หน้าเว็บ

12/11/2558

หยุดบิดเบือนข้อมูลกรณี การเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ





                                                                          จาก ..ผู้ที่เคยสูญเสียมาก่อน


จากเหตุการณ์การเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ซึ่งตอนนี้ เขาก็ได้กลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ. อย่างมีความสุขแล้ว ก็เหลือแต่พวกเรา คนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งที่เป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต ญาติ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็มีความเสียใจไม่แพ้กัน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ขอให้อย่านำข้อมูลต่างๆที่ไม่ใช่ความจริง หรือได้ยินมาจาก เขาเล่าว่าหรือ อย่ามาหาผลประโยชน์จากคนตายเลย วันนี้ก็ได้ไปอ่าน จากหลายๆสื่อ ก็มีทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็มีบางสื่อที่นำเอาความจริงมาเสนอและมีเหตุผลประกอบ จึงอยากที่จะนำมาทบทวน เสนอ ให้แง่คิดกับผู้อ่านทุกท่านจะได้เข้าใจใน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ เพราะว่าผมก็ไม่ได้อะไรจากการเขียนในครั้งนี้ แค่อยากให้ผู้อ่านได้รับทราบ ข้อมูลที่ถูกต้อง ที่มาจากแหล่งที่สามารถเชื่อถือได้ และในขณะที่เรียบเรียงข้อมูลก็ไม่ได้ มีอารมณ์โกรธแค้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ เสียคนที่ผมรักมากไป กับเหตุการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่แห่งนี้ และไม่เคยเรียกร้องที่จะขอความเป็นธรรมจากใครเลย ไม่เคยโทษ กับการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่ทำให้สิ่งที่ผมรักมากที่สุด ต้องมาเสียชีวิตลงอย่างโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา แค่เพียงอยากให้เกิดความสงบสุข ในพื้นที่ แห่งนี้ และชาวบ้านอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นคำพูดของ คนที่ผมรักมากที่สุดพูดไว้ก่อนที่ท่านจะจากเราไป อย่างไม่มีวันกลับ จากเหตุการณ์นี้ ผมได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง จึงได้ทราบว่า



สาเหตุของการจับกุมนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ

นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ หรือ เปาะซู  ได้ถูกจับกุม เมื่อ 11 พ.ย.58 เนื่องจากถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ จำนวน 3 คน ได้ทำการซัดทอด ว่านายอับดุลลายิบ ฯ มีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่รัฐจึงได้เชิญตัวมาดำเนินกรรมวิธีซักถาม โดยผลการซักถามขั้นต้น ได้ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง เคยผ่านการ ซูมเปาะ มาแล้ว และก่อนที่จะเสียชีวิต ก็อยู่ในระหว่างการซักถามเพิ่มเติม ณ หน่วยข่าวกรอง ทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในห้วงที่ถูกควบคุมตัว ก็มีภรรยา และ ญาติ ๆ มาเยี่ยมอยู่โดยตลอด ไม่มีทีท่าว่ามีความเครียด หรือถูกกดดัน จากเจ้าหน้าที่ซักถาม ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งต่อมาก็ได้เสียชีวิต ดังกล่าว การเสียชีวิตในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย คือ พง.สอบสวน พง.อัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์ โดยมี ภรรยา ญาติ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี และกลุ่ม NGOs ร่วมสังเกตการณ์

ผลการชันสูตรในวันแรก

ผลการชันสูตรเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย และไม่พบบาดแผลใดๆ จึงไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ จึงต้องส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.มอ. โดยการตรวจจะเป็นการตรวจอัณฑะ แขน ยาพิษ น้ำลาย น้ำในตา ภาพรวมการชันสูตรศพเบื้องต้น เป็นการชันสูตรแค่ภายนอกร่างกายและเอกซเรย์ ซึ่งผลออกมาว่าไม่มีการบวม กระดูกไม่ได้หัก ส่วนที่พบ รอยเลือดเป็นจุด ๆ ตามร่างกาย รวมทั้งรอยเลือดถุงพลาสติก แพทย์ก็ได้แค่ตั้งข้อสันนิษฐานการตายว่า อาจเกิดจากการถูกสารพิษ หรือการทำให้ขาดอากาศหายใจ รวมถึงการถูกซ้อมที่มีผลข้างเคียงด้วย

ผลการชันสูตรเบื้องต้นของทีมแพทย์ รพ.มอ.

ด้วยเหตุการณ์นี้ความสำคัญของเรื่องคือญาติของผู้ตายไม่ให้ผ่าพิสูจน์ เนื่องจากผิดหลักศาสนาทางคณะแพทย์จึงได้อ้างอิงจากการเสียชีวิตของบุคคลทั่วไปคือแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายทั่วไป มีผลดังนี้
1.การตรวจดวงตา ถ้ามีการคลั่งของเลือด จะบอกได้ว่า ผู้ตายมีโรคหัวใจ หรือหัวใจวาย ซึ่งก็สามารถเป็นไปได้ การตรวจ รูม่านตา ถ้ามีการขยายของรูม่านตาเล็กกว่า 3 มม. จะบ่งบอกว่าได้รับสารพิษ แต่ของนาย อับดุลลายิ ดอเลาะ มีขนาด 5 มม. ซึ่งถือว่าปกติ ไม่ได้รับสารพิษใด ๆ
2.แพทย์ได้ตั้งคำถามว่ามีการอุดปากเพื่อทำให้ขาดอากาศหายใจ หรือไม่ ผลการตรวจก็ไม่มีปรากฏบาดแผลใดๆ เนื่องจากถ้าโดนกระทำในลักษณะนี้ จะเกิดการต่อสู้ จะทำให้เกิดบาดแผลขึ้นตามร่างกาย และบริเวณริมฝีปาก
3.การตรวจบริเวณรอบลำคอ เพื่อดูว่ามีการรัดคอหรือไม่ ผลการตรวจไม่มีปรากฏร่องรอย
4.บริเวณทรวงอก ถ้าไม่มองให้ชัดเจน จะไม่เห็น แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดพบรอยเป็นคราบสีแดง ซึ่งแพทย์ได้นำไปตรวจ DNA เพิ่มเติมต่อไป
5.ตรวจบริเวณลำคอ โดยใช้ทฤษฎีทางการแพทย์คือ กดจาง กดไม่จาง คือถ้ากดแล้วจาง จะไม่ใช่รอยช้ำ สรุปผลการตรวจคือกดแล้วจางจึง ไม่พบว่ามีรอยช้ำ
6.การตรวจร่างกายซีกซ้าย โดยทั่วไปปกติไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลจากการต่อสู้ แต่อย่างใดส่วนของนิ้วมือซ้าย ตรงซอกเล็บนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง พบคราบแดง ๆ ด้านในสุด ซึ่งแพทย์พยายามเช็ดแล้วแต่ไม่ออก น่าจะเป็นรอยสีจากการทำอาชีพ ในส่วนของอวัยวะท่อนล่างขาซ้าย ข้อเท้า ส้นเท้า ไม่พบร่องรอยใด ๆ สำหรับในส่วนของคราบเลือดที่ตรวจพบบริเวณใต้หัวไหล่ด้านซ้ายมีลักษณะเป็นจุดเลือดเล็กๆ และบริเวณใต้ข้อพับแขนด้านซ้ายตรวจพบเป็นคราบเลือด และ กรณีการตรวจพบคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ถุงพลาสติก แพทย์ได้เก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจพิสูจน์ต่อไป 
7.การตรวจร่างกายซีกขวา ผลการตรวจปกติแต่จะพบคราบเลือดเล็กน้อย แพทย์ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจ DNA ต่อไป พบรอยผิวหนังถลอกประมาณ 1 ซม. ที่บริเวณข้อศอกขวา คาดว่าน่าจะเกิดตอนเคลื่อนย้ายศพของ จนท.รพ.เตรียมนำส่งมายัง รพ.ม.อ. ส่วนของนิ้วมือขวาจมูกเล็บด้านข้าง มีรอยแดง ๆ อยู่นอกเล็บ เช็ดถูไม่ออกซึ่งไม่ใช่คราบเลือด น่าจะเกิดจากการประกอบอาชีพเช่นเดียวกับมือข้างซ้าย ที่สำคัญได้ตรวจ บริเวณชายโครงขวาพบรอยแผลเป็น ซึ่งจากการที่แพทย์ได้สอบถามญาติ และญาติให้ข้อมูลว่าเคยมี ประวัติการรักษาโรคของแพทย์ด้วยการเจาะปอด แต่ขั้นนี้แพทย์ผู้ชันสูตรไม่ได้ซักประวัติการรักษา จึงสรุปโดยรวมว่าร่างกายปกติ  
8.จากการตรวจเฉพาะที่บริเวณศีรษะ ไม่ปรากฏร่องรอยฟกช้ำ, การทำร้ายร่างกาย หรือการกระทบกับของแข็งใด ๆ เช่นกัน จึงมีสภาพปกติ
9.รอยปลื้นแดงด้านหลังที่ปรากฏ เป็นการตกสู่เบื้องต่ำของเลือดเป็นปกติทั่วไป
10.การตรวจบริเวณอวัยวะเพศ ตามที่ญาติได้ค้างคาใจและสอบถามแพทย์ ประเด็นคือ พบรอยคราบสีขาว ซึ่งจากการตรวจของแพทย์ พบว่าอวัยวะเพศ มีการฝังมุก 1 เม็ด สำหรับคราบขาว ๆ ที่พบ เป็นคราบอสุจิ ซึ่งเป็นสภาวะปกติของผู้ชายที่จะหลั่งอสุจิออกมา ส่วนอื่นๆ ไม่พบเจอร่องรอยการ ทำร้าย ถุงอัณฑะปกติ รูทวารหนักไม่มีบาดแผล ไม่มีเลือดออก
11.ผลการเอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ปรากฏร่องรอยการแตกหักของกระดูกแต่อย่างใด แต่แขนซ้ายมีร่องรอยเหมือนมีโลหะฝังใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้เสียชีวิตเคยประสบอุบัติเหตุ ทั้งนี้แพทย์ผู้ชันสูตรจะทำการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญทางด้านรังสีเทคนิคเพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป 

12.ข้อสังเกตของญาติผู้เสียชีวิตที่พบเห็นสภาพศพมีลักษณะการเสียชีวิต คือมือขวาตั้งชู แพทย์คาดว่าอาจเสียชีวิต ในท่านอนตะแคงก็เป็นได้ จะต้องเทียบภาพถ่ายในที่เกิดเหตุของ จนท.ตร. ให้ชัดเจนอีกครั้ง
       13. ผลการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) จะทราบผลประมาณ 1 เดือน และการตรวจหาสารพิษในร่างกายเสร็จประมาณ  1 สัปดาห์

ฝากไว้ให้คิด

          จากข้อมูลที่ผมได้สรุปมาจากสื่อต่าง ๆ สิ่งที่เราจะสังเกตได้ว่า การกระทำทุกอย่างของเจ้าหน้าที่รัฐ ได้กระทำเป็นขั้นเป็นตอน และยังมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับจังหวัดขึ้นมาหนึ่งคณะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ แสดงถึงความจริงใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และมีความตั้งใจที่อยากจะเห็น พี่น้อง จชต. สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งจะนำมาซึ่งความสันติสุขได้อย่างยั่งยืน และอยากจะฝากผู้อ่านทุกท่านว่าในกรณีที่มีพวกสื่อต่างๆ หรือภาคประชาสังคมต่าง ๆ ที่ออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรม หรือเอาคนตายมาหากิน มาทำข่าว ให้ข่าวสารที่ผิดๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ มาประกาศ  มาออกสื่อ  ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจที่ผิด  ๆ ปลุกกระแสความเข้าใจผิด เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ ผมอยากจะขอให้หยุดเถอะครับ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิตในพื้นที่นี้ นึกถึงใจเขาใจเรา บรรดาญาติพี่น้องของเขา ยังไม่เคยที่จะมาเรียกร้องอะไรเลย และในทางกลับกันผมก็ไม่เห็นพวกองค์กร หรือ สื่อต่างๆ ออกมาเรียกร้องให้กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องมาสังเวยชีวิตให้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ นี้เลย ขอเถอะครับมาร่วมมือกัน เสนอข้อมูลที่เป็นความจริง เอาความจริงมาคุยกันปราศจากการบิดเบือน และมาร่วมกันแก้ปัญหา โดยสันติวิธีกัน เถอะครับ
---------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น