หน้าเว็บ

3/02/2557

เปิดใจนักรบไซเบอร์โจรใต้ กับกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อ BRN

....ตนไทยปลายด้ามขวาน


เวทีสงครามและสันติภาพ ประชาชนปาตานี จะกำหนดชะตากรรมตนเอง ได้หรือไม่? อย่างไร

      สงครามความรู้สึก  ปฏิบัติการ IO” แนวรบที่ต้อง เท่าทันยิ่งเมื่อโลกได้แปรเปลี่ยนเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร การยึดติดอยู่กับสื่อกระแสหลักในปัจจุบันมักใช้ไม่ได้ผล การบิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นการเติมเชื้อน้ำมันบนกองไฟ เนื่องจากผู้บริโภคข่าวสารมีสื่อทางเลือกในการรับรู้ เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อชีวิตประจำวัน คนในสังคมจึงมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว กว้างขวางขึ้น และลงลึกในรายละเอียดทุกประเด็นส่งผลต่อความรู้สึก อาจจะชี้นำทางความคิด ดังนั้นฝ่ายต่อต้านรัฐจึงใช้ช่องทางนี้ในการปลุกระดม หาแนวร่วม เพื่อแสวงหาทางออกของปัญหาร่วมกัน ด้วยการถ่ายทอดความรู้สึก สร้างแรงจูงใจ โดยมีวัตถุประสงค์ในการ สร้างความรู้สึกร่วมโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ การปฏิบัติการข่าวสารหากกระทำได้ถูกต้องตรงประเด็นย่อมมีอำนาจไม่ต่างจากอาวุธ
      จากการเปิดเผยข้อมูลของแนวร่วมป่วนใต้ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติการข่าวสาร “IO(Information Operation) ของฝ่ายขบวนการ BRN ได้ถ่ายทอดข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งบุคคลผู้นี้ไม่ขอเปิดเผยชื่อเพื่อความปลอดภัย เขาเป็นหนึ่งในอีกหลายๆ คน ที่หลงผิดเข้าร่วมขบวนการ BRN เพราะถูกชักชวน มีการปลูกฝังอุดมการณ์ รวมทั้งการได้รับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่ผิดๆ มา
     มูลเหตุของการเข้าร่วมขบวนการ BRN สมัยเป็นนักเรียนได้ยินได้ฟังเรื่องราวข่าวสารซึ่งผู้เฒ่า ผู้แก่ เล่าให้ฟังถึง อาณาจักรฟาตอนี นานๆ เข้าได้ซึมซับความรู้จากคนแล้วคนเล่า ที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนถ่ายทอดเล่าขานความเป็นมาของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้ลูกหลานได้ฟัง ประเด็นสำคัญ อาณาจักรฟาตอนี เคยมีอยู่จริงในผืนแผ่นดินแห่งนี้หรือไม่? ก่อนที่จะโดนรัฐสยามรุกรานล่าอาณานิคม ได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจพร้อมทั้งแง่จงเกลียดจงชังคนซีแย และรัฐสยาม ในวันที่ว่างเว้นจากการเล่าเรียน จึงหาโอกาสศึกษาประวัติศาสตร์เพิ่มเติมพร้อมทั้งศึกษาโบราณสถานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนสมมุติฐาน อาณาจักรฟาตอนี มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น มัสยิดกรือเซะ วังยะหริ่ง และโบราณสถานอื่นๆ และเมื่อมีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อกรุงเทพมหานคร ได้ไปดูปืนใหญ่พญาตานีซึ่งเป็นมรดกของชาวปาตอนี หน้ากระทรวงกลาโหม ไปดูคลองแสนแสบที่มีการกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ในการเกณฑ์บรรพบุรุษชาวฟาตอนีขุดคลองดังกล่าว ตามคำบอกเล่าของคนแก่คนเฒ่า ประกอบกับปี พ.ศ.2547 ได้เกิดเหตุการณ์ตากใบขึ้น ปี พ.ศ.2549 จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการ BRN เพื่อต้องการต่อสู้ทวงความเป็นธรรม โดยส่วนตัว ตนเองมีความถนัดในงานด้านการเมือง (Politics) จึงทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปลุกระดมให้ประชาชนหรือแนวร่วมรู้สึกคล้อยตามกับขบวนการ BRN ที่กำลังขับเคี่ยวอยู่กับอำนาจรัฐ

          ส่วนตัวแล้วได้ยึดแนวความคิดตามตำราพิชัยสงครามของท่านซุนวู ที่กล่าวไว้ว่า รู้เขา รู้เรา ร้อยรบมิพ่าย ไม่รู้เขา รู้เรา ทุกรบจักพ่าย ส่วนเป้าหมายเบื้องบนที่ได้ให้แนวทางไว้กับผู้ร่วมขบวนการ รัฐฟาตอนีจะเป็นเอกราชได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนต้องการฉะนั้นขบวนการ BRN จึงจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีฝ่ายปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว.) รับผิดชอบในการบ่มเพาะ ปลูกฝังอุดมการณ์ ยุยง ปลุกปั่น ปลุกระดม ให้ประชาชนเกิดการต่อสู้ และต่อต้านอำนาจรัฐ โดยมีสมาชิกระดับ อาเยาะ เป็นผู้กำกับดูแลในระดับหมู่บ้าน ทำการโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นความพยายามโดยเจตนาที่จะเปลี่ยนความเชื่อ และการกระทำของบุคคลจำนวนมาก ให้เป็นไปในแนวทางที่ฝ่าย BRN ต้องการ ด้วยกลอุบาย และวิธีการต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของเหตุผลและข้อเท็จจริง โดยเป้าหมายจะเปลี่ยนความเชื่อและอุดมการณ์ของคนจำนวนมากให้หันเหไปนิยมเลื่อมใสในอุดมการณ์ของฝ่ายตน และแสดงออกต่อพฤติกรรมต่างๆ อันเป็นปฏิปักษ์กับแนวทางของฝ่ายตรงข้าม หลักการในการทำสื่อโฆษณาชวนเชื่อ มีการบอกข้อดี ความถูกต้องของขบวนการนักรบฟาตอนี นำเสนอข้อผิดพลาด ข้อเสียของเจ้าหน้าที่รัฐไทย เปลี่ยนข้อดีของรัฐให้เป็นข้อเสีย โดยการโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐไทย สุดท้ายเปลี่ยนข้อด้อยของขบวนการ BRN ให้เป็นข้อดี
สำนักสื่อ Wartani ที่มักนำเสนอข้อมูลข่าวสารเอนเอียงเป็นกระบอกเสียง BRN

  ขบวนการ BRN ได้ให้ความสำคัญของสื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการถ่ายทอดหรือบอกข่าวสารให้แก่ประชาชนได้รับทราบ ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นการสร้างความนิยม และภาพพจน์ที่ดีของขบวนการ โดยต้องการเป้าหมายสุดท้าย คือ ให้ประชาชนมลายู เลือกข้าง อยู่กับ BRN co-ordinate ให้ประชาชนมลายู หวาดระแวง เจ้าหน้าที่รัฐไทย ประชาชนมลายูในพื้นที่ สามารถใช้ชีวิตประจำวันอยู่ภายใต้สภาวการณ์ การต่อสู้ของสงครามประชาชน ดั่งเช่นในปัจจุบันนี้ได้สุดท้าย คือ การปฏิเสธ หลักการ 5 ไม่ ในการต่อต้านรัฐไทย คือ ไม่รับข่าวสารของสื่อรัฐไทย (No Information) ไม่อยู่ร่วมกันระหว่างไทยพุทธ-กับมลายูมุสลิม (No Assimilation) ไม่สมานฉันท์เด็ดขาด (No Compromise) ไม่ยอมรับเขตปกครองพิเศษ (No Autonomy) ไม่ยอมรับกฎหมายไทย (No Parliament)

       นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการข่าวสารในการโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการ BRN ที่ทำสงครามแย่งชิงมวลชนกับฝ่ายรัฐไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่มีมายาวนาน และจะมีต่อไปซึ่งมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ว่า แนวร่วมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการปลุกความเป็นชนชาติมลายูปาตานี จัดหาสมาชิก สร้างกระแสการถูกกดขี่ข่มแหงจากนักล่าอาณานิคมสยาม และการเผยแพร่แนวคิดรัฐเอกราชปาตานี เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจัดการฝึกอบรมด้านการผลิตสื่อในระดับสถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อช่วยทำหน้าที่ในการต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ


WWW.SURA-AMPERA.COM เว็บไซต์ ที่ใช้ในการปฏิบัติการ IO ของ BRN
               
ก่อนจะจบการสนทนา อดีตแนวร่วม BRN รับผิดชอบงาน “IOได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ขบวนการ BRN ได้ดำเนินการทุกรูปแบบในการโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่คำนึงถึงความผิดถูก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ RKK ที่ได้ดำเนินการก่อเหตุ รวมทั้งงานการเมืองที่มีการปลุกระดมแนวความคิด ปลูกฝังอุดมการณ์ บิดเบือนประวัติศาสตร์ สร้างความเกลียดชังความแตกแยกให้เกิดขึ้นระหว่างชาวไทยพุทธ-ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่  ามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งได้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานี้อย่างเหมาะเจาะ โดยกลุ่ม PerMAS และองค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหว โฆษณาชวนเชื่อ กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความตายของเด็กๆ และประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ จากปะลุกาแปเราะ ล่าสุดการเสียชีวิตที่บันนังกูแว กับการบิดเบือนข้อเท็จจริง ลวงโลกไม่สนใจใยดีเรื่องถูกผิด



***************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น