หน้าเว็บ

1/26/2558

แฉพฤติกรรมเครือข่ายโจรใต้ BRN

อิมรอน
ณ วันนี้ ดินแดนปาตานีเริ่มมีสัญญาณและทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อดูจากสถิติการเกิดเหตุเหตุเริ่มมีความเบาบางลงอย่างเห็นได้อย่างชัดเมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาที่ผ่านมา เนื่องจากพี่น้องชาวมลายูปาตานีในพื้นที่เริ่มมีเข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนี ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับขบวนการ และไม่ต้องการความรุนแรงได้หันมาสนับสนุนฝ่ายรัฐมากขึ้น เพราะหากยังนิ่งเฉยปล่อยให้เกิดเหตุดั่งเช่นที่ผ่านมา ผลกระทบโดยตรงยังคงเกิดขึ้นกับประชาชน เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ต้องบาดเจ็บล้มตายกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ


แต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่เกิดความเบื่อหน่ายต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ยืดเยื้อมายาวนานถึง 10 กว่าปี ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้กลุ่มขบวนการ ขาดเสถียรภาพทางการเมืองอย่างชัดเจน เพราะไม่มีมวลชนสนับสนุน เป็นตัวบ่งชี้ได้ชัดว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องจบลงด้วยการพูดคุยสันติสุขที่กำลังก่อตัวและนำไปสู่ความสงบอย่างแท้จริงในเร็ววัน

หากมองการมุ่งก่อเหตุของโจรใต้ฟาตอนีกลับพบว่าไม่มีความชัดเจนต่อแนวทางการต่อสู้ ไม่มีการประกาศตัวผู้ที่รับผิดชอบในการเคลื่อนไหว ที่สำคัญมีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาอิสลาม เพื่อมุ่งสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ไม่เคารพต่อกฎหมายบ้านเมืองแห่งรัฐบาลไทย เชื่อเหลือเกินว่ากลุ่มบวนการจะสูญสิ้นโดยพี่น้องชาวมลายูปาตานีด้วยกันเอง ที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ป่าเถื่อน โหดร้ายทารุณ เยี่ยงคนไร้ศาสนา

ประชาชนชาวไทยบนผืนแผ่นดินไทยทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ต่างปรารถนาความสงบสุขความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว การเรียกร้องสิทธิความเป็นเจ้าของ การถูกรุกรานจากรัฐไทยการถูกกดขี่ข่มแหงอย่างที่ขบวนการโจรใต้ฟาตอนีพยายามโฆษณาชวนเชื่อให้ชาวมลายูปาตานีเห็นคล้อยตามให้ร่วมกันปกป้องอัตลักษณ์ความเป็นชาติมลายูตลอดจนการปลูกฝังแนวความคิดความเชื่ออย่างผิดๆ มาวันนี้ความจริงเริ่มปรากฏให้พี่น้องมลายูปาตานีได้เห็นว่าโดนกลุ่มขบวนการหลอกลวงมาโดยตลอด

จากการที่โจรใต้ฟาตอนีเริ่มขาดมวลชนในการสนับสนุน ในทางกลับกันพี่น้องประชาชนกลับให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐมากขึ้นในการแจ้งเบาะแส ข่าวสารความเคลื่อนไหวของสมาชิกแนวร่วม ซึ่งนำไปสู่การติดตามจับกุมกลุ่มเป้าหมาย ทำการซักถามขยายผลบุกทลายแหล่งซ่องสุมกำลัง และที่ซุกซ่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมากในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลความสำเร็จของหน่วยงานภาครัฐในระดับหนึ่ง

แหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกในการติดตามจับกุมตัวสมาชิกแนวร่วม ผกร. เมื่อนำตัวมาซักถามขยายผลได้มีการสารภาพในการลงมือก่อเหตุในคดีสำคัญๆ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าโจรใต้ฟาตอนีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงในการก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่มีจิตสำนึกในการจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคม ผู้เขียนต้องการแฉให้พี่น้องประชาชนปาตานีได้รับรู้ถึงพฤติกรรมชั่วช้า เลวทรามของแนวร่วมเหล่านี้ได้รับรู้ทั่วกัน


  ท่านผู้อ่านคงยังจำเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะ ขับขี่เข้าไปจอดบริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลมะกรูด จังหวัดปัตตานี และใช้อาวุธสงครามยิงเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายในสำนักงานเทศบาล หลังจากการก่อเหตุคนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก และได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลาต่อมา จนเป็นเหตุให้มีราษฎรและเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2557 กันได้ ล่าสุดเมื่อ 20 มกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายสะอุดี  ขเดมัน นำมาเข้าสู่ขบวนการซักถามขยายผล ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุไปแล้วจำนวนหลายรายและมีบางส่วนศาลได้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมายไปบ้างแล้วนั้น

เมื่อ 22 มกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าควบคุมตัว นายมะรูมิง มะแอ ในพื้นที่ ตำบลคลองใหม่  อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการซักถาม ผลการซักถาม นายมะรูมิง มะแอ ให้การยอมรับว่าตนเองนั้นได้เคยผ่านการฝึกร่างกายเบื้องตน และเป็นสมาชิกระดับ RKK มีครูผู้ฝึกจำนวน 3 คนด้วยกัน และมีผู้เข้าร่วมฝึกทั้งหมดจำนวน 6 คน    

จากการขยายผลการซักถามนายรอยาลี เปาะแต ซึ่งถูกควบคุมตัว เมื่อ 13 มกราคม 2558 ในพื้นที่บ้านกายูมาตี หมู่ 8 ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส นายรอยาลีฯ ได้ยอมรับว่ามีส่วนร่วมก่อเหตุรุนแรง จำนวน 2 เหตุการณ์ด้วยกันกล่าวคือ


เหตุการณ์แรก เหตุลอบวางระเบิดรถยนต์หุ้มเกราะ (REVA) ชุดลาดตระเวนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ในพื้นที่ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555


เหตุการณ์ที่สองเหตุคนร้ายลอบโจมตีฐานปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สถานีตำรวจภูธรระแงะ ในพื้นที่ ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

นายรอยาลีฯ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนเองนั้นได้ผ่านการรับฟังประวัติศาสตร์ รัฐปัตตานี และได้ผ่านขั้นตอนสาบานตน (ซุมเปาะ) จากนายแอนดี มามะ(แบดี) โดยมีสมาชิกที่เข้าร่วมการสาบานตนพร้อมกับตนเอง จำนวน 7 คน

ต่อมา เมื่อ 23 มกราคม 2558 หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดนราธิวาส และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามขยายผล จากผลซักถามนายรอยาลี เปาะแต สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ จำนวน 6 คน ในพื้นที่ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ส่งดำเนินกรรมวิธีซักถาม และผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 6 คน ได้ให้การดังนี้

 นายอนุวาร์ กาเล็ง, นายรุสมาน สาเมาะ และ นายนิเซ็ง มะหะมะ ให้การยอมรับ ว่าถูกชักชวน และเคยรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี, ผ่านการสาบานตน (ซุมเปาะ) จากนายแอนดี มามะ(แบดี) โดยใช้บ้าน นายแวอาลิสฯ เป็นสถานที่ทำพิธี พร้อมพวกรวม 5 คน

นายรอซัก บูละ ยอมรับ ว่าถูกชักชวน และเคยรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี รวมถึงผ่านการสาบานตน (ซูมเปาะ) จากนายมะนาวี มาหะมะ

นายตอเล๊ะ มะ ยอมรับว่าถูกชักชวนจาก นายอัลเอนสาน นิกาจิ ซึ่งได้เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เมื่อ 6 มิถุนายน 2551 นายตูแวมะรอยี ต่วนสุหลง (เสียชีวิตจากการปะทะ เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2556) และนายแอนดี มามะ (แบดี) ให้เข้าร่วมกับกลุ่มก่อความไม่สงบ

นายนูซี กูตงกือเด็ง ให้การยอมรับว่าถูกชักชวนจาก นายรอซัก บูละ และเคยรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี รวมถึงทำพิธีสาบานตน ในพื้นที่บ้านกลูโฆ หมู่ 2 ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จากนายมามะ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ในครั้งนั้น มีผู้เข้าร่วมประมาณ 20 คน

วิธีการที่โจรใต้ฟาตอนีนำมาใช้ในการชักชวนเป้าหมายแล้วได้ผลคือ การบรรยายอ้างอิงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี หลักการญีฮาดของศาสนาอิสลาม เงื่อนไขความไม่เป็นธรรมในสังคมที่ถูกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเงื่อนไขความเป็นชาติพันธุ์มลายูในระบบเครือญาติ อาศัยสถาบันศาสนาอิสลาม แล้วอ้างเอาพระเจ้า หรือ องค์อัลเลาะห์มาเรียกร้องความเป็นพวกเดียวกันจากประชาชนในชุมชน และประชาชนทั่วไปที่นับถือศาสนาอิสลามด้วยกัน และสุดท้ายให้มีการกระทำพิธีสาบานตน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า การซุมเปาะเพื่อเป็นการบังคับสมาชิกแนวร่วมไม่ให้หักหลังขบวนการ

จากผลการซักถามที่ผู้เขียนได้นำมาแฉเป็นแค่บางส่วนที่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อกระบวนการขั้นตอนในการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ในความเป็นจริงยังมีข้อมูลเชิงลึกอีกมากที่สงวนไว้เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ จะเห็นได้ว่าการรับสารภาพของผู้ต้องสงสัยในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็นจากเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่โปร่งใสหน่วยงานภาครัฐได้เชิญญาติมิตรหรือผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนมาเป็นสักขีพยานในการรับสารภาพการมีส่วนร่วมในการก่อเหตุ

การที่ผู้เขียนแฉพฤติกรรมเครือข่ายโจรใต้ BRN ในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาตอกย้ำหรือซ้ำเติมถึงความชั่วร้ายของบุคคลเหล่านี้ เพียงแต่เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันได้เห็นถึงวิธีการที่แกนนำโจรใต้ฟาตอนีได้ใช้อยู่ แต่อีกไม่นานวิธีการเหล่านี้จะถึงคราวจุดจบเนื่องจากประชาชนปาตานีได้รู้เท่าทันถึงเล่ห์เหลี่ยมในการหลอกใช้สมาชิกแนวร่วมให้ทำการก่อเหตุ และเมื่อนั้นขบวนการถูกโดดเดี่ยวขาดมวลชนสนับสนุน แสงสว่างแห่งสันติภาพ..สันติสุขโดยน้ำมือของประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมจะบังเกิด ณ ดินแดนปลายด้ามขวานทองแห่งนี้อย่างแน่นอน...
---------------------
         




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น