่นเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ให้สมาชิกแนวร่วมนำไปเป็นเงื่อนไขในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ 

          ข้อความหลายบรรทัดมีการกล่าวถึงการไม่ยอมรับการเจรจา ไม่ยอมรับการประณีประณอมจากรัฐบาลไทย ทั้งๆ ที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบันได้ให้ความสำคัญในการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เปิดเวทีให้กับกลุ่มที่มีความคิดต่างจากรัฐมาพูดคุยกัน แทนที่จะใช้กำลังในการก่อเหตุ ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีใดๆ เลยต่อองค์กรเลย ต่อประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในการลงทุนของนักธุรกิจ

          ปี 2558 เป็นปีที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม AEC (Asean Economic Community) มีการแข่งขันกันในด้านการค้าการลงทุน หากกลุ่มขบวนการยังยืดเยื้อเดินหน้าในการสร้างสถานการณ์เช่นวันนี้อยู่ นักลงทุนต่างชาติก็ไม่กล้าที่จะมาลงทุนในพื้นที่แห่งนี้ แทนที่จะเกิดการจ้างงานให้กับพี่น้องปาตานีได้มีงานมีการทำ

          แต่ถึงกระนั้นรัฐบาลยังได้มีการกระตุ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมารองรับ AEC ด้วยการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจังหวัดปัตตานี เป็นนิคมร่วมดำเนินงานระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัท ฟาตอนี อินดัสทรี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี บนเนื้อที่ 173 ไร่เศษ

          พร้อมทั้งดึงบริษัทขนาดกลาง และขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในนิคมดังกล่าว อีกทั้งมีการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนราธิวาสขึ้นมาเพื่อการพัฒนาเสริมสร้างความมั่นที่ยั่งยืนให้กับพื้นที่ต่อไป คาดว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นให้กับคนในพื้นที่ได้มีงานทำ กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวด้านชายแดน เพื่อการพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายด่านพรหมแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องปาตานีจังหวัดชายแดนใต้แห่งนี้....   

------------------------------------

12/22/2557

ความต่างระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับโจรใต้ต่อกรณีน้ำท่วม

อิมรอน

จากสภาวะความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้เกิดภาวะฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ติดต่อกันหลายวัน ได้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งน้ำป่าไหลหลาก ล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มในบางจุด ความเดือดร้อนได้ขยายเป็นวงกว้าง ประชาชนหลายพันครอบครัวได้รับความเดือดร้อน


จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้ประสบอุทกภัยจำนวนมาก  ต้องการความช่วยเหลือ มีความต้องการอาหาร น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภคแทบจะทุกพื้นที่ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานได้ออกทำการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และตอนนี้เราได้เห็นพลังจิตอาสาออกมาช่วยกันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบ้านของตนเองเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยก็ตามที

เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่อพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปกติได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ความไม่สงบจากการก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบอยู่แล้วมากว่าสิบกว่าปี ต้องแบกรับความทุกข์ระทมต้องหวานอมขมกลืน ต่อพฤติกรรมที่โหดร้ายกับความป่าเถื่อน ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง

มาวันนี้ธรรมชาติยังไม่เป็นใจต้องประสบอุทกภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรือกสวนไร่นา รถราบ้านช่องต้องจมใต้สายน้ำ การประกอบอาชีพประจำวันมีผลกระทบ ต้องรอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรการกุศลที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่กระนั้นยังไม่ทั่วถึงครอบคลุมถึงผู้เดือดร้อนบางส่วนที่อยู่ห่างไกลยังไม่ได้รับการดูแล

พื้นที่จังหวัดหวัดชายแดนภาคใต้นอกจากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ไฟใต้อยู่แล้ว ยังมีภัยธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรเสียน้ำใจคนไทยก็ไม่เคยจางหาย ทุกครั้งที่พี่น้องประชนชนได้รับความเดือนร้อนจะมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คอยยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ โดยเฉพาะสภาวะน้ำท่วมหนัก ณ ขณะนี้

หน่วยงานภาครัฐและเอกชนก็ไม่นิ่งดูดาย หลายหน่วยงานได้รวมพลังกันช่วยเหลืออย่างเต็มที่อย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย หลายหน่วยงานได้ส่งเจ้าหน้าที่ตากฝนลุยน้ำนำถุงพระราชทานมอบแก่ผู้ประสบภัย ช่วยเหลือประชาชนทำการขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ อพยพย้ายผู้ป่วย คนชรา และเด็กออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปอยู่ยังพื้นที่ปลอดภัย

จากสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ มีหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์กลับสงบไม่ค่อยเกิดเหตุ พร้อมทั้งได้ตั้งสมมติฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกำลังสาระวนหนีน้ำท่วม ขนอาวุธ ยุทโธปกรณ์ไปซุกซ่อนไว้ยังที่สูง ทอดทิ้งประชาชนไม่แยแสต่อความเดือดร้อน รักตัวกลัวตายไม่สมราคากับการตั้งสมญานามตัวอย่างไว้อย่างสวยหรูว่านักรบฟาตอนี

มีแต่เจ้าหน้าที่รัฐไทยที่พวกคุณตั้งข้อรังเกียจ และโจมตีอยู่ตลอดเวลาได้เข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนปาตานีที่เดือดร้อน แต่พวกนี้ มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ เมื่อฝ่ายโฆษณาแนวร่วมออกมากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่สร้างภาพในการช่วยเหลือประชาชน อืมม!! แล้วที่เราเห็นมันมันคืออะไร? เป็นของจริงหรือการสร้างภาพ เหนื่อยจริง-เจ็บจริง-ตายจริง เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารที่ช่วยเหลือประชาชนได้เกิดประสบเหตุเรือล่มในแม่น้ำโก-ลก ส่งผลให้ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น ได้ถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.57 เวลา 16.30 น. ได้พบศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ฯ บริเวณตลาดมูโนะ ต.มูโนะอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ผู้เขียนเลยอยากถามกลับไปว่านี่หรือ? การสร้างภาพ แล้วไหนล่ะ!! โจรใต้ฟาตอนีที่ชอบแอบอ้างทำเพื่อประชาชน ได้ช่วยเหลือพี่น้องปาตานีที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างไรบ้าง?..ไม่มีแม้แต่เงาหัว

อย่าว่าแต่โจรใต้ฟาตอนีเลยแม้แต่พวกนักศึกษา PerMAS ปากดีทั้งหลายที่ป่าวประกาศบอกว่าอยู่เคียงข้างประชาชนคนปาตานีมาโดยตลอด ก็ไม่เห็นจะโพล่หัวออกมาเลยสักคน สมัยผู้เขียนเรียนมหาลัยป่านนี้โน้นลุยน้ำไปช่วยชาวบ้านขนข้าวขนของแล้ว ลำเลียงถุงยังชีพแจกจ่ายชาวบ้าน นี่สิถึงจะเป็นนักศึกษาของจริงไม่ใช่นักศึกษาจอมปลอมหลอกลวงอย่าง PerMAS ที่นอนมุดโสร่งอยู่ที่บ้านไม่สนใจใยดีความเดือดร้อนของประชาชน

จากวิกฤติการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้จะเห็นได้ถึงความจริงใจจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรต่างๆ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยเป็นห่วงเป็นใยต่อความเดือดร้อนของประชาชนโดยแท้จริง..ซึ่งแตกต่างจากโจรใต้ฟาตอนี กลุ่มนักศึกษา PerMAS รวมทั้งเครือข่ายแนวร่วมที่ดีแต่ปาก มีแต่ประกาศปาวๆ มาโดยตลอดจะทำทุกอย่างเพื่อประชาชนปาตานี แต่งตั้งตนเองเป็นตัวแทนประชาชน แต่ถึงคราวประชาชนเดือดร้อนกลับหายหัวจ้อย..น่าจะเป็นผู้นำประชาชนนะแบบนี้..ขอให้พี่น้องประชาชนจงไตร่ตรองให้ดีว่าจะฝากฝีฝากไข้ไว้กับบุคคลเหล่านี้ต่อไปอีกหรือ? หรือจะยอมให้บุคคลเหล่านี้แอบอ้างเป็นตัวแทนประชาชนในการต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

คนไทยทุกคนรู้ดีว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มวลน้ำมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ ได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนที่พักอาศัยของประชาชน อานุภาพการเกิดอุทกภัยสามารถทำลายชีวิตและทรัพย์สินของเราได้ทุกเวลา แม้ว่าเราจะพยายามปกป้องไว้อย่างดีก็ตามแต่ สิ่งหนึ่งที่สามารถต้านมวลพลังอันมหาศาลของอุทกภัยครั้งนี้ได้ คือพลังความรู้รัก สามัคคีของคนไทยทั้งประเทศ ที่สำคัญอย่างยิ่งน้ำใจความจริงใจของหน่วยงานภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จะสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยทุกคน ณ..ชายแดนใต้แห่งนี้....

------------------------------------

12/20/2557

จุดจบของนักรบฟาตอนี..ใกล้อวสาน

อิมรอน


มีหลายคนตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่สถานการณ์ภาคใต้จะสงบซักที...?และมีจำนวนไม่น้อยที่มีความเบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้ข่าวสารที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้คนนอกพื้นที่ไม่กล้าที่จะเดินทางลงมายัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หากไม่มีเหตุอันควรและสำคัญจริงๆ

รัฐบาลใหม่ที่เข้ามารับผิดชอบแก้ปัญหาไฟใต้ได้ให้ความสำคัญในการพูดคุยสันติสุข เดินหน้าสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ควบคู่กับการปฏิบัติการของกองกำลังทหาร ตำรวจ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย ผู้มีหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, หมาย ป.วิ.อาญา ตามล่าตัวเหล่านักรบฟาตอนี มาลงโทษเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เกิดเหตุการณ์หน่วยงานภาครัฐมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน วันคืนหมุนเวียนเปลี่ยนไปกำลังพลตำรวจ ทหาร ต่างสับเปลี่ยนกำลังลงมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศจากการก่อเหตุความไม่สงบของผู้ที่คิดต่างจากรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ต้องบาดเจ็บล้มตายในพื้นที่จากการลอบทำร้ายของกลุ่มขบวนการ ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานภาครัฐได้เดินมาถูกทางแล้ว อีกทั้งหน่วยงานรัฐได้น้อมนำแนวทางพระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในการแก้ปัญหา จนประสบผลสำเร็จตามลำดับ

หากเราย้อนกลับไปดูสถิติการเกิดเหตุ ตั้งแต่ต้นปี 47 เป็นต้นมาพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่ามีความถี่พอสมควร จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้เหตุการณ์ได้เบาบางลง ด้วยเหตุปัจจัยสนับสนุนมาจากหลายประการด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือเหล่านักรบฟาตอนี ได้ดำเนินการในการใช้กำลังผิดพลาดโดยสั่งการให้มีการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายที่อ่อนแอจนประชาชนปาตานีและสมาชิกแนวร่วมบางคนยอมรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้สูญเสียมวลชนและสมาชิกที่เคยสนับสนุนไปเป็นจำนวนมาก

หลังสูญเสียมวลชนสนับสนุนในพื้นที่ แกนนำกลุ่มขบวนการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ด้วยการสั่งนักรบฟาตอนีทำการกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ มีการวางแผนเพื่อทำการแย่งชิงมวลชนคืนให้อยู่ฝ่ายยูแวให้มากที่สุด สั่งการให้สมาชิกในพื้นที่สร้างสถานการณ์โดยการก่อเหตุแล้วโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังตบตาประชาชนมลายูปาตานีและคนทั่วไปให้ให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ขณะนี้กลุ่มขบวนการยังไม่พ่ายแพ้ ยังคงมีกองกำลังและอำนาจเหนือรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้วขบวนการโจรใต้เหลือเพียงไม่กี่คน มีการหลอกล่อเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการใช้แผนในการก่อเหตุพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ ใช้กลอุบายให้ประชาชนชาวมลายูปาตานีเข้าใจว่าพวกเขายังมีจำนวนมาก เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ในการก่อเหตุ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

จากการเปิดเผยของสมาชิกแนวร่วมกลับใจ ได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ขณะนี้แนวร่วมขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่มีเพียงไม่กี่คนอีกทั้งยังมีผู้ที่หวังดีไม่ต้องการความรุนแรงแจ้งความเคลื่อนไหวของสมาชิกแนวร่วมให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตามจับกุมอยู่เนืองๆ ส่งผลให้ในขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมตัวสมาชิก ผกร.ได้เป็นจำนวนมากนำมาเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำทำการขยายผลจนรู้ที่หลบซ่อนตัว อาวุธ และยุทโธปกรณ์

เมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐรู้เขารู้เรา พร้อมทั้งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการอย่างต่อเนื่อง แบบกัดไม่ปล่อย จำกัดเสรีในการก่อเหตุ ส่งผลดีต่อสถานการณ์ในภาพรวมแนวโน้มยังดีวันดีคืน ขอเพียงแต่ประชาชนอย่าสิ้นหวังและอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการแจ้งเบาะแส ข่าวสาร สิ่งไม่ชอบมาพากลในชุมชน ในหมู่บ้าน ระวังคนแปลกหน้าเข้ามาก่อเหตุ และเมื่อทุกภาคส่วนหันมาร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเมื่อนั้นความสันติสุขจะบังเกิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง

ขอให้ประชาชนชาวมลายูปาตานีทุกคนรับรู้ด้วยว่า..ต่อไปอย่าไปหวังอะไรมากมายกับกลุ่มขบวนการ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่การเพ้อฝัน ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นการบิดเบือนความจริง ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการได้กระทำผิดต่อหลักศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรง กับการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก

แน่นอนในความเป็นจริงการกระทำแบบนี้ทุกศาสนาได้บัญญัติไว้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำไม่ใช่การต่อสู้เพื่อศาสนา...ดั่งเช่นที่มีการปลูกฝังในกลุ่มเยาวชนแต่ประการใด เพราะการต่อสู้ตามแนวทางศาสนาอิสลามไม่ได้ส่งเสริมให้มีการฆ่าผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้นขอให้ประชาชนทุกคนสบายใจได้ว่า...ในเมื่อทุกคนรู้ความจริงแล้วว่ากลุ่มขบวนการไม่มีความจริงใจ มีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา จุดจบของเหล่านักรบฟาตอนีใกล้จะมาถึงในไม่ช้า และความสันติสุขที่ทุกคนเรียกหาจะกลับมาอีกในไม่กี่วันข้างหน้าอย่างแน่นอน(อามีน)...........

---------------------------------

12/02/2557

เปิดโปงโจรใต้ฟาตอนี‘อิสมาแอล กาเจ’ กับ 5 หมายจับกระทำชั่ว

แบมะ ฟาตอนี


เมื่อเอ่ยชื่อ นายอิสมาแอล กาเจ หน่วยงานความมั่นคงต่างหมายมั่นปั้นมือ อยากจะได้ตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการผู้นี้มาลงโทษ และดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในพื้นที่ต่างได้ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนายอิสมาแอล กาเจ อยู่ตลอด เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิ.อาญา 5 หมาย เป็นผู้ร่วมในการก่อเหตุหลายเหตุการณ์ด้วยกัน และมีหลายครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปจากน้ำมือของโจรชั่วผู้นี้ ยังไม่นับรวมถึงความเสียหายอื่นๆ อีกที่เกิดจากการกระทำซึ่งได้เป็นสันดาน ไม่ใช่แค่เป็นผู้หลงผิด

คนชั่ว หรือคนไม่ดีไม่ว่าในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ก็ตามแต่ ไม่อาจที่จะหลีกหนีพ้นผลจากผลกรรมที่ตัวเองได้เคยก่อเอาไว้ เช่นเดียวกับนายอิสมาแอล กาเจ เหมือนฟ้ามีตาได้ชี้นำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2557


นายอิสมาแอล กาเจ เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่ในเขตรับผิดชอบพื้นที่อำเภอยะหริ่ง และอำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี

นายอิสมาแอล กาเจ เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 โดยหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 22 ได้เข้าทำการพิสูจน์ทราบโรงเรือนเลี้ยงไก่ของนายอิสมาแอลฯ เมื่อทำการตรวจสอบกลับเจออาวุธปืนสงคราม M-16 พร้อมซองกระสุน เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก เชิญตัวเพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถาม

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2553 เจ้าหน้าที่ได้ออกหมาย พ.ร.ก.ฯ ควบคุมตัว ณ ศูนย์สมานฉันท์ ซึ่งจากผลการซักถาม นายอิสมาแอลฯ อ้างว่าไม่ทราบว่า อาวุธปืนเล็กยาว M-16 มาอยู่ในโรงเรือนเลี้ยงไก่ของตนเองได้อย่างไร และปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกกรณี จึงได้รับการปล่อยตัวไป เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553

หลังจากได้รับการปล่อยตัวแล้ว ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของนายอิสมาแอล กาเจ เริ่มมีความถี่ขึ้นในการมีส่วนร่วมในการก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี  เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน และพยานบุคคลชี้ตัว จนนำไปสู่การออกหมายจับ ป.วิ.อาญา จำนวน 5 หมาย ดังนี้

หมายจับ ป.วิ.อาญา ที่ 1


จากเหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะ ได้ใช้อาวุธปืนระดมยิงเข้าใส่ป้อมจุดตรวจร่วม แต่ถูกเจ้าหน้าที่ได้ทำการยิงตอบโต้ ส่งผลให้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตจำนวน 3 คน และได้ทำการตรวจยึดรถยนต์กระบะ พร้อมอาวุธปืนได้อีก จำนวน 5 กระบอก

สาเหตุที่นำไปสู่การออกหมายจับนายอิสมาแอล กาเจ สืบเนื่องจากผลการตรวจสารพันธุกรรมคราบโลหิตบนถนน ตรงกับนายอิสมาแอลฯ และจากการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจร่างกาย พบว่ามีรอยแผลเป็นคล้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณหัวไหล่ด้านซ้ายมือ

หมายจับ ป.วิ.อาญา ที่ 2


จากเหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบเผากล้องวงจรปิด ได้รับความเสียหาย จำนวน 9 ตัว  ในพื้นที่อำเภอมายอ และอำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด กลับพบภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน ซึ่งหนึ่งในสองคนนั้นคือ นายอิสมาแอล กาแจ กำลังยืนถือปืนเล็กยาว AK-102 เพื่อทำการเฝ้าระวังให้กับผู้ที่กระทำการเผากล้องวงจรปิด

หมายจับ ป.วิ.อาญา ที่ 3

          
จากเหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน 8 คน ได้ร่วมกันปล้นรถยนต์กระบะ ฟาร์มตัวอย่างป่าตาเขียว เหตุเกิดบนถนนสาย 4157 หมู่ 2 ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี        สาเหตุที่นำไปสู่ออกหมายจับ สืบเนื่องจากคนขับรถยนต์กระบะ ชี้ภาพยืนยันตัวบุคคล

หมายจับ ป.วิ.อาญา ที่ 4

          
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ถูกเผาริมถนนชนบท ในพื้นที่ ตำบลปล่องหอย อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี และในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะพ้อ เดินทางกลับด้วยรถยนต์กระบะ เกิดเหตุระเบิด บนถนน ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย ซึ่งพยานในที่เกิดเหตุชี้ภาพยืนยันว่านายอิสมาแอล กาเจ ร่วมในการก่อเหตุดังกล่าว

หมายจับ ป.วิ.อาญาที่ 5

       
ผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะลอบยิงชุดรักษาความปลอดภัยพระ ส่งผลให้พระสงฆ์มรณภาพ 1 รูป และอาสาสมัครทหารพราน เสียชีวิต 1 นาย เหตุเกิดบริเวณ ตำบลบ้านกลาง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
          
สาเหตุที่นำไปสู่การออกหมายจับสืบเนื่องจาก พยานในที่เกิดเหตุชี้ภาพนายอิสมาแอล กาเจ ยืนยันว่าร่วมในการก่อเหตุ และข้อมูลที่สำคัญรถยนต์กระบะที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้ ถูกปล้นมาจากฟาร์มกุ้ง ในอำเภอหนองจิก และ นำไปก่อเหตุลอบยิงอีก 2 เหตุการณ์ สุดท้ายนำไปก่อเหตุลอบวางระเบิดติดตั้งในรถยนต์กระบะ หน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2557
          
ในที่สุดผู้ที่กระทำความชั่วไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็จะต้องได้รับผลกรรม เข้าไปอยู่ในคุกตะรางชดใช้เวรกรรมต้องหมดสิ้นอิสรภาพ...ทิ้งลูกทิ้งเมีย และครอบครัวต้องทนทุกข์ลำบากอยู่เบื้องหลัง
          
คุ้มมั๊ย!!..ที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับขบวนการ สุดท้ายโดนลอยเพไม่มีใครเหลียวแล และนี่คือตัวอย่างของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่โดนจับกุมและต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยังมีอีกหลายรายที่โดนจับตายเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำการวิสามัญ เนื่องจากเกิดจากการปะทะต่อสู้..ยังไม่สายสำหรับผู้ที่หลงผิด และยอมหันหลังให้กับขบวนการ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม รายงานตัวแสดงตน รัฐเปิดโอกาสให้กับท่านเสมอ อยู่ที่ว่าตัวท่านเองจะรีบฉวยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้กับตัวท่านเองและครอบครัวหรือไม่เท่านั้น!!!


-----------------------------------