8/24/2560

ละครฉากใหญ่.. เหตุปล้นรถขายปลาไปปล้นเต็นท์รถมือสองทำคาร์บอม

"แบมะ ฟาตอนี"


โอละพ่อ!! ข่าวสารจังหวัดชายแดนภาคใต้เปลี่ยนวันต่อวันกันเลยทีเดียว หากไม่ติดตามมีหวังตกขอบตามไม่ทันอัพเดทชั่วโมงต่อชั่วโมง โดยเฉพาะคดีดัง คนร้ายปล้นรถพ่อค้าปลาปัตตานีนำไปปล้นเต็นท์รถมือสองในอำเภอนาทวีทำคาร์บอม..

ล่าสุด พลตรีจตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี สั่งคุมตัวพ่อค้าปลาเจ้าของรถที่ถูกปล้น สงสัยมีเอี่ยวคดีปล้นรถไปคาร์บอมบ์ที่ปัตตานี

แอ๊ะ!! เกิดอะไรขึ้นทำไม? เหตุการณ์กลับตาลปัตรแบบนี้ วันก่อนนายมะกอซี แนปีแน กับภรรยา พ่อค้าปลาซึ่งเป็นชาวอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ยังถูกกลุ่มโจรไม่ต่ำกว่า 10 คน ทำการปล้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า จับมัดก่อนนำรถไปก่อเหตุปล้นรถยนต์มือสองทำคาร์บอม ในพื้นที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา แล้ววกกลับมายังปัตตานีเพื่อทำการก่อเหตุ 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมาชุดปฏิบัติการณ์ร่วม ได้นำตัว 3 ผู้ต้องสงสัยที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อ ทำการตรวจค้นบ้านพัก 3 หลังในพื้นที่ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมืองปัตตานี ซึ่งบุคคลทั้ง 3 คนมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับ นายนูรีซัน อาแว หนึ่งในผู้ต้องหาที่ปล้นรถและถูกวิสามัญเสียชีวิตในวันเกิดเหตุ การตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ใช้กฎอัยการศึกเชิญตัวผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง 4 คนเพื่อมาให้ข้อมูลทำการสอบขยายผล 

โดย 2 ใน 4 คือนายมะกอซี แนปีแน กับภรรยา เจ้าของรถขายปลาที่ถูกปล้นใน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี แล้วนำรถไปก่อเหตุปล้นเต้นท์รถมือสองที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา 

ทั้งนี้เนื่องจากพบพิรุธ เนื่องจากนายมะกอซี แนปีแน ให้การวกวนเกี่ยวกับรถขายปลาที่ถูกปล้นในวันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบภายในรถกระบะพบว่ามีถังปลาจำนวนมากซึ่งไม่สามารถบรรทุกคนขึ้นได้ แต่คำให้การของนายมะกอซีฯ ระบุว่าคนร้ายมาด้วยกัน 7 คนปิดบังใบหน้า หลังปล้นรถและได้มัดตนกับภรรยาไว้กับต้นไม้ จากนั้นคนร้ายทั้ง 7 คน ได้ขึ้นรถของตนหลบหนีไป ซึ่งจากการให้การพบว่ามีพิรุธและขัดกับวัตถุพยานแวดล้อมเนื่องจากถังปลาที่บรรทุกจำนวนมากคนร้ายทั้ง 7 คน ไม่สามารถขึ้นไปได้ หากจะขึ้นไปก็ต้องทิ้งถังปลาลงไป แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบถังปลาดังกล่าว จึงเป็นข้อสงสัยว่าภายในถังปลาอาจจะบรรทุกอาวุธหรือวัตถุระเบิดที่คนร้ายเตรียมประกอบ
อีกทั้งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งรถขายปลาของนายมะกอซีฯ คนร้ายจอดทิ้งไว้ในสวนยาง ในพื้นที่ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งสวนยางดังกล่าวพบว่าเป็นเครือญาติของภรรยา นายมะกอซีฯ
ข้อสงสัยอีกประเด็นหนึ่งคือ ของนายมะกอซีฯ ให้การว่าช่วงที่คนร้ายมัดตัวเองและภรรยากับต้นไม้บริเวณทุ่งนาโล่งๆ และคนร้ายยังไม่ไปไหนร่วม 10 ชั่วโมง ซึ่งผิดวิสัยอีกทั้งยังให้การให้การวกวน เบื้องต้นเชื่อว่าทั้งสองอาจจะรู้เห็นแต่ยังปฏิเสธและไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการคุมตัวของนายมะกอซีฯ ไว้สอบสวนขยายผลต่อไป

มองเรื่องนี้แล้วทำให้หวนกลับไปยังคดี นายดาโหะ มะถาวร ครูตาดีกา ที่กุข่าวถูกเจ้าหน้าที่อุ้มนำตัวไปกักขังในค่ายทหาร องค์กรแนวร่วมในพื้นที่ออกแถลงการณ์ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ชี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามบังคับให้สูญหาย ซึ่งในเวลาต่อมาเมื่อความจริงปรากฏ กลับตาลปัตร ครูตาดีกาสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อโกหกภรรยาไปหาเพื่อนสาวที่คบหาดูใจในเฟสบุ๊ค 

นายดาโหะฯ มีความผิดด้วยการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความเสื่อมเสียให้หน่วยงานรัฐ ศาลจังหวัดนาทวีได้มีคำพิพากษาคดี และสั่งลงโทษจำคุก นายดาโหะ 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
เราในฐานะผู้ชมจะต้องติดตามดู “ละครตอนจบ” เหตุปล้นรถขายปลานำไปปล้นเต็นท์รถมือสองทำคาร์บอมจะลงเอยเช่นไร? เจ้าหน้าที่จะมีทีเด็ดกลเม็ดเด็ดพรายขนาดไหนในการแกะร่องรอยของคนร้ายเพื่อคลี่คลายคดี จากการที่คนร้ายทำการซ่อนเงื่อน จัดฉาก เดินหมากหลอกล่อให้มีการหลงประเด็น หากมองๆ ไปแล้วเหมือนละครฉากใหญ่ที่มีการเขียนบท.. และกำกับโดย “แกนนำขบวนการ” มีการเฟ้นหาตัวนักแสดงมารับบทบาทที่เหมาะเจาะลงตัว..  นายมะกอซีฯ ในฐานะตัวแสดงเดินเรื่องเปิดฉากในฐานะคนดีที่ถูกคนร้ายตามท้องเรื่องกระทำ สุดท้ายจะหักมุมในตอนจบกลับกลายเป็นผู้ร้ายตามสไตล์หนังฝรั่งหรือไม่?... คอยติดตามกัน.
----------------------

8/23/2560

ใคร!!....คือผู้ค้าไฟใต้

"กะ กันดา"



ไฟใต้.... ไฟสุมอก ท่านเข้าใจในความหมายนี้หรือไม่!! ตายรายวัน... จะทำให้เรานับศพไม่ถ้วน... จนนับศพไม่ทัน.. แล้วใคร!!.... ค้าไฟใต้ ตัวจริงที่เป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังความรุนแรง

ใคร!!.... ค้าไฟใต้ ผู้เขียนเคยได้ยินคำว่า อุตสาหกรรมความมั่นคง ที่ฝ่ายคิดต่างจากรัฐสร้างวาทกรรม กล่าวหาเจ้าหน้าที่ในเวทีเสวนาหรือแม้กระทั่งในสื่อสังคมออนไลน์

ก่อนหน้านี้ หรือแม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีคนบางกลุ่มที่พยายามโยงเหตุความรุนแรงทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์เพื่อดึงงบประมาณ

ใคร!!.... ค้าไฟใต้ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ มีแต่คนบางกลุ่มที่กล่าวหาว่าเป็น เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งรัฐเองกำลังสู้อยู่กับใคร? กำลังสู้อยู่กับผู้ก่อความไม่สงบที่มีอุดมการณ์เพื่อแบ่งแยกดินแดน หรือกลุ่มโจรที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือต่อสู้อยู่กับผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ หรือกลุ่มบุคคลที่รู้สึกเกลียดชังโกรธแค้นและต้องการเอาคืน และใคร? กันแน่คือ “นักค้าไฟใต้ตัวจริง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรามาหาคำตอบกัน...

เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 14 ปีแล้วนั้น ได้ผ่านการศึกษาวิเคราะห์ในเชิงลึกจากหน่วยงานทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งก็ได้ผลสรุปที่ตรงกันว่า ไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้งเรื่องของ ศาสนา และไม่ได้เป็นปัญหาความแตกต่างทางด้าน เชื้อชาติ วัฒนธรรมแต่เป็นปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศไทยของเราเอง ด้วยเหตุนี้ ประเทศโลกมุสลิม หรือสังคมนานาชาติ จึงไม่มีใครอยากจะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง

คำว่า “ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศไทย” มีขอบเขตและกินความแค่ไหน หากตัดประเด็นเรื่องความแตกต่างทางชาติพันธ์ ศาสนา และวัฒนธรรมออกไป รวมทั้งสมมุติฐานที่ฝ่ายรัฐและหน่วยงานความมั่นคงสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้มากขึ้นแล้วใคร? คือผู้ค้าไฟใต้ตัวจริงที่สร้าง ปมปัญหา ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเป็น ปมความขัดแย้ง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่พิเศษนี้  

ปมความขัดแย้ง มักจะเกี่ยวข้องกับ“อำนาจ และผลประโยชน์” ในเมื่ออำนาจ และผลประโยชน์มักจะมาจากมูลเหตุแห่งความไม่จริงใจ คดโกง โกรธแค้นชิงชัง ความไม่ถูกต้องทั้งในแง่ของศาสนา กฎหมายและศีลธรรม รวมทั้งการไม่เห็นความสำคัญของประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในพื้นที่ที่ต้องรับชะตากรรม

ดังนั้น ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงไม่อาจจะปฎิเสธ หรือหลีกเลี่ยงได้ว่าไม่เกี่ยวกับปัญหาการเมือง ผู้ที่กระสันอยากได้ อำนาจ ต้องการแยกดินแดนแห่งนี้เป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย กระทำทุกวิถีทางเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมาย

ส่วนในเรื่องของ “ผลประโยชน์” ขบวนการค้ายาเสพติด ผู้ลักลอบสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับขบวนการ ในการจัดซื้ออาวุธ อุปกรณ์ผลิตวัตถุระเบิดกลับมาเข่นฆ่าประชาชน คือผู้ค้าไฟใต้อีกกลุ่มที่พยายามรักษาในเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มตนไว้ เมื่อเกิดความขัดแย้งด้วยกันเอง มีการใช้ความรุนแรง และอีกกลุ่มหนึ่งถ้าพูดถึงเรื่องผลประโยชน์ก็คงหนีไม่พ้นตัวเจ้าหน้าที่รัฐเอง ที่หลายๆเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นนั้น อาจเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์เพื่อดึงงบประมาณก็เป็นได้ แล้วใคร!! ล่ะ... คือผู้ลงมือปฏิบัติการ...

ผู้ค้าไฟใต้ อีกกลุ่มที่ไม่กล่าวถึงอาจจะเป็นการตกขบวน คือ องค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการในมหาวิทยาลัยดังที่ทำผลงานวิจัยปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนกลุ่มนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศ... ลองคิดเล่นๆ หาก ไฟใต้ดับ คนเหล่านี้จะทำอะไร? ดั่งคำที่มีผู้กล่าวไว้ว่า ไม่มีคนไข้... หมอตกงาน ไม่มีโจร... ยามตกงาน ไม่มีคนตาย...  สัปเหร่อตกงาน

ใคร!!.... ค้าไฟใต้ ใคร? คือผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่ความรุนแรง มีทั้งนักการเมือง กลุ่มขบวนการ ผู้ค้ายาเสพติด ผู้ลักลอบสินค้าหนีภาษี องค์กรภาคประชาสังคม (บางองค์กร) และนักวิชาการ (บางคน) หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐเอง ก็อาจจะเป็นไปได้ ทั้งหมดทั้งมวลต่างต้องการอำนาจ และรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน...ที่หล่อเลี้ยงไฟใต้ไม่ให้มอดดับตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา.
--------------------






8/20/2560

กลุ่มขบวนการโคตรใจดำ...หลอกให้ “นูร์ฮาซัน” ไปตาย

"แบมะ ฟาตอนี"


“ความตาย” มนุษย์ทุกคนเกิดมาไม่สามารถหลีกหนีพ้น จุดจบ..อาจจะต่างกันซึ่งบางคนอาจจะยังไม่ถึงวัยอันควรก็มีอันเป็นไปไม่มีวันหวนกลับ..ทั้งนี้และทั้งนั้นอยู่ที่การครองตนเลือกทางเดินชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง

“ความตาย” ของ นายนูร์ฮาซัน อาแว วัยเพียง 27 ปี ยังไม่ถึงที่ตายกลับต้องมาตายเพียงเพราะหลงเชื่อ “ขบวนการ”
 
ย้อนกลับไปเหตุการณ์คนร้าย 10 คน ปล้นรถยนต์ปิกอัพ 7 คัน เพื่อนำมาประกอบระเบิด “คาร์บอม” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา นายนูร์ฮาซัน อาแว ได้ขับรถยนต์ที่ปล้นมาจาก “ร้านวังโต้คาร์เซนเตอร์” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายรถยนต์มือสองในอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ประกอบระเบิดพร้อมถังน้ำมันขับฝ่าด่านเพื่อกลับมาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปัตตานี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ล่าเกิดการปะทะถูกวิสามัญดับ

จากข้อมูลเชิงลึกของหน่วยข่าว นายนูร์ฮาซันฯ ไม่มีรายชื่อในสารบบของกลุ่มขบวนการ อาจจะเป็น “กลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่” ที่แกนนำต้องการทดสอบกำลังใจ และแสดงความกล้าหาญของตนเองเพื่อต้องการแสดงตัวตนให้เกิดการยอมรับจากขบวนการ

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ คือ “การตาย” ของนาย นูร์ฮาซัน อาแว กลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่เสียชีวิตจากการปะทะ กลับถูกยกย่องเป็น “วีรบุรุษ” สมเกียรติที่ตายแบบ “ซาฮีด” ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการฆ่ามนุษย์เป็นสิ่งที่น่ายกย่องไปได้อย่างไร “อิสลาม” คือ “สันติ”แต่กลับนิยมความรุนแรงมันเกิดอะไรขึ้นกับมุสลิมบางกลุ่มในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “การฆ่าคน” คือสิ่งที่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเกรงกลัวต่อบาป การฆ่าคนผิดหลักศาสนาและยังผิดกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ต้องการสันติสุขจริงหรือ? เหตุใดถึงไม่ต่อต้านความรุนแรงในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม เหตุการณ์ความรุนแรง 14 ปี ยังไม่พอหรืออย่างไร?

“ไฟใต้” ได้เผาผลาญทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตลอดระยะเวลา 14 ปี ได้สร้างความเสียหายที่ไม่อาจประเมินค่าได้ “ไฟใต้” ได้ถูกจุดขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ.2547 ซึ่งในขณะนั้นนายนูร์ฮาซัน อาแว ผู้เสียชีวิตมีอายุแค่เพียง 13 ปี ยังไม่นับรวมผู้ก่อเหตุอีกหลายรายที่ถูกจับกุมบ้างยังเรียนอยู่ในระดับประถมอายุแค่ไม่กี่ขวบ แต่ในวันนี้เด็กในวันนั้นกลับมาทำการก่อเหตุเข่นฆ่าผู้คน นี่คือ ผลผลิต ความชั่วที่กลุ่มขบวนการได้ปลูกเอาไว้ได้เวลาผลิดอกออกผล

แต่ที่เป็นประเด็นใหม่ที่มีการเปิดขึ้นมา นายมารูดิง อาแว บิดาของ นายนูร์ฮาซัน อาแว กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่า ลูกจะเลือกใช้วิธีรุนแรง เพราะที่ผ่านมาลูกไม่เคยเกเร มุ่งแต่เรียน ทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเอง และส่งเสียตัวเองจนจบปริญญาตรี ไม่เคยรบกวนพ่อแม่

เมื่อบุคคลใกล้ชิดออกมายืนยันอย่างนั้น กับการตายของนายนูร์ฮาซันฯ ย่อมมีเงื่อนงำ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เคร่งศาสนา จะมองสาเหตุที่เข้าร่วมปฏิบัติการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอาจจะมาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน

ประการแรกเนื่องจาก นายนูร์ฮาซันฯ เป็นผู้ที่เคร่งในเรื่องศาสนา อาจจะถูกหลอกให้เข้าร่วมโดยใช้การบิดเบือนหลักคำสอนนำไปสู่การกระทำพิธีสาบานตน (ซุมเปาะฮ์) ให้ลงมือปฎิบัติการ

ประการที่สอง นายนูร์ฮาซันฯ ถูกข่มขู่จากแกนนำในพื้นที่หมายเอาชีวิตคนในครอบครัวเป็นตัวประกัน หากไม่กระทำตาม ต้องตาย ทั้งบ้าน อีกทั้งเบื้องลึกในละแวกบ้านเคยมีคนร้ายทำการก่อเหตุกราดยิงร้านน้ำชา จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย และหนึ่งในนั้นมี นายมารูดิง อาแว บิดาของ นายนูร์ฮาซันฯ รวมอยู่ด้วย ซึ่งเราจะต้องเฝ้าดูกันต่อไป

ฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองคอยสอดส่องดูแลบุตรหลานในความดูแลของท่าน อย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการ ซึ่งหากเข้าสู่วังวนความชั่วเมื่อไหร่จุดจบคือ “ไม่ตายก็ติดคุก” ต้องหมดสิ้นอนาคต ดั่งเช่นกรณี “ความตาย” ของนายนูร์ฮาซันฯ ก่อนลงมือก่อเหตุแกนนำสั่งการรู้ทั้งรู้ว่า นายนูร์ฮาซันฯ “ต้องตาย” กลับเดินหน้าสั่งการให้ลงมือปฏิบัติตามแผนชั่วที่วางไว้ โดยไม่แยแสต่อชีวิตผู้อื่นเหมือน “กำหนด” ให้ไปตาย โดยที่แกนนำสั่งการเสวยสุขอยู่เมืองนอกอยู่อย่างสุขสบายใช้ชีวิตติดหรู...แล้วบรรดาสมาชิกที่เป็นมือเป็นเท้าละ!!..ได้อะไร?
----------------