หน้าเว็บ

9/29/2560

แนวร่วมรับสารภาพ เป็นคนดูต้นทางเหตุระเบิดทหารพรานพลีชีพ 4 นายที่สายบุรี

"Ibrahim"


กรณีเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิด ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ที่บ้านตะบิ้ง หมู่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้บริเวณข้างทาง ซึ่งเป็นถนนช่วงปรับปรุงก่อสร้างเส้นทางในห้วงกลางคืน เพื่อดักลอบสังหารเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเส้นทางอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.ร้อย.ทพ.4412 ฉก.ทพ.44 ได้ลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้ซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าวทำการจุดชนวนระเบิดซึ่งมีน้ำหนักบรรจุไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัม แรงระเบิดได้ถูกรถกระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับความเสียหายขาดกลางช่วงกระบะ กระเด็นเสียหายอย่างหนักเจ้าหน้าที่กระเด็นตกไปคนละทิศทาง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังกระบะ ถูกสะเก็ดระเบิด เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ


ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายมะยูโซะ มะยะเด็ง ผู้ต้องสงสัยไปทำแผนจุดลอบวางระเบิด และได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนดูต้นทาง ในการลอบวางระเบิดจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 6 นาย กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 500 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ อาวุธปืนครบมือ ยังคงกระจายกำลัง ปิดล้อมหมู่บ้าน ในหลายตำบล เป็นวันที่ 3 ตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยเคลื่อนไหวอยู่ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ

เป็นที่น่าสังเกตคนผู้ต้องสงสัยที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากหลักฐานไม่เพียงพอที่จะมัดตัวเอาผิด จะไม่มีการยอมรับสารภาพ ซึ่งในเรื่องของข้อกฎหมายจะมีองค์กรขาประจำของ ผกร. เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกลุ่ม ผกร. ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำในเรื่องของคำให้การกับเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนสำนวนฟ้องร้องต่อศาล ให้การแบบไหนจะพ้นผิดหรือได้รับโทษทัณฑ์ที่ไม่หนักหนา และมีการบอกผ่านต่อๆ กันจนกลายเป็น “วาทกรรม” ที่คุ้นชินและคุ้นหูอยู่บ่อยๆ กับคำว่า “คนดูต้นทาง” “คนชี้เป้า”“คนให้ที่พักพิง”“คนส่งเสบียง”“คนเก็บอาวุธ” หรือแม้แต่เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์รับ-ส่ง คนร้ายทำการก่อเหตุ

ไม่เคยมีสักครั้งที่คนร้ายปากแข็งเหล่านี้จะยืดอกรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุโดยตรง นอกจากว่าจนด้วยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาชี้ชัดว่าเป็น “ผู้กระทำความผิด” นี่คืออีกสันดานหนึ่งของเหล่าโจรใต้ที่ทำการก่อเหตุฆ่าคนแล้วไม่บาปอีกทั้งยังได้บุญ 

ล่าสุดโฆษกโจรใต้ประกาศผ่านสื่อออนไลน์จะไม่หยุดเหตุความรุนแรง ขอให้ ปชช.เสียสละชีวิตและทรัพย์สินเพื่อให้กลุ่มผลประโยชน์ ผกร. ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันต่อไปด้วยการลอบวางระเบิดลอบยิง พี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธมุสลิม ในพื้นที่ซึ่งคงต้องรับชะตากรรมต่อไป  แล้วเวลานี้พี่น้องคนไทยยังสูญเสียไม่พออีกหรือ จะยอมก้มหน้ารับชะตากรรมโดยไม่สู้ใช่ไหม? เราจะปล่อยให้เหล่าอาชญากรนอกศาสนา คนเนรคุณแผ่นดินไทย มันลอยหน้าลอยตาประกาศจะฆ่าเราอยู่ต่อไปอีกหรือไร?...

--------------------------

9/16/2560

จ้าง 15,000 ทีมงูเต๊ะ ผกร. กลุ่ม ซาการียา บาโง ยิง นายย๊ะยอ ดือเระ ปมผลประโยชน์การเมืองท้องถิ่น

         Rusameena 


         เมื่อ 15 ก.ย. 60 เวลา 19.20 น. สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุประชาชนถูกยิงเสียชีวิต ในพื้นที่ ม.2 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่าจุดเกิดเหตุ อยู่ภายในบาราเซาะห์ประจำหมู่บ้าน จากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตนอนตายจมกองเลือด ทราบชื่อคือ นายย๊ะยอ ดือเระ อายุ 52 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนคาดว่าเป็นอาวุธปืน .38 ยิงเข้าศีรษะ 1 นัด สอบถามถามประชาชนในที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า  ระหว่างเกิดเหตุ    ผู้ตายและชาวบ้านประมาณ 8-10  คน กำลังยืนละหมาดลักษณะหน้ากระดานแถวเดียว อยู่ในบาราเซาะห์ของหมู่บ้าน ปรากฏว่ามีคนร้ายเดินเข้ามาด้านหลัง ก่อนชักอาวุธปืนจ่อยิงศีรษะ จนผู้ตายเสียชีวิตทันทีต่อหน้าชาวบ้าน  หลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีเพื่อนรออยู่หลบหนีไป


          สอบถามผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า คนร้ายคล้ายกับกลุ่ม ผกร. กลุ่มนายซาการียา บาโง ซึ่งมีหมายจับ ป.วิอาญาอยู่ระหว่างหลบหนีและเคลื่อนไหวในพื้นใกล้เคียง โดยชาวบ้านแจ้งว่าช่วงกลางวันมีวัยรุ่นแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านลักษณะเข้ามาดูเส้นทางแต่ชาวบ้านคิดว่าเป็นวัยรุ่นทั่วไปจึงไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งเกิดเหตุ

          จากการให้ข้อมูลของทีมข่าวเกาะติดพื้นที่  ให้ข้อมูลเชิงลึกว่าเหตุการตาย นายย๊ะยอ ดือเระ ผช.ผญ.ม.2 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรีฯน่า ซึ่งสืบเนื่องมาจาก การเมืองท้องถิ่น ก่อนที่ นายย๊ะยอฯ จะมาเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีบุคคลอีก 2-3 คน เป็นคู่แข่งที่อยากได้ตำแหน่งนี้และได้มีการข่มขู่ให้ถอนตัวแต่นายย๊ะยอฯ ปฏิเสธ โดยตำแหน่งนี้ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการดูแลงบประมาณของหมู่บ้าน ประกอบกับลักษณะนิสัยส่วนตัวของนายนายย๊ะยอฯ ที่เป็นคนพูดจาตรงๆ อาจทำให้กลุ่มคนดังกล่าวทวีความไม่พอใจ  นำไปสู่ชนวนการยืมมือ ผกร.กลุ่มนายซาการียา บาโง เป็นมือสังหาร  โดยจ่ายค่าจ้างวานเป็นเงิน 15,000 บาท

          โดยหลังเกิดเหตุ ได้มีแนวร่วม ผกร.ได้พยายามสร้างข้อมูลเท็จว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ ซึ่งชาวบ้านในที่เกิดเหตุรวมทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ยืนยัน ไม่ใช่ฝีมือ จนท. แน่นอน เพราะนายย๊ะยอ ฯ มีความสัมพันธ์ที่ดี กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผกร.อาจขาดเงินในการหลบหนีหรือเคลื่อนไหวเพราะในห้วงที่ผ่านมามีการเข้มงวดในการตรวจสอบชายแดนและเส้นทางการเงินของกลุ่ม ผกร.อย่างเข้มข้นทำให้การจ่ายเงินของขบวนการมีปัญหาซึ่ง ผกร.แต่ละกลุ่มต้องดิ้นเอาตัวรอดเองในอนาคตอาจมีการปล้นชิงทรัพย์ประชาชนในพื้นที่เพื่อ
หาเงินทุนในการเคลื่อนไหวและอำพลางโยนความผิดอย่างแน่นอน โดยสร้างกระแสให้ทีมงูเต๊ะ รับบาปไป  ซึ่งทีมงูเต๊ะก้อคงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากพวก ผกร.หิวเงิน นั่นเอง ที่ยอมฆ่าคนบริสุทธ์เพื่อแลกกับเศษเงินแค่ 15,000 บาท คงได้แต่หวังว่าพี่น้องประชาชนใน จชต. ไม่หลงเชื่อ มุข งูเต๊ะ โง่ๆ ของ ผกร.ที่สร้างมาเพื่อหลอกเด็ก ติดยา ดมกาว

9/14/2560

ลอบกัด..เล่นทีเผลอ ลวงบึ๊ม!! กลลวงบีอาร์เอ็น

"กะ กันดา"


แผนลอบกัดทีเผลอของ ผกร. มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ประเภทตีหัวแล้วหนีเข้าบ้าน ไม่กล้าสู้ซึ่งๆหน้า หลบซ่อนแอบแฝงตัวในมุมมืด หรือแม้กระทั่งก่อเหตุลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบแล้วกดระเบิดสังหาร เป็นการกระทำที่โหดร้ายสุดโต่ง พฤติกรรมเช่นนี้เป็นพฤติกรรมของโจรชั่วไม่ใช่การกระทำของนักรบที่แกนนำ ผกร.มักกล่าวอ้าง

เหตุการณ์เช้าตรู่วันนี้ (14 กันยายน) เป็นอีกวันหนึ่งที่ ผกร. ใช้เล่ห์เหลี่ยมด้วยการก่อเหตุลอบระเบิดเสาไฟฟ้า ริมถนนสายบ้านลาเต๊าะ บ้านย่อยบ้านลาแล หมู่ที่ 5 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา แรงระเบิดทำให้เสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เวลาประมาณ 09.26 น. หลังเกิดเหตุ ชป.ฉก.ทพ.47 สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ตำรวจภูธรยะลา และเจ้าหน้าที่ชุด EOD ชป.ทลร.อโณทัย เดินทางด้วยรถยนต์ของทางราชการพร้อมด้วยนักข่าว เพื่อเข้าทำการตรวจสอบเหตุระเบิดเสาไฟฟ้าดังกล่าว
ระหว่างทางก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านปะแดรู หมู่ที่ 1 ตำบลกาตอง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดขึ้น 1 ครั้ง จากนั้นประมาณ 30 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นอีก 1 ครั้ง ห่างจากจุดแรกประมาณ 400 เมตร แรงระเบิดทำให้ สิบตรีธเนตร พุทโธ ทหารพราน ฉก.ทพ.47 เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 20 ราย

จากการกระทำดังกล่าวของ ผกร. ต้องการสร้างสถานการณ์คงไว้ซึ่งความรุนแรง แสดงความมีศักยภาพและความมมีตัวตน ด้วยการก่อเหตุสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยไม่ใสใจว่าจะถูกหรือผิด

ความพยายามของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้พื้นที่ จชต. กลับมาสงบสุขคืน “สันติสุข” ให้กับประชาชนด้วยการเปิดเวทีพูดคุยหาทางออกของประเทศโดยเชิญกลุ่มคิดต่างจากรัฐกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมโดยมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

ในขณะที่ความคืบหน้าการพูดคุยดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประชาชนเริ่มเห็นเค้าลางมีความหวัง “สันติสุข” ที่จะมาเยือนในเร็ววัน ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันเพื่อเป็นของขวัญมอบให้ลูกหลานอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมบนความหลากหลาย แต่กลับมีกลุ่ม ผกร.นอกแถวนิยมความรุนแรงจ้องทำลาย “สันติสุข” ด้วยการลอบกัดทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ ก่อเหตุคร่าชีวิตผู้คนเป็นว่าเล่น แล้วเราจะยอมให้กลุ่มคนร้ายเหล่านี้ลอยนวลโดยไม่ทำอะไรเลย และเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเราต่อไปอีกนานเท่าไหร่?...

ร่วมกันต่อต้านความรุนแรง แจ้งเบาะแสข่าวสารเพื่อติดตามนำตัวคนร้ายมาลงโทษดำเนินคดี...หากเรานิ่งเฉยเปรียบเสมือนเราสนับสนุนความรุนแรงให้ ผกร.ชั่วทำการเข่นฆ่าผู้คน...สักวันหนึ่งเราหรือลูกหลานเรา..คงต้องตกเป็นเหยื่อที่คนชั่วเหล่านี้หยิบยื่นให้..เมื่อนั้นไม่มีโอกาสแก้ตัวหรือย้อนเวลามาแก้ไขอะไรได้อีกเลย.
------------------------

ทำลายกุโบร์แผนสร้างความแตกแยกของกลุ่มขบวนการ

"แบดิง โกตาบารู"
การสร้างกระแสข่าวของผู้ไม่หวังดียังคงเล่นกับความรู้สึกของผู้คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ จชต. โดยใช้ความละเอียดอ่อนในเรื่องศาสนา ซึ่งมักจะได้ผลต่อผู้เสพข่าวสารให้เกิดอารมณ์ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ โดยไร้การตรวจสอบมูลความจริงถึงที่มาที่ไป และหลงเชื่อได้ง่ายนำไปสู่การเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อน นั่นคือความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่วางแผนสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความแตกแยกของผู้คนในพื้นที่ อีกทั้งใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการนำกรณีการบุกทำลายเสาหินในกุโบร์ที่รูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ต่อด้วยการขุดกุโบร์ที่บันนังสาเรง อำเภอเมือง จังหวัดยะลาว่าเป็นการทำของเจ้าหน้าที่ทหารเป็นพฤติกรรมของซีแยที่ทำลายกุโบร์ซึ่งเป็นสถานที่ฝั่งศพของบรรพชนพี่น้องมุสลิม

แผน “การสร้างความเกลียดชัง” ระหว่างคนต่างศาสนาเพื่อนำไปสู่ “ความแตกแยก”ของผู้คนในพื้นที่เป็นความพยายามหลักที่กลุ่มขบวนการได้เคลื่อนไหวมาโดยตลอด

หลายต่อหลายครั้งในการก่อเหตุเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั่งทำร้ายชาวไทยพุทธหลังทำการก่อเหตุกลุ่มขบวนการกลับกล่าวอ้างอย่างหน้าด้านๆ ว่าเพื่อเป็นการเอาคืนที่ "ซีแย"


อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยพุทธอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มขบวนการ นานๆ ครั้งถึงจะเกิดเหตุสักครั้งหนึ่ง เป็นอีกอำเภอหนึ่งที่หน่วยงานความมั่นคงปักธงไว้ยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษ 


การมุ่งเป้าโจมตีต่อกลุ่มคนที่ไร้ทางต่อสู้ ผู้คนที่อ่อนแอ และการเลือกเป้าหมายทำการก่อเหตุที่เป็นคนไทยพุทธสิ่งเหล่านี้คือ “ยุทธวิธี” ที่กลุ่มขบวนการใช้เพื่อจะนำไปสู่ “สงครามประชาชน” ก่อให้เกิดการเข่นฆ่ากันเองโดยใช้เงื่อนไขของศาสนาในการแบ่งฝ่ายความขัดแย้ง สร้างความปั่นป่วนเกิดสงครามกลางเมืองจนยากจะควบคุม...ในที่สุดองค์กรระหว่างประเทศเข้าแทรกแซงควบคุมสถานการณ์ นั่นคือเป้าหมายในการเดินไปสู่ “เอกราช” ของกลุ่มขบวนการ


เราในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินนี้มาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม แม้จะแตกต่างแต่ไม่แตกแยก อย่าให้ใคร? มาเป่าหูใส่ความนำไปสู่ความบาดหมางกันระหว่างพี่น้องต่างศาสนา ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราไม่รู้เท่าทัน!! เมื่อนั่นเราจะตกเป็นเครื่องมือให้กับกลุ่มผู้ไม่หวังดีในทันที ในการก้าวข้ามไปสู่ “แผนสร้างความแตกแยก” ของกลุ่มขบวนการกับความพยายามทุกวิถีทางให้ประชาชนทะเลาะกัน.

------------------------


9/10/2560

แผนชั่ว!!“ทำลายเสาหินในกุโบร์”ที่รูสะมิแล

"แบดิง โกตาบารู"


จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นอีกทั้งยังเป็นการทำลายความรู้สึกของพี่น้องมุสลิม เมื่อชายคนหนึ่งได้เข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์ที่หมู่บ้านรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างชาวบ้านเห็นผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารแล้วเข้าไปทำลายเสาหินในกุโบร์จนได้รับความเสียหายดังกล่าว

ในเวลาต่อมาในสื่อสังคมออนไลน์ และแอพลิเคชั่น Line ได้มีกดแชร์ส่งต่อกันเป็นวงกว้าง เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเป้าโจมตีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารเนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์ ชี้เป็นการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม และไม่ให้เกียรติต่อดวงวิญญาณบรรพชน


 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเส้นบางๆ ที่ส่งผลกระทบนำมาสู่ความบาดหมางและความขัดแย้งในเรื่องศาสนา หลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ และเกิดการเข้าใจผิดด้วยการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่พยายามทำมาโดยตลอด 

ข้อสังเกต ทำไม? ชาวบ้านที่มีการกล่าวอ้างเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการจับกุม หรือแจ้งคนในชุมชนมาห้ามปรามให้หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย หรือเป็นเพียงการจัดฉากอ้างตัวละครกับความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนชั่ว!!

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้กรุณาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยเร่งสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนผ่านผู้นำศาสนาและอิหม่ามในทุกมัสยิด และเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็วที่สุด จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าไปหลงเชื่อแผนการชั่วร้ายดังกล่าว

ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และส่งเสริมสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือกีดกันความคิดความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรม รัฐบาลได้สนับสนุนการประกอบศาสนกิจของศาสนิกชนจนเป็นที่ประจักษ์ 

สุดท้ายขอให้ประชาชนได้ช่วยกันสอดส่องดูแลชุมชนของตนเอง และรู้จักเสพข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีอีกต่อไป
------------------------