หน้าเว็บ

2/23/2563

วันนี้เรามีสิทธิเสรีภาพบนสื่อโซเชียล.. มากเกินไปหรือเปล่า..


เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทุกวันนี้ ดูช่างมีมากมายเหลือเกิน อะไรพอใจไม่พอใจก็แสดงกันออกมาอย่างไร้จิตสำนึก ถูกผิดไม่สนใจ เอาสะใจเอามันกันเข้าไว้  เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือติดตัวทำให้มีเครื่องมือในการสื่อสารได้ตลอดเวลา  โดยความพยายามในการปลุกกระแสในสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เกิดความเกลียดชัง ไม่ยอมรับกฎกติกาของสังคมและกฎหมายของบ้านเมือง มีออกมาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าพูดทุกวัน เป่าหูทุกวัน ทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูก จนคนที่ได้รับสื่อเหล่านั้นคล้อยตามเอนเอียง และเกิดความหลงเชื่อกลายเป็นแนวร่วมไปในที่สุด โดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าความจริงและความถูกต้องนั้นจะเป็นอย่างไร

ปัญหาในสื่อโซเชียล พบว่ายังมีการหลอกลวง เพื่อผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ อีกมากมายหลายรูปแบบที่เกิดขึ้นนั้น กองบังคับการปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่สามารถดำเนินการลบหรือปิดกั้นโพสใดๆ ได้ทันที เพราะข้อมูลอินเทอร์เน็ตอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการสื่อนั้นๆ การดำเนินการใดจำเป็นต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ที่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง ณ สถานีตำรวจ หรือที่ บก.ปอท. แล้วเท่านั้น  จึงได้ให้คำแนะนำแนวทางและขั้นตอนในการแจ้งความเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไว้ดังนี้
1. ให้ผู้เสียหาย เตรียมเอกสารส่วนตัว และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
2. กรณีที่เสียหายต่อชื่อเสียง ให้เตรียมหลักฐาน ที่พบว่ามีการกระทำความผิด เช่น ปรินส์เอกสารหน้าจอ หน้าเว็บไซต์ หน้าโปรแกรมไลน์ โปรแกรมเฟสบุค หรือหน้าเพจที่พบการกระทำความผิด
3. กรณีที่เสียหายต่อทรัพย์ ให้เตรียมหลักฐานที่พบการกระทำความผิด การหลอกลวง ปรินส์เอกสารออกมาจากระบบคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย หลักฐานการโอนเงิน เป็นต้น
4. ให้ไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ สถานีตำรวจนครบาล หรือสถานีตำรวจภูธร หรือสามารถร้องทุกข์ได้ที่ บก.ปอท.

หลังจากที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา  ได้มีการแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนคำตัดสินตามพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย และที่สำคัญคือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ได้มีการกล่าวหาโจมตีกระบวนการยุติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานของรัฐบาล  ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจนำไปสู่การละเมิดอำนาจศาล อันจะมีความผิดตามกฎหมายได้ หากว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงดำเนินการกล่าวโทษร้องทุกข์ตามกฎหมาย


จึงอยากเตือนสติผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลายว่า วันนี้ทุกคนต้องมีสติ มีวิจารณญาณ อย่าใช้อารมณ์ความรู้สึกตามกระแส เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นตามมาได้ในภายหลัง

2/22/2563

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพื้นที่ จชต. สร้างความปลาบปลื้มให้กับประชาชน


วันพฤหัสบดี ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.30น. ด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในพื้นที่จังหวัดยะลา  ณ  โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปาโจแมเราะ  ตำบลแม่หวาด  อำเภอธารโต  จังหวัดยะลา  

มีเพจบางเพจพยายามโจมตีเชื้อพระวงศ์ที่เสด็จลงมาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ต่างๆ นาๆ อยากบอกให้เพจนี้ Cerita Patani รู้ว่าประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความยินดี มีความสุข และมีความต็มใจต้อนรับ เชื้อพระวงศ์ที่เสด็จลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อนำความร่มเย็นมาสู่พี่น้องประชาชนให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านการรักษาพยาบาล  ด้านการศึกษา  ด้านการสร้างอาชีพ สร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น


พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอประณามเพจนี้   Cerita Patani ที่สร้างข่าวบิดเบือน กับความเป็นจริง  สร้างข้อความอันเป็นเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี  สร้างความเกียจชังให้กับประชาชน  อยากจะบอกดังๆว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์  และไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของเพจชั่วๆ อย่างเพจนี้อย่างเด็ดขาด

...................................

Pada hari ini, Telah melihatlah oleh semua orang akan bahawasanya siapakah yang menjadi produk daripada hasutan dan inkubas di pondok dan Tadika dan Sekolah Swasta Islam.


Yang lalu, Telah dilhatkan akan beberapa kumpulan yang meusahakan untuk menyarukan oleh mereka itu untuk berhentikan oleh pegawai akan kegiatan yang berkaitan dengan kanak-kanak dan remaja sama ada ia di Tadika atau Pondak atau Sekolah Swasta Islam dengan menuduhkan ia akan bahawasanya telah melanggarkan oleh pegawai akan hak-hak kanak-kanak dan memusnahkan akan identity orang-orang di kawasan itu dan menakutkan akan kanak-kanak dan lain-lainnya yang memfitnahkan ia akan pegawai. Sesungguhnya pada datanglah oleh pegawai akan Tadika dan Pondok dan Sekolah Swasta Islam itu untuk mewujudkan ia akan kesedaran dan meluaskan ia akan dunia bagi kanak-kanak untuk mengatahuilah oleh mereka itu akan yang benar-benar dan yang betul dan mewujudkan ia kan kasih saying dan perpaduan di antara mereka itu untuk berkembang ia menjadi warga yang baik dan berkualiti dan berkehidupan didalam masyarakat dengan gembira.

          Pada masa lalu, Sebelum daripada tahun 1992 sehingga sekarang. Beberapa Pondok dan Tadika adalah matlamat yang penting bagi kumpulan kemerdekaan untuk memuterbelitkan ia akan ajaran Islam dengan menciptakan ia akan cerita dan mengarangkan ia dan mengisikan ia akan sejarah dan membangkitkan ia akan isu perbezaan perkuaman dan keagamaan untuk inkubasi dan menghasutkan ia untuk mewujudkan perbezaan untuk kanak-kanak dan remaja untuk berlahirkan ia akan kebencian akan orang kafir sehingga boleh menipukan ia dan menarikkan ia akan mereka itu untuk menyertai ia akan kumpulan kemerdekaan untuk menggunakan ia akan mereka itu sebagai alat untuk berbuatkan ia akan keganasan dan mewujudkan ia akan huru-hara di wilayah sempadan selatan seperti yang dilihatkan sehingga sekarang. Pada hal ini, Telah mengiktirafkan dan memberikan kepentingan  oleh pihak keselamatan akan dia. Maka memintalah ia akan kerjasama akan  pemilik Institusi pendidikkan untuk memantau ia dan mengawasi ia akan pengajaran dan pembelajaran di sekolahnya untuk  tidak menjadi ia sebagai tempat inkubasi dan tempat menciptakan idia yang salah dan tempat untuk bersembunyi oleh penkeganasan.


          Pada kira-kira tahun 2007. Telah mengadkan oleh pihak keselamatan akan pegawai untuk pergi ke Pondok dan Tadika dan Sekolah Swasta Islam untuk menyokongkan ia akan pendidikkan sebagai penolong guru dan tuter untuk kanak-kanak yang hendak periksakan ia dan hendak belajarkan ia pada tahap yang tinggi dan terbiahkan oleh mereka itu mengenai dadah dan undang-undang lalulintas dan falsafah ikonomi mencukupi dan lain-lainnya. Pada berbuat kegiatan seperti ini. Maka menjadi lembing yang menusukkan ia kan kumpulan keganasan kerana tidak mudah ia untuk menghasut dan inkubasi seperti yang dahulu, dan kerana didedahkan oleh pegawai akan kebenaran untuk di ketahuikan oleh kanak-kanak dan remaja akan dia. Maka perlulah oleh kumpulan kemerdekaan untuk menggunakan ia akan orang-orang yang berbarisan yang bersatu dengan dia pada dahulu dan akan pertubuhan-pertubuhan yang mendapatkan manfaat untuk dihalaukan oleh mereka itu akn pegawai-pegawai. Dan kumpulan-kumpulan yang menyarukan pada sekarang, Maka diketahuikanlah akan bahawasanya siapakah mereka itu, dan mana-manakah kumpulan yang mendapatkan manfaat didalam bergerakkannya. Dan apabila berbuatlah oleh pegawai akan kegiatan yang baik didalam Pondak dan Tadika. Maka menyebabkan ia akan kehabisan peluang bagi kumpulan keganasan untuk menghasutkan dan inkubasikan dan menipukan. Maka bergelut dan berjuang dan melakukan oleh mereka itu akan segalanya dan untuk menghalangkan untuk tidak menciptakan oleh pegawai akan kesedaran dan untuk memberikan akan apa-apa  yang baik. Dan mendedahkan ia akan kebenaran untuk diketahuikan oleh kanak-kanak dan remaja untuk menjadi imun dan sedar bagi mereka iu untuk tidak menjadi mangsa bagi kumpulan keganasan. Jangan membenarkan oleh kami akan kumpulan keganasan untuk membuat kekeliruan dan kerosakkan ia akan masyarakat.

2/19/2563

จะทำเช่นไร? เมื่อ"สถานศึกษา"ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มขบวนการโจรใต้



องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ประณามเหตุระเบิดบริเวณริมรั้วหน้าโรงเรียนบ้านไผ่มัน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ยูนิเซฟ(United Nations Children's Fund - UNICEF)  หรือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, พัฒนาการ, สุขภาพรวมถึงความเป็นอยู่ของเด็กและแม่ในประเทศกำลังพัฒนา

ยูนิเซฟเริ่มงานในประเทศไทยใน พ.ศ. 2491 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็ก ทั้งนี้ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าเด็กสิทธิเด็กใน พ.ศ. 2535 โดยประเทศไทยได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติต่างๆ ผ่านการออกกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย นโยบายและระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งพัฒนาการบริการต่างๆ เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มที่โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ

จากกรณีเมื่อ 17 ก.พ.2563 เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณริมรั้วหน้าโรงเรียนบ้านไผ่มัน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในขณะที่เด็กนักเรียนกำลังเตรียมเข้าแถวเคารพธงชาติตามปกติ สร้างความแตกตื่นและหวาดกลัวแก่ครูและนักเรียนในโรงเรียน คุณครูต้องพานักเรียนทุกคนหลบเข้าไปในห้องเรียนเพื่อความปลอดภัย

องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้ประณามการใช้ระเบิด อาวุธ และรวมทั้งการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในโรงเรียนหรือบริเวณใกล้เคียง โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน เหตุการณ์ครั้งนี้แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่ส่งกระทบด้านลบกับจิตใจของเด็กนักเรียนและผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก พวกเขาควรได้รับการประเมินสภาพจิตใจ และได้รับความช่วยเหลือดูแลด้านสภาพจิตใจอย่างเหมาะสมและจำเป็น ยูนิเซฟ ขอแนะนำให้ผู้ปกครองและครอบครัวของพวกเด็ก ๆ คอยสังเกตว่า เด็ก ๆ มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมหรือไม่ เช่น การนอนไม่หลับ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเด็กได้รับผลกระทบด้านจิตใจ และผู้ปกครองควรทราบว่าจะสามารถขอความช่วยเหลือได้จากหน่วยงานใดได้บ้าง ในกรณีที่จำเป็นความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความรุนแรงที่ทำให้เด็กต้องเสี่ยงอันตรายทุกประเภทเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนในวันข้างหน้า  ทุกภาคส่วน จึงได้มีการร่วมมือกันอย่างบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำศาสนา ภาคเอกชน ส่วนราชการ(พลเรือน ทหาร ตำรวจ แพทย์) เข้ามาในสถานศึกษา เพื่อเสริมสร้างคุณธรรม ระเบียบวินัย ปลูกฝังความรักชาติ รวมถึงการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ เช่น ความรู้เรื่องยาเสพติด กฎหมายจราจร หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องจริยธรรม เรื่องการป้องกันและรักษาโรค และอื่นๆ  ซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อเด็กเป็นสำคัญ เพื่อที่จะได้เติบโตเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพต่อไป

ในขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชนคือเป้าหมายหลักของกลุ่มขบวนการที่ต้องการดึงมาเป็นสมาชิกแนวร่วม มีการปลูกฝังแนวความคิด ความเชื่อ ด้วยการบิดเบือนประวัติศาสตร์ บิดเบือนหลักคำสอนศาสนา ส่งผลให้ เด็กและเยาวชนหลงผิด มีความก้าวร้าว มีความคิดแปลกแตกต่างจากเด็กและเยาวชนทั่วๆไป ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแยกตัวเองจากผู้ที่ไม่ได้คิดเหมือนตน ปฏิเสธความคิดของผู้อื่น แม้กระทั่งคนในครอบครัว # ต้องไม่ให้ลูกหลานเข้าสู่วังวนความชั่วร้ายเข้าร่วม ตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการในการก่อเหตุ

ระเบิด....โรงเรียนของหนู.......ทำไม



จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.63 ที่ผ่านมาคนร้ายใช้รถยนต์เป็นพาหนะลอบวางระเบิดที่บริเวณหน้า โรงเรียนบ้านไผ่มัน หมู่ 3 ต.บ่อทอง ถนนสายบ่อทอง – ยาบี จังหวัดปัตตานี  ซึ่งก่อนเหตุ ครูและนักเรียนบางส่วนกำลังเดินทางมาโรงเรียนตามปกติ และบางส่วนอยู่ในโรงเรียนเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าแถวเคารพธงชาติ เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ได้สร้างความเสียหายความหวาดกลัวและทำลายขวัญให้กับเด็ก ครู และผู้ปกครอง
การกระทำในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ไร้อุดมการณ์ ที่ก่อเหตุวางระเบิดหน้าโรงเรียนเพื่อสร้างสถานการณ์  โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนที่กำลังมาโรงเรียน ผู้ปกครองที่กำลังมาส่งเด็กๆ  เข้าโรงเรียน  ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาทุกศาสนาอย่างรุนแรง
ขอประณามในการก่อเหตุวางระเบิดในครั้งนี้ และขอความร่วมมือจากองค์กรทุกภาคส่วน  ผู้นำศาสนา  ประชาชน  ออกมาต่อต้านการก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ และให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการแจ้งเบาะแสการก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อีกต่อไป  แจ้งเบาะแสได้ที่ ตู้ ปณ 41 สายด่วน 1341

-----------------------------------------

#หยุดใช้ความรุนแรงต่อเด็ก

2/18/2563

ความงดงามหลากหลายของผู้คนบนดินแดนปลายด้ามขวาน มีความพยายามแบ่งแยกผู้คนออกเป็นกลุ่มเป็นพวก


การยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม  โดยมุ่งเน้นสร้างความเข้าใจ  “ลดความขัดแย้ง” ความหมายของพหุวัฒนธรรม  คือ  ความหลากหลายทาง วิถีชีวิต ความเชื่อ ศาสนาและประเพณีปฏิบัติ ที่มีความเหมือนและความต่างจากวัฒนธรรมอื่นๆ โดยเน้นการยอมรับซึ่งกันและกัน  ซึ่งจะทำให้สังคมมีความสงบสุขและสันติได้  

การใช้มิติพหุวัฒนธรรมในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม  มีส่วนสำคัญมาก และที่สำคัญที่สุดของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลายวัฒนธรรม ต้องอยู่ด้วยความเข้าใจบนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน  การได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมอื่น นอกเหนือจากวัฒนธรรมของเรา  ทำให้ทราบว่า  กลุ่มคนที่ไม่ได้มีวัฒนธรรมเหมือนเรา  เขาอยู่กัน อย่างไร  มีความรู้สึกอย่างไร  โดยมิได้สร้างความผิดเพี้ยนให้เกิดขึ้นต่อระบบศาสนาหรือวัฒนธรรมอื่นๆ ใดเลย

ในแต่ละศาสนา ก็มีวัฒนธรรม ความเชื่อ เทศกาล และกิจกรรม ที่ปฏิบัติแตกต่างกัน  เช่นวันแห่งความรัก 14 ก.พ. วันดังกล่าวถือเป็นวันเฉลิมฉลองให้กับนักบุญของหมู่ชนคริสเตียน ซึ่งก็มีผู้คน หลายชนชาติ หลายศาสนา หลายวัฒนธรรม ร่วมกิจกรรมมากมาย เพื่อแสดงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข  หรือวันฮารีรายอ ซึ่งเป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลก  ที่ชาวมุสลิมได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อขออภัยซึ่งกันและกัน 

ซึ่ง เทศกาล วันสำคัญ หรือกิจกรรมต่างๆ ของชนชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ต่างกันนั้นย่อมมีความเป็นมา รูปแบบการปฏิบัติ และผลที่ที่ได้รับ ซึ่งหากคนในสังคมได้เรียนรู้และมีความเข้าใจวัฒนธรรมอื่น ย่อมจะทำให้ทราบว่าทุกศาสนาวัฒนธรรมก็มุ่งหวังให้ผู้คนในสังคมที่มีความหลากหลายนั้น  สามารถอยู่ร่วมกันและพัฒนาประเทศร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ขอให้ทุกศาสนาในพื้นที่ จงยึดมั่นแนวทางการอยู่ร่วมกันแบบสังคมพหุธรรม เช่นในอดีตที่ถึงต่างศาสนาก็ มีวิถีการดำเนินชีวิตเช่นเดียวกัน คอยช่วยเหลือกันและกัน  และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

.............................................

ไล่ทหารออกจากโรงเรียน เปิดช่องทางให้โจรชั่ว พฤติกรรมแย่ๆของนักสิทธิมนุษยธรรม



โรงเรียนในพื้นที่ จชต. เป็นสถานที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะสถานศึกษาต่างๆ ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มโจรใต้ ที่หวังสร้างแนวร่วมรุ่นใหม่ๆออกมา โดยการบ่มเพาะปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดแก่นักเรียน


ทหารเข้าไปในโรงเรียนทำไม? การเข้าไปของทหารไม่ได้มีเจตนาร้ายแก่เด็ก แต่เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ การเข้าไปทำกิจกรรมกับเด็ก  การเข้าไปสอน ไปให้ความรู้ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ทำให้เด็กรับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง หรือไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มโจรใต้โดยง่าย 

โรงเรียนบางแห่งขาดแคลนบุคลากรครู เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง ครูที่ไหนจะกล้าไปสอน เข้าไปก็ไปทำร้าย ไปฆ่าเขา  ก็มีแต่ทหารนี่แหละที่เข้าไป เจตนาอันบริสุทธิ์นี้กลับกลายเป็นหอกข้างแคร่ของกลุ่มที่เรียกตนว่า  นักสิทธิมนุษยชน 


รับไม่ได้ที่ทหารพาเด็กร้องเพลงชาติไทยในตอนเช้า  รับไม่ได้ที่ทหารต้องอยู่ใกล้ชิดเด็ก  รับไม่ได้ที่ทหารนำกิจกรรมดีๆเข้าไปร่วมทำด้วยกัน อ้างนู่นอ้างนี่ แหกปากแหกคอไล่ทหาร ทั้งๆก็รู้อยู่เต็มอกว่าพื้นที่ จชต. เป็นอย่างไร? หรืออยากให้เด็กตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการก่อน ถึงจะสมดังใจพวกคุณ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 คนร้ายนำระเบิดซุกซ่อนไว้ริมกำแพงโรงเรียนบ้านไผ่มัน หมู่ที่  3 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หวังลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4306 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ขณะทำการลาดตระเวนด้วยการเดินเท้า เมื่อชุดปฏิบัติการดังกล่าว ได้เคลื่อนที่ผ่านบริเวณที่เกิดเหตุไปแล้ว จึงเกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้กำแพงโรงเรียนได้รับความเสียหายบางส่วน ในขณะนั้นเด็กนักเรียนกำลังเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่ เดฉะบุญไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ


แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ครู และเด็กนักเรียนหวาดผวาไปตามๆกัน ผอ.สั่งหยุดเรียนทันที  เด็กหลายคนไม่กล้าไปโรงเรียนอีก พ่อแม่ผู้ปกครองก็หวั่นว่าลูกจะได้รับอันตราย น่าสงสารเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในพื้นที่  เพียงแค่หวังสร้างสถานการณ์ของกลุ่มโจรใต้



กลุ่มคนที่เรียกว่า นักสิทธิมนุษยชนที่คอยแหกปากแหกคอไล่ทหารออกจากโรงเรียนกลับนิ่งเฉย ดีไม่ดีโทษเจ้าหน้าที่อีกตามเคย แต่ก็พอเข้าใจว่า...เจตนาพวกคุณต้องการอะไร? ทำไมถึงอยากให้ทหารออกจากโรงเรียน แต่อยากให้ไปถามพ่อแม่ผู้ปกครองหรือเด็กนักเรียนดูด้วยนะว่า  ระหว่างทหารเข้าไปกับกลุ่มโจรใต้เข้าไป พวกเขาต้องการแบบไหน? ไม่ใช่คิดเองเออเอง อ้างหลักการเปิดช่องทางให้ผู้กระทำผิดคิดทำร้ายโรงเรียน ทำร้ายเด็ก จับโจรโวยวาย จับคนร้ายละเมิดสิทธิ ปกป้องคนผิดแบบสุดโต่ง เลิกได้หรือยังกับพฤติกรรมเหล่านี้?

..........................................

2/08/2563

วันนี้.. สังคมได้เห็นกันอย่างชัดเจนแล้วว่า.. ใคร? เป็นผลผลิตจากการปลุกระดมบ่มเพาะในปอเนาะ/ตาดีกา..


ที่ผ่านมา  ได้เห็นความพยายามของคนหลายกลุ่ม  ที่ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยุติกิจกรรมที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ทั้งในโรงเรียนตาดีกา (เด็กเล็ก) และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา/ปอเนาะ (เด็กโต) โดยกล่าวหาโจมตีเจ้าหน้าที่ ว่าเข้าไปละเมิดสิทธิเด็กบ้างล่ะ.. เข้าไปทำลายอัตลักษณ์ตัวตนของคนในพื้นที่บ้างล่ะ.. เข้าไปสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กบ้างล่ะ.. สารพัดที่จะกล่าวอ้างใส่สีตีไข่ให้ร้ายกับเจ้าหน้าที่.. ที่เข้าไปสร้างการรับรู้.. เปิดโลกทัศน์ให้เด็ก.. เพื่อให้เด็กได้รับรู้ความจริงที่ถูกต้อง สร้างความรักความสามัคคี เพื่อที่จะได้เติบโตเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข

ในอดีตตั้งแต่ก่อนปี 2535 จนถึงทุกวันนี้  ทั้งโรงเรียนตาดีกา และโรงเรียนปอเนาะ หลายๆ แห่ง  คือ เป้าหมายสำคัญที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ใช้ในการบิดเบือนคำสอนที่ดีงามของศาสนาอิสลาม ด้วยการสร้างเรื่องราวแต่งเติมประวัติศาสตร์ โดยยกประเด็นความแตกต่างทางเชื้อชาติ/ศาสนา  เพื่อใช้ปลูกฝังปลุกระดมสร้างความแตกต่างให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดความเกลียดชังผู้คนต่างเชื้อชาติต่างศาสนา จนสามารถหลอกลวงชักจูงเข้าสู่กลุ่มขบวนการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุร้ายสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ดังที่ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้  ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคง ได้ตระหนักและให้ความสำคัญ จึงได้ขอความร่วมมือกับเจ้าของสถานศึกษาต่างๆ ในการสอดส่องดูแลการเรียนการสอนในสถานศึกษาที่รับผิดชอบ เพื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะสร้างแนวคิดที่ผิดเพี้ยนและเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุรุนแรงอีกต่อไป

จนเมื่อประมาณปี 2550 ฝ่ายความมั่นคงได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดกิจกรรมสนับสนุนการศึกษา ไปเป็นครูช่วยสอน/เป็นติวเตอร์ให้กับเด็กที่ต้องการไปสอบ/ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การอบรมให้ความรู้เรื่องยาเสพติด กฎหมายจราจร หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และอื่นๆ  ซึ่งการเข้าทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ กลายเป็นหอกแหลมทิ่มแทงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง  เนื่องจากโอกาสในการปลุกระดมบ่มเพาะทำไม่ได้ง่ายดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา และความจริงต่างๆ ที่ถูกต้องถูกเปิดเผยให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้กันแล้ว  จึงต้องใช้แนวร่วมและมวลชนที่ผ่านการปลุกระดมรุ่นก่อนๆ ผสมโรงกับกลุ่มองค์กรที่มีผลประโยชน์ในการออกมาเคลื่อนไหวกดดันเจ้าหน้าที่  ซึ่งกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาเรียกร้องอยู่ในปัจจุบัน.. มีกลุ่มไหนบ้างก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว..


วันนี้.. สังคมได้เห็นกันอย่างชัดเจนแล้วหรือยัง..ว่าใคร.. คนกลุ่มไหนบ้าง.. ที่เป็นผลผลิตจากการปลุกระดมบ่มเพาะในอดีตที่ผ่านมา.. กลุ่มไหนบ้างที่มีผลประโยชน์ในการออกมาเคลื่อนไหว..  เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าจัดกิจกรรมดีดีในปอเนาะ/ตาดีกา  จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหมดโอกาสในการหลอกลวง/ปลุกระดมบ่มเพาะ.. แนวร่วมที่ผ่านการบ่มเพาะ และกลุ่มองค์กรที่มีผลประโยชน์  จึงพากันดิ้นรนทุรนทุรายทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้น.. เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างการรับรู้.. ไปมอบสิ่งดีดี.. ไปนำเสนอความจริงให้กับเด็กและเยาชนได้รับรู้เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้รู้เท่าทัน.. จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนพวกนี้อีกต่อไป..  แล้วเรายังจะให้กลุ่มคนเหล่านี้.. มาสร้างความสับสนสร้างความเสียหายให้กับสังคมกันต่อไปอีกหรือ..

.............................................