หน้าเว็บ

4/23/2563

วันนี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า.. ภาคประชาสังคม(บางองค์กร)... ไม่ได้มีค่าหรือมีความสำคัญกับสังคมส่วนรวมเลย แม้แต่น้อย..



นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดขึ้น  ภาคประชาสังคมที่เป็นแนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงทั้งในและนอกพื้นที่ภาคใต้ของไทย  ก็ประสานเสียง สร้างภาพแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชน รวมถึงห่วงใยกลุ่มแนวร่วมที่สร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ตลอดมา  ด้วยการเรียกร้องให้มีการยุติการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีการวางอาวุธเพื่อแก้ไขปัญหาโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น..  แล้วยังมีลูกคู่ ลิ่วล้อพวกเดียวกันอีกหลายกลุ่มออกมาสนับสนุนและเห็นด้วยกับการเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองดังในพื้นที่


ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  กลุ่มคนพวกนี้ กลับไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมเลย.. ในขณะที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า  ต่างพากันแสดงออกด้วยการหยิบยื่นความช่วยเหลือ หยิบยื่นมิตรไมตรีให้แก่กัน โดยไม่มีการแบ่งแยก เชื้อชาติ ศาสนาเลยด้วยซ้ำ  ใครพอจะมีกำลังแรงกายแรงใจ สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ทุกคนออกมาร่วมด้วย ช่วยกันด้วยความเต็มใจ  เพื่อให้ทุกคนเอาชนะโรคระบาดไวรัสโควิด-19  ไปด้วยกันให้ได้ในเร็ววัน.. วันนี้ทุกคน  จึงได้เห็นธาตุแท้ของกลุ่มคนพวกนี้แล้วว่า.. ไม่ได้มีค่า หรือ มีความสำคัญกับสังคมส่วนรวมเลย แม้แต่นิดเดียว..








...............................

4/17/2563

ทำไม? รัฐบาลไทย จึงต้องพูดคุยกับ กลุ่มบีอาร์เอ็น

            กลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นกลุ่มนอกกฎหมาย และทำผิดกฎหมายของประเทศไทยมายาวนาน นับตั้งแต่ประกาศตัว ก่อตั้งกลุ่มฯ ขึ้นเมื่อปี 2503  ก็ได้สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ด้วยการปล้นฆ่า จับตัวผู้บริสุทธิ์ที่พอมีอันจะกินไปเรียกค่าไถ่  และเก็บค่าคุ้มครองจากเจ้าของกิจการต่างๆ ในพื้นที่ จนมาถึงในช่วงหลัง ตั้งแต่ปี 2547 มีการใช้กองกำลังขนาดเล็ก เข้าปฏิบัติการทางทหาร ด้วยการลอบวางระเบิด ลอบยิงเจ้าหน้าที่ เผาโรงเรียน เผาสถานที่ราชการ บ้านเรือนประชาชน วัดวาอาราม ทำลายระบบสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้า โทรศัพท์ และอื่นๆ  สารพัดที่จะทำเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และหวาดกลัวกับพฤติกรรมความเลวร้ายของคนกลุ่มนี้

            ความพยายามในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นั้น รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยล้วนหามาตรการต่างๆ มาใช้ทั้งด้านการพัฒนาพื้นที่ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปราม จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อคลี่คลายปัญหาต่างๆ  และอีกมาตรการหนึ่งที่ฝ่ายรัฐ ได้นำมาใช้ควบคู่ในการแก้ปัญหาในพื้นที่นอกเหนือจากการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศ ก็คือการพูดคุยเจรจาเพื่อหาแนวทางในการสร้างความสงบสุขขึ้นในพื้นที่  จึงได้เกิดการพูดคุยเจรจาเพื่อสันติภาพขึ้น  ระหว่างตัวแทนของรัฐบาลไทย กับกลุ่มบีอาร์เอ็น  ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ชายแดนใต้ แม้ว่าจะเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย และทำผิดกฎหมายของประเทศไทยมายาวนานก็ตาม



            คนไทยทั้งประเทศ ส่วนมากแล้ว ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการพูดคุยกับคนผิด คนชั่วเลยด้วยซ้ำ  อยากให้มีการใช้กฎหมายที่เด็ดขาด จัดการให้มันจบสิ้นไปโดยเร็ว..  แต่รัฐบาลก็ยังมองเห็นว่า หากมีการพูดคุยเพื่อหาแนวทางให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้นที่ได้ ก็สมควรที่จะทำ  ดังเช่นรัฐบาลในอดีตที่เคยพูดคุยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จนเกิดการยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ.. แนวร่วมฯ กลับมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย.. ได้ใช้ชีวิตตามปกติกับครอบครัว.. ส่วนผู้ที่มีความรู้ความสามารถและต้องการเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพื่อต่อสู้ทางความคิดก็ทำได้.. ดังที่เห็นนักการเมืองหลายๆ คน ในหลายๆ พรรคการเมืองในปัจจุบันนี้.. 

    
            ดังนั้น การที่รัฐบาลได้จัดตัวแทนพูดคุยกับ กลุ่มบีอาร์เอ็น  ก็เพื่อหาทางออกอีกทางหนึ่งในการสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติศาสนา ได้กลับมาใช้ชีวิตที่สงบสุขดังเดิม บ้านเมือง มีความเจริญก้าวหน้าพัฒนาไปสู่สันติสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป..

4/14/2563

กลุ่มบุหงารายา.. จัดบรรยายประวัติศาสตร์ปัตตานี ให้เยาวชน โดยไม่ได้ห่วงใย.. ว่าจะมีใครเป็นอันตรายหากมีการแพร่เชื้อโควิด-19

          ประเทศไทยเริ่มมีการคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 63 และตรวจพบผู้ติดเชื้อ ยืนยันรายแรกซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ในวันที่ 13 มกราคม  และตรวจพบผู้ติดเชื้อยืนยันที่เป็นคนไทยรายแรก ในวันที่ 15 มกราคม ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เร่งหาแนวทางในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้อย่างต่อเนื่อง จนมีมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดออกมาเป็นระยะๆ จนถึงวันนี้

          การเว้นระยะห่างทางสังคม SOCIAL DISTANCING เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ทุกคนในโลกนี้ นำมาใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  และในบ้านเราก็มีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน


          เป็นที่น่าแปลกใจมาก ในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงในเวลานี้ เมื่อได้ทราบข่าว เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา นายฮาซัน ยามาดีบุ  ประธานกลุ่มบุหงารายา ได้จัดบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปัตตานีและขนบธรรมเนียมประเพณีของมุสลิมให้กับกลุ่มเยาวชน ประมาณ 50 คน จาก อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่บริเวณชายคลองเทพา พื้นที่ บ.โคกหญ้าคา หมู่ที่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อยฯ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีการนั่งรวมฟังบรรยายแบบไม่จัดระยะห่างของบุคคล ไม่มีหน้ากากป้องกัน หรือเจลล้างมือ และจัดเลี้ยงรับประทานอาหารร่วมกันด้วยมืออีกด้วย.. 


          แสดงว่า กิจกรรมนี้น่าจะต้องมีความสำคัญมากจริงๆ นายฮาซันฯ จึงได้จัดขึ้น ในขณะที่ยังมีโรคระบาดอยู่แบบนี้ ซึ่งทุกครอบครัว ทุกชุมชน ทุกภาคส่วน ต่างก็ตระหนักและให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม..  หรือว่า ประธานกลุ่มบุหงารายา มีมาตรการให้การคัดกรองป้องกันและดูแลเด็กๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี..  แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้.. ถ้าในอนาคต มีเด็กคนใดเกิดติดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้แล้ว.. นายฮาซันฯ จะมีคำตอบให้ครอบครัวของเด็กๆ เหล่านั้นได้หรือไม่.. ว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้น ไม่ได้เป็นการจงใจทำร้ายเด็กๆ คงจะไม่ได้ยินคำแก้ตัวในลักษณะที่ว่า.. ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์.. 

สื่อแสดงให้โลกรู้.. ว่าใคร.. เป็นใคร..


การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด.. บางคนพูดดี ทำไม่ดี บางคนดีแต่พูด หรือเก่งแต่ปาก บางคนก็พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น..ในวันที่ทุกคนได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทุกคน ทุกบ้าน ทุกชุมชน และทุกประเทศในโลก ต้องการความเอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือ ดูแลกันด้วยความจริงใจ เพราะสิ่งนี้จะทำให้ทุกคนเอาชนะความทุกข์ยาก จากโรคระบาดในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน..  ซึ่งทุกภาคส่วนในบ้านเมืองนี้ เขาร่วมด้วย ช่วยกันอย่างแข็งขันดังที่เห็นกันอยู่..

แต่ก็ยังมีพวกนักฉวยโอกาส..  สร้างภาพโลกสวยด้วยน้ำลาย.. ออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ในห้วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งนำโดย กลุ่มภาคประชาสังคม ที่มีแนวคิดต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง (20-23 มีนาคม 2563) อีกไม่กี่วัน กลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุร้ายสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่มาเป็นเวลายาวนานถึง 60 ปี และยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบหรือแสดงความเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็ออกแถลงการณ์ที่สอดคล้องกัน เมื่อ 27 มีนาคม 2563  และในวันเดียวกันนี้ เลขาธิการพรรคการเมืองดังในพื้นที่ ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1  เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยสามารถแบ่งแยกประเทศได้  แบ่งแยกดินแดนได้  ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธ จนล่าสุดวันที่ 6 เมษายน 2563  รองหัวหน้าพรรคการเมืองนี้  ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น สนับสนุนและชื่นชมความคิดกลุ่มบีอาร์เอ็น..

ประเทศไทยมีกฎหมายตามหลักสากล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย  ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ ไม่ว่าจะเกิดโรคระบาดหรือไม่  กฎหมายก็ยังคงต้องถูกบังคับใช้ต่อไป  ชาวบ้านชาวเมือง คนทั่วไปที่เขาเป็นคนดีไม่ได้มีความผิด ติดตัว เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย.. การออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธฯ พูดกันง่ายๆ ก็คือ การเรียกร้องให้ยุติการใช้กฎหมาย ก็เพื่อต้องการช่วยเหลือโจรที่มีความผิด มีคดีความ.. ใช่หรือไม่..


ถ้ากลุ่มบีอาร์เอ็น ห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จริงๆ แล้ว ก็ควรที่จะยุติการใช้อาวุธตลอดไป..  แล้วหันกลับมาต่อสู้โดยใช้เวทีการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ถึงความจริงใจมากกว่า.. แล้ว บีอาร์เอ็น ทำได้หรือเปล่า..

4/12/2563

มาตรการภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชน ในวันที่เกิดโรคระบาดร้ายแรง.. ดีแล้วหรือยัง?


ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวทางการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทย ในวันที่ทุกคนต้องตกระกำลำบากกับโรคร้ายไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้  ซึ่งทางภาครัฐได้คิดและกำหนดรูปแบบในการช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว..  ดูเหมือนว่าเสียงที่ได้ยินส่วนมากแล้วจะไม่ค่อยพออกพอใจกันสักเท่าไรนัก.. ก็เพราะการกำหนดกลุ่มอาชีพที่ได้รับการช่วยเหลือ ว่าต้องเป็นกลุ่มอาชีพนั้นเป็นกลุ่มอาชีพนี้  ซึ่งความจริงผู้ได้รับกระทบและเดือดร้อนกับเจ้าโรคระบาดในครั้งนี้ คือประชาชนคนไทยทุกคน

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ที่ภาครัฐกำหนดขึ้นมาเป็นมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนในครั้งนี้ ก็ต้องยอมรับจริงๆ เลยว่า.. ผิดหวังมากกับแนวทางแนวความคิดที่มีมุมมองในเรื่องการเมืองแอบแฝงอยู่ด้วยหรือไม่.. จึงได้แยกคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้.. จึงได้ออกมาตรการแบบนี้ออกมา.. ความเดือดร้อนจากโรคระบาดครั้งนี้กระทบกับคนทุกคน  จะยากดีมีจนก็กระทบหมด  ถ้าคิดจะจัดกลุ่มในการช่วยเหลือจริงๆ ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก..  เพราะกระทรวงมหาดไทยมีข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มีข้อมูลประชากรทุกคนในประเทศนี้ที่อยู่ในสารระบบอยู่แล้ว.. ข้อมูลคนจนก็มี.. ข้อมูลเกษตรกรก็มี.. ข้อมูลต่างๆ น่าจะมีมากพอที่จะบริหารจัดการได้

ถ้าลองคิดง่ายๆ คิดเล่นๆ ในการช่วยเหลือประชาชน.. ว่าจะหาข้อมูลคนรวยคนจนได้มาจากไหน เพื่อจะจัดกลุ่มในการช่วยเหลือเร่งด่วน.. ก็น่าจะทำได้ไม่ยากเลย.. ในเมื่อทุกๆ ปี มีการเสียภาษีเงินได้ประจำปี.. มียอดรายได้ของแต่ละคนชัดเจน ว่าใครมีรายได้เท่าไหร่.. เสียภาษีเท่าไหร่.. (ใครมีใครจนก็พอจะคาดเดาได้)  แต่ก็อีกนั้นแหละ.. ในเมื่อยังมีอีกหลายครอบครัว ยังมีหลายคน ที่อาจจะไม่เคยเสียภาษีเลยด้วยซ้ำ เพราะเป็นคนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ หรือเป็นผู้ยากไร้รับจ้างรายวัน..  แต่ไม่ว่าจะเป็นใครถ้าคิดให้ครอบคลุมจริงๆ แล้ว.. ก็ทุกคนนั้นล่ะครับ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดครั้งนี้เหมือนกัน.. 

วันนี้.. ชาวบ้านถามหาถุงยังชีพ.. ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าภาครัฐไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย..  เอาละถ้าจะคิดแต่เงินๆๆๆ  ก็ลองคิดแบบเร็วๆ เร่งรัดเร่งด่วนในการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับคนในบ้านเมือง (ยกเว้นข้าราชการ) โดยช่วยเหลือสักคนละ 100 บาทต่อเดือน หรือจะคิดเหมาเป็นครอบครัวๆ 500-1000 บาทต่อเดือน (อยู่ที่ความเป็นไปได้)  ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าบ้าน.. หรือจะเป็นใครก็ได้ในครอบครัวที่มีชื่อตามทะเบียนราษฎร์.. ส่วนครอบครัวใดที่ไม่มีหมายเลขบัญชีธนาคาร  ก็ยกหน้าที่ในการจ่ายเงินไปให้กำนันผู้ใหญ่บ้านตรวจสอบและดำเนินการ โดยโอนเงินผ่านกองทุนชุมชนที่มีอยู่แล้ว.. ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก

ส่วนการช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภคค่าไฟฟ้า/น้ำประปา เมื่อวานได้ยินว่าจะมีข่าวดี ถึงมาตรการช่วยเหลือที่ออกมา.. หลงดีใจแทนคนไทยเพราะคิดว่าจะมีการยกเลิกเก็บค่ากระแสไฟฟ้า/น้ำประปา ในระดับครัวเรือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือในยามที่ทุกคนเดือดร้อนนี้ สัก 3 เดือน.. แต่ที่ไหนได้.. ไม่ใช่อย่างที่คิด.. ช่างผิดหวังแทนพี่น้องประชาชนคนอย่างเราๆ ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด  มาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐคิดออกมาช่วยเหลือประชาชนแต่ละเรื่องแต่ละอย่างมันก็ช่างกะปลกกะเปลี้ยเหมือนคนพิการ..  วันนี้ทุกคนจึงต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด อย่าไปคาดหวังหรือรออะไรที่มันมองไม่เห็นอีกเลย.. ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ..

4/08/2563

องค์กรสิทธิ์ฯ คุณทำเพื่อใคร? ในวันที่ชาวบ้านเดือดร้อนด้วยโรคระบาด...


นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา  เพื่อเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  วันนี้ผ่านมาแล้ว 5 วัน   พบว่ายอดของผู้ติดเชื้อฯ รายใหม่ ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากหลักร้อยเหลือเป็นหลักสิบ  ตามที่ นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน  โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้แถลงเมื่อวันที่ 7 เมษายน พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายใหม่ 38 คน รวมผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ 2,258 คน และเสียชีวิตแล้ว 27 คน  คำแถลงดังกล่าวนี้ทำให้ผู้คนเริ่มมีความหวังและเห็นความเป็นไปได้จริง.. ในการที่จะหยุดยั้งโรคระบาดในครั้งนี้กันบ้างแล้ว.. และความสำเร็จที่กำลังเกิดขึ้นนี้.. ล้วนแล้วแต่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนทุกคนในบ้านเมืองนี้ในการปฏิบัติตามคำแนะนำ ข้อบังคับ และกฎหมาย อย่างเคร่งครัดนั่นเอง.. 

ในวันแรกที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายในโลกออนไลน์ มีทั้งที่สนับสนุนมาตรการนี้ และมีทั้งที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่มีเหตุผลและความคิดที่แตกต่างกันไป.. แต่การแสดงความคิดเห็นที่ทำให้คนในโลกออนไลน์ และคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้.. ต้องแปลกใจกันมาก ก็คือ..  เมื่อวันที่ 5 เมษายน องค์กรสิทธิมนุษยชน 4 องค์กร ได้แก่ กลุ่มด้วยใจ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD และเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ก่อความไม่สงบและทางการไทย เพื่อหวังสร้างผลงานโดยใช้สถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ อย่างหน้าด้านๆ เลยที่เดียว.. องค์กรสิทธิมนุษยโจรพวกนี้.. มีความพยายามจะยกระดับความรุนแรงในพื้นที่ให้กลายเป็นสงคราม จึงได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธ.. ซึ่งเป็นที่เรื่องที่น่าขำและตลกสิ้นดี..

ประเทศไทยเป็นชาติที่มีเอกราชและมีกฎหมายภายใน เช่นเดียวกับทุกประเทศในโลก ใครทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นไปตามหลักสากลอยู่แล้ว และกฎหมายไทยก็ไม่ได้โหดร้ายทารุณเหมือนกับหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ด้วยซ้ำ.. การที่กลุ่มคนพวกนี้ออกมาแสดงท่าทีดังกล่าว.. ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายในสังคม โดยเฉพาะกับคนในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่ได้เห็นธาตุแท้ของกลุ่มองค์พวกนี้อย่างชัดเจนแล้ว.. เพราะไม่รู้ว่าที่ผ่านมา.. จะกี่ครั้งกี่หน.. ก็มีเพียงลมปาก.. ออกมาสร้างผลงานเอาดีใส่ตัว.. แบบนี้อยู่ร่ำไป..

ในยามนี้ ที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันด้วยโรคระบาดอยู่ขณะนี้.. ถ้าคนพวกนี้มีความจริงใจบ้างสักนิด  องค์กรสิทธิ์พวกนี้ คงจะลงไปแจกหน้ากากให้ชาวแก่บ้าน.. หรือไม่ก็คงจะไปช่วยชาวบ้านทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะกันบ้างแล้ว.. แต่ความจริงเกิดอะไรขึ้นบ้าง.. ก็เห็นๆ กันอยู่  และที่สำคัญที่สุดก็คือ.. กลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นเพียงกลุ่มนอกกฎหมาย ที่ได้ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองของประเทศไทยมานานแล้ว  โดยมีความผิดมีพยานหลักฐานปรากฏอย่างชัดแจ้ง..   

และสาเหตุสำคัญที่ภาครัฐมีความพยายามในการพูดคุยกับบีอาร์เอ็นนี้ ก็ด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและหวังที่จะให้พื้นที่เกิดความสงบสุข ชาวบ้านจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา..  แต่กลุ่มสิทธิมนุษยโจรพวกนี้ กลับนิยมยกย่องโจรที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองไทย..  จึงอยากจะตะโกน.. ถามแทนคนไทยและพี่น้องชายแดนใต้ว่า.. กลุ่มองค์กรสิทธิพวกนี้ว่า.. พวกคุณไม่เคยมีความสำนึกถึงคุณแผ่นดินถิ่นเกิดที่คุณได้อยู่ได้อาศัยจนมาถึงวันนี้กันบ้างเลยหรือ.. คุณจ้องแต่จะหาผลประโยชน์เพื่อตัวคุณเองหรือเปล่า.. เพราะสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่ขณะนี้นั้น มันส่อแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า.. จริงๆ แล้วคุณทำเพื่อใคร..

เปิดใจแนวร่วมฯ ขอยอมถูกจับเพื่อได้กลับมาหาครอบครัว.. เพราะเห็นธาตุแท้และได้รู้ความจริงแล้วว่า.. ถูกหลอกใช้ให้ตายฟรี..


จากการจับกุมตัวผู้ต้องหา ที่ลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 62   ได้ที่บ้านพักในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานี้  จากการสอบสวนนายสุกรี ดือรามัน ในเบื้องต้นนั้นให้การรับสารภาพ.. และสิ่งที่ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกสะท้อนใจก็คือ คำพูดที่เจ้าตัวเปิดใจว่า ไม่เคยเห็นความจริงใจของกลุ่มขบวนการฯ เลยสักครั้งเดียว  ที่ผ่านมานั้น เขาถูกปลูกฝังความคิดความเชื่อ ถูกหลอกใช้ให้เชื่อว่า.. การกระทำการณ์และการก่อเหตุร้างต่างๆ นั้น เป็นการทำงานและการต่อสู้เพื่อพระเจ้า.. เขาจึงยอมทำทุกอย่างที่ผิดพลาดตลอดมา..  

แท้ที่จริงแล้ว.. มันไม่ใช่เลย.. มันไม่ถูกต้องเลย.. กับการไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องราวและมีความเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย..  ที่ผ่านมาเขาได้เห็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ถูกวิสามัญฯ ในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ คนแล้วคนเล่า.. ที่ต้องตายไปอย่างไร้ค่า.. ถูกสังคมประณามตีตราว่าเป็นคนเลว.. ในการสร้างความเดือดร้อนความวุ่นวายไปทั่ว  ชาวบ้านพากันด่าทอสาปแช่งดูถูกเหยียดหยาม.. จนทำให้เขาต้องหันกลับมามองดูตัวเอง คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ  

ในวันที่มีการเกิดโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่ว.. ด้วยความเป็นห่วงครอบครัว ความเป็นห่วงแม่ซึ่งเป็นคนที่เขารักมากที่สุดยิ่งกว่าใครในโลกนี้..  เขาจึงตัดสินใจเสี่ยงที่จะเดินทางกลับบ้านไปหาแม่ทั้งที่รู้ว่าอาจจะถูกจับกุม เพราะมีความผิด/มีหมายจับ ป.วิอาญา  เพราะที่ผ่านมาต้องหลบๆ ซ่อนๆ ต้องหนี ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด.. จนถูกจับกุมดังกล่าว

แม้ว่า สุกรีฯ จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย.. แต่สุกรีฯ ก็ยังมีชีวิตอยู่.. และได้สัมผัสกับอ้อมกอดจากคนที่เขารักมากที่สุด.. เขาได้รับอ้อมกอดจากแม่อย่างที่เขารอคอยแล้ว..  ถึง สุกรีฯ จะต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่เขาได้ทำเอาไว้ตามกระบวนการยุติธรรมก็ตาม.. แต่วันนี้.. เขาก็ยังมีโอกาสได้เห็นหน้าแม่ของเขาอีก.. ต่างจากเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายๆคน ที่หมดโอกาสและสิ้นลมหายใจไปอย่างน่าเสียดาย..

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน.. ในวันที่ยังต้องทุกข์ยากลำบาก..


ในช่วงชีวิตของทุกคนที่เกิดมา ตั้งแต่เกิดจนตายจากโลกนี้ไปนั้น แต่ละคนล้วนมีชะตาชีวิตและเคราะห์กรรมที่ทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนต้องเดินไปตามเส้นทางที่หลากหลายแตกต่างกัน.. อดีตที่ผ่านมา ผู้คนอาจจะไม่ได้ใส่ใจ หรือให้ความสำคัญกับคนรอบข้างในสังคมมากนัก เพราะทุกคนล้วนมีภาระความรับผิดชอบต่อตัวเองและครอบครัวที่แตกต่างกันไป

แต่วันนี้.. วันที่เกิดวิกฤตกับชีวิตของมวลมนุษยชาติ วันที่มีโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วโลก มีผู้คนต้องเสียชีวิตสังเวยโรคร้าย ที่ชื่อไวรัสโควิด-19 นี้ไปทั่วโลกล้านกว่าคนแล้ว.. ในขณะที่ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวม 2 พันกว่าคน และเสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้ว 20 คน 

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด  มีความเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากมาตรการของภาครัฐในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็ได้กำหนดมาตรการขึ้นเป็นการภายในของแต่ละจังหวัด  

แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่จะสามารถหยุดยั้งเจ้าโรคระบาดนี้ได้จริงๆ ก็คือ ตัวเราเองนี่แหละ  ถ้าทุกคนมีความเข้าใจในการป้องกันตัวเอง และมีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ได้ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ทำตามกฎกติกาของส่วนรวม เจ้าไวรัสโควิด-19 ก็คงจะต้องสิ้นฤทธิ์ ไม่สามารถแพร่ระบาดและทำร้ายผู้คนได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน  จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน.. ให้สามารถก้าวข้ามความทุกข์ยากลำบากในยามนี้ไปให้ได้ด้วยกัน..

4/01/2563

ภาคประชาสังคมฯ และกลุ่ม BRN ใช้การเกิดโรคระบาด ออกแถลงการณ์สร้างผลงาน.. กันอย่างสอดคล้องลงตัว..

     การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในเวลานี้   ภาคประชาสังคมฯ หลายองค์กรในประเทศไทย ได้ออกมาแสดงบทบาทออกมาในเวลาที่ใกล้เคียงได้อย่างสอดคล้องต้องกัน พร้อมกับกลุ่ม BRN ซึ่งเป็นกลุ่มนอกกฎหมายกลุ่มหนึ่งที่มีส่วนในการสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย  และดูเหมือนว่าภาคประชาสังคมฯ กับกลุ่ม BRN จะออกมาแสดงบทบาทได้เป็นจังหวะจะโคนราวกับเป็นวงดนตรีคณะเดียวกันเลย.. เพียงเพื่อที่จะให้ดูดีมีบทบาทในสังคม ผสมกับการยกระดับให้การรับรองกลุ่ม BRN ไปด้วย..ใช่หรือไม่.. วันนี้ภาคประชาสังคมฯ ต้องการให้ BRN เป็นกลุ่มถูกกฎหมายแล้วหรือ.. ลองมาพิจารณาไล่เรียงเหตุการณ์และดูความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในเรื่องนี้.. ไปด้วยกัน
     วันที่ 25 ธันวาคม 2562  มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังและบันทึกเรื่องราวกรณีการทรมานและการปฏิบัติอันโหดร้ายในประเทศไทย  เผยแพร่ปฏิญญาสากล Safe School เพื่อการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ (https:// voicefromthais.wordpress.com) โดยกล่าวว่า เราทำอะไรกันน้อยไปไหมเรื่องการคุ้มครองเด็กในสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ หลักการที่กล่าวถึง Safe School ตามหลักสากล จะนำมาปรับใช้ได้อย่างไรหรือไม่ สถานการณ์ในพื้นที่ดูเหมือนว่าจะมีใครคิดทำอะไรกับเด็กในจังหวัดชายแดนใต้  สรุปสาระสำคัญที่อ้างหลักสากลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ ไม่ต้องการให้ทหารเข้าไปทำกิจกรรมในโรงเรียนนั่นเอง ซึ่งนอกจากการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวแล้ว ยังมีความพยายามที่จะเสนอรัฐบาลให้การรับรองเรื่องนี้ด้วย
     วันที่ 15 มกราคม 2563  กลุ่ม BRN แสดงละคร ด้วยการลงนามฝ่ายเดียวว่าด้วยเรื่อง การปกป้องเด็ก จากผลกระทบของการขัดกันทางอาวุธ (Armed Conflict) เพื่อแสดงตัวตนยกระดับกลุ่มให้มีบทบาทในเวทีโลก ซึ่งขัดกับความจริงที่ผ่านมา เพราะคนกลุ่มนี้เคยทำร้ายเด็กๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ได้รับเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส  เช่น เด็กไม่มีที่เรียนหนังสือเพราะโรงเรียนถูกเผา  เด็กไม่มีครูสอนหนังสือเพราะครูถูกยิงตาย และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ การลอบวางระเบิดเพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองต้องบาดเจ็บล้มตาย  ทำให้มีเด็กๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เด็กต้องเผชิญชะตากรรมอย่างสิ้นหวัง เมื่อขาดเสาหลักกลายเป็นกำพร้าอย่างน่าสงสาร เพราะพฤติกรรมความเลวร้ายของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งกลุ่ม BRN ให้การสนับสนุนและสั่งการให้ก่อเหตุมาจนถึงทุกวันนี้
     หลังจากลงนามแล้ว  แทนที่กลุ่ม BRN จะปฏิบัติตามสัญญาที่ตัวเองได้ลงนามไปแล้ว แต่กลับมีการสั่งการให้แนวร่วมปฏิบัติการก่อเหตุร้ายและลอบวางระเบิดอย่างต่อเนื่อง
     วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563  มีการลอบวางระเบิดที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา  เป็นเหตุให้เด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 คน 
     วันที่ 17 มีนาคม 2563  ปล้นรถชาวบ้านแล้วจับมัดไว้ ก่อนนำรถไปประกอบระเบิด แล้วขับไปจอดไว้ที่หน้า ศอ.บต. ในพื้นที่เมืองยะลา  แล้วกดระเบิด  ทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ รวม 18 คน
     วันที่ 20 มีนาคม 2563  ลอบวางระเบิด ชุดกิจการพลเรือน ทพ.45 หลังจากร่วมกับชาวบ้านทำความสะอาดมัสยิด บ.ลาไม ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย
     มีความเป็นไปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 มีนาคมนั้น มีการสั่งการให้ก่อเหตุในเขตเมือง เพื่อหวังผลในการเบี่ยงเบนความสนใจตอบโต้เจ้าหน้าที่ ที่ได้ปิดล้อมเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีหมาย ป.วิอาญา คดีสำคัญหลายคดี ในพื้นที่บริเวณเขื่อนปัตตานี ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา  จนเกิดการปะทะกันขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุฯ เสียชีวิต 3 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 นาย  จึงมีการสั่งการให้ก่อเหตุระเบิดในเขตเมือง เพื่อดึงความสนใจและหวังจะให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากการปิดล้อมเข้าไปในเขตเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น กลับกลายเป็นการทำร้ายซ้ำเติมพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขึ้นในพื้นที่พอดี ชาวบ้านจึงพากันด่าทอสาปแช่งกับการกระทำที่เลวร้ายนี้   

     ส่วนการปิดล้อมเพื่อบังคับใช้กฎหมายบริเวณเขื่อนปัตตานี ที่เริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่ วันที่ 12 มีนาคมนั้น ยังคงดำเนินต่อไป และเกิดการปะทะกันอีกครั้งในวันที่ 18 มีนาคม ผู้ก่อเหตุฯ เสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 นาย  ความพยายามที่จะตอบโต้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จึงมีอีกครั้ง ด้วยการลอบวางระเบิดที่ บ.ลาไม ในวันที่ 20 มีนาคม ดังกล่าวซึ่งในปัจจุบันการปิดล้อมบริเวณเขื่อนปัตตานี ยังไม่เสร็จสิ้น มีการปรับเปลี่ยนวิธีการและลดจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติลงให้เหลืออยู่เฉพาะที่จำเป็น เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหลบซ่อนอยู่บริเวณเกาะกลางน้ำอีก 3 คน
     จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นดังกล่าว  ภาคประชาสังคมทั้งในและนอกพื้นที่ชายแดนใต้.. (เจ้าเก่า)  พากันออกมาเคลื่อนไหวออกมาแสดงท่าที เพื่อสร้างผลงานกันทันที
     วันที่ 20 มีนาคม 2563  มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานีและกลุ่มด้วยใจ แถลงการณ์เรื่องความสูญเสียที่ริมเขื่อนปัตตานี และการระเบิดที่ ศอ.บต. ว่าขัดกับแนวทางสันติวิธีและลดทอนบทบาทของการเจรจาสันติภาพ โดยสรุปเนื้อหาก็ยังเป็นการกล่าวอ้างการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอาจเป็นยุทธิวิธีที่ขัดกับแนวทางสันติวิธีและลดทอนความพยายามในการเจรจาสันติภาพของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แถลงการณ์นี้มีความพยายามในการรับรองสถานะและยกระดับกลุ่ม BRN ขณะเดียวกันก็พูดถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่าไปสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชน
     วันที่ 21 มีนาคม 2563  สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา(LEMPAR) ซึ่งเรียกตัวเองว่า เป็นกลุ่มภาคประชาสังคมที่มีแนวทางการทำงานสอดคล้องกับกลุ่มนักศึกษาในพื้นที่ ที่เคยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ  ได้ออกแถลงการณ์พิเศษ ผ่านสื่อออนไลน์ https://www.facebook.com/Lempar-The-Academy-Of-Patani-Raya-For-Peace-and-Development เรียกร้องรัฐและBRN ให้หยุดปฏิบัติการทางอาวุธอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกลับมาสู่ภาวะปกติ  แถลงการณ์นี้มีความพยายามในการรับรองสถานะและยกระดับกลุ่ม BRN  โดยใช้สถานการณ์ที่เกิดโรคระบาด เรียกร้องให้มีการยุติการใช้อาวุธ ในวันที่มีการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ที่ บ.ลาไม  เป็นความพยายามเพื่อกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยตรง เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่เคยสนใจข้อเรียกร้องใดจากใครเลย
     วันที่ 24 มีนาคม 2563  สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี PerMAS ได้ส่งสาส์นผ่านสื่อออนไลน์ในเพจของกลุ่ม(https://www.facebook.com/The-Federation-of-Patani-Students-and-Youth-PerMAS) แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนชาวปาตานีและชาวไทย ที่กำลังต่อสู้กับภัยร้ายที่กำลังระบาดของ Covid-19  ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงและการใช้อาวุธยังคงมีให้เห็นหลายเหตุการณ์ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวปาตานี.  ยังกังวลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการละเมิดหลักมนุษยธรรมที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่.  การเปิดพื้นที่ทางการเมืองสู่การกำหนดชะตากรรมตนเองของประชาชนเป็นแนวทางที่สำคัญที่นำไปสู่สันติภาพ  สาส์นนี้ใช้สถานการณ์โรคระบาด เพื่อแสวงประโยชน์แสดงบทบาทของกลุ่มเรียกร้องโจมตีเจ้าหน้าที่/ประเทศไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อนำไปสู่การกำหนดใจเพื่อปกครองตนเอง
     วันที่ 27 มีนาคม 2563 กลุ่ม BRN ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ผ่านพ้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น (https://www.facebook.com/watch/wartanimap) การใช้สถานการณ์โรคระบาดออกมาแสดงความห่วงใยผู้คนในครั้งนี้ นับเป็นความพยายามเคลื่อนไหวแสดงบทบาทในการมีตัวตนมีองค์กรของกลุ่มต่อสาธารณะ แต่ก็คงไม่สามารถทำให้คนในพื้นที่ชื่นชมนิยมชมชอบไปได้ เพราะได้สร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่นี้มาอย่างต่อเนื่อง
     เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชายแดนใต้ ทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์กรรมที่เกิดจากน้ำมือของคนชั่วมายาวนาน เพราะไม่มีคนดีที่ไหนจะไปไล่ฆ่าไล่ยิงลอบวางระเบิดสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วไปได้อย่างแน่นอน  วันนี้ ภาคประชาสังคมฯ ออกมาเรียกร้องอะไรกันบ้าง เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือคนดี หรือคนชั่ว.. สังคมคงจะให้คำตอบได้.. ว่าการแสดงบทบาทที่เหมือนว่าจะดูดี ในยามที่ประชาชนทั้งประเทศทั้งโลก กำลังทุกข์ยากลำบากเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงในครั้งนี้.. ความเห็นอกเห็นใจและข้อเรียกร้องต่างๆ ที่ออกมานั้น..  เพื่อประโยชน์ของสังคม ของพี่น้องประชาชน อย่างแท้จริงหรือไม่.. หรือเพียงแค่ฉกฉวยโอกาส สร้างผลงานเพื่อใช้ประกอบการรายงานเพื่อรับผลประโยชน์ค่าตอบแทนเท่านั้นเอง..