หน้าเว็บ

8/18/2557

ซุลกิฟลี คอซู แนวร่วมโจรใต้เปิดโปงขบวนการสั่งยิงประชาชนในมัสยิด

'แบมะ ฟาตอนี'

สถานการณ์ชายแดนใต้ในปัจจุบันนี้ได้แปรเปลี่ยนไป เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความกล้าที่จะเสี่ยง มีความกล้าที่จะลงทุนถึงแม้ว่าจะเข่นฆ่าพี่น้องร่วมศาสนาเดียวกันก็จำเป็นต้องทำ จุดประสงค์เพียงเพื่อโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ พร้อมๆ กับมีการโฆษณาชวนเชื่อ ปล่อยข่าวลือ เพื่อเป็นข่าวให้สื่อมวลชนนำเสนอเป็นที่สนใจของคนทั่วไป อย่างเช่นเหตุการณ์ลอบยิงประชาชนเสียชีวิตในมัสยิดในห้วงที่ผ่านมามีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง


การกระทำซ้ำๆ ซากๆ ตอกย้ำความรู้สึกครั้งแล้วครั้งเล่า หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีโอกาสจับกุมตัวผู้ที่ลงมือก่อเหตุได้สักทีหนึ่ง กลุ่มขบวนการแนวร่วมยังคงบิดเบือนข่าวสาร เดินหน้าท้าทายหน่วยงานภาครัฐว่าให้การสนับสนุนชายลึกลับลอบยิงชาวไทยมุสลิมไม่เว้นแม้กระทั่งในมัสยิด สถานที่ประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม

เมื่อความจริงปรากฏ
          จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ความงึมครึมสงสัยของใครหลายคนก็ถึงบางอ้อ และได้ทำลายกำแพง ความคิด ความเชื่อของคนบางกลุ่มที่โดนกลุ่มขบวนการครอบงำ ให้เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายตน เมื่อสมาชิกแนวร่วมโดนจับกุมตัว ความจริงก็ได้หลุดออกมาจากปากของนายซุลกิฟลี คอซู

          นายซุลกิฟลี คอซู เป็นสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงรุ่นใหม่ จากแหล่งข่าวได้เปิดเผยว่านายซุลกิฟลีฯ ได้ให้การยอมรับว่าตนเองได้เข้าร่วมกับกลุ่มขบวนการเมื่อปี พ.ศ.2551 ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนมูลนิธิชุมชนอิสลามศึกษาวิทยา ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

เข้าสู่ขั้นตอนการซูมเปาะ
          เมื่อมีการชักชวนให้เข้าสู่ขบวนการ และในเวลาต่อมาได้เข้าสู่พิธีสาบานตน หรือ ซูมเปาะ จากนายฮูมัยดี มูซอ ซึ่งเป็นครูประจำชั้นที่นายซุลกิฟลีฯ กำลังศึกษาอยู่ และนายฮูมัยดี มูซอ ได้เสียชีวิตเนื่องจากถูกลอบยิง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ตนเองได้ผ่านการฝึกทดสอบสมรรถภาพร่างกายขั้นวาตอน โดยมีนายมัครุสลาน สะอุ ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับรือกู เป็นครูฝึก และยังเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK ของตนเองด้วย ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ปฏิบัติการ ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

เข้าสู่ปฏิบัติการก่อเหตุ และแขวนป้ายผ้าป่วนเมือง
          เคยเข้าร่วมก่อเหตุรุนแรงมาแล้ว 3 ครั้งด้วยกัน รวมทั้งการปิดป้ายผ้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยตนเองมีหน้าที่ในการสำรวจเป้าหมายและดำเนินการติดป้ายผ้า บริเวณถนนสายเส้น 418 พื้นที่อำเภอหนองจิก เพื่อทำการต่อต้านเลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้คนปัจจุบัน คือ นายภาณุ อุทัยรัตน์
เตรียมการก่อเหตุยิงประชาชนในมัสยิดวันฮารีรายอโยนผิดให้เจ้าหน้าที่

          การเตรียมการก่อเหตุครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันฮารีรายอของพี่น้องมุสลิม นายซุลกิฟลี ได้รับคำสั่งจากนายมัครุสลานฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK ให้ไปทำการก่อเหตุลอบยิงประชาชนคนหนึ่งซึ่งมาละหมาดในมัสยิดบ้านค่าย ตำบลปุโล๊ะปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยได้รับการกำชับจากนายมัครุสลานฯ ว่าจะต้องลอบยิงให้เสียชีวิตในบริเวณมัสยิดเท่านั้นหลังจากมีการละหมาดเสร็จในช่วงเช้า หากตนเองดำเนินการเสร็จจะส่งเข้าทำการฝึกหลักสูตร RKK หรือไปปอเนาะให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่การปฏิบัติการล้มเหลวไม่สำเร็จตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ซึ่งตนเองไม่รู้จัก ได้ออกมานอกมัสยิดเสียก่อนจะได้ทำการลงมือก่อเหตุหลังจากมีการละหมาดเสร็จ

          สำหรับการเตรียมการก่อเหตุลอบยิงผู้บริสุทธิ์ภายในมัสยิดในวันฮารีรายอ เพื่อใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ นายมัครุสลานฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK ได้เป็นคนจัดหาอาวุธปืนพก และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ และให้ตนเองกับสมาชิก ผกร.ใหม่ เข้าไปละหมาดปะปนกับชาวบ้านคนอื่นๆ นี่คือคำสารภาพจากปากของแนวร่วมขบวนการโจรใต้เองที่ได้ออกมาแฉแผนชั่ว เดชะบุญที่การก่อเหตุไม่ประสบผลสำเร็จมิฉะนั้นการใส่ร้าย โยนความผิดให้เจ้าหน้าที่คงจะเกิดขึ้นและสมบูรณ์แบบ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการดีที่พี่น้องชาวปาตานีจะได้ล่วงรู้ความจริงของแผนการชั่วฆ่าพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองในมัสยิด เพราะที่ผ่านมาหลายต่อหลายเหตุการณ์เจ้าหน้าที่โดนใส่ร้ายมาตลอด วันนี้เมื่อมีการออกมาแฉความจริงแล้วจะได้รู้ฆาตรกรตัวจริงคือใคร? มิเช่นนั้นประชาชนก็ยังคงหลงเชื่อตามที่มีการปล่อยข่าวลือของกลุ่มขบวนการไม่มีวันสิ้นสุด
*****************************



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น