หน้าเว็บ

3/16/2559

เหตุผลการตั้งฐานปฏิบัติการใกล้โรงพยาบาล วัด และโรงเรียนของเจ้าหน้าที่รัฐ

แบมะ ฟาตอนี

จากข่าวสารเว็บไซต์ออนไลน์ ของสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. นำเสนอข่าว ดร.ตายูดิน อุสมาน ประธานหลักสูตรสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเหตุคนร้ายใช้โรงพยาบาลเจาะไอร้องเป็นฐานที่มั่นเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารที่ตั้งฐานปฏิบัติการติดโรงพยาบาล แนะ รัฐ สร้างฐานปฏิบัติการไกลสถานที่เป้าหมายอ่อนแอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน วัด อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ www.innnews.co.th

ผู้เขียนเห็นว่า ดร.ตายูดิน อุสมาน ควรแนะกลุ่ม ผกร. เลิกใช้มัสยิด สถาบันปอเนาะในการซ่องสุมกำลังทำร้ายประชาชน แทนการแนะรัฐสร้างฐานปฏิบัติการไกลสถานที่เป้าหมายอ่อนแอดีกว่ามั๊ย!! หรือจะให้ยกตัวอย่างประเด็นปอเนาะญิฮาดรื้อฟื้นความจำถึงผลกระทบที่ตามมา และเป็นปัญหาคาราคาซังมาจนถึงปัจจุบันนี้

เนื้อหาใจความหลัก ดร.ตายูดิน อุสมาน ได้กล่าวถึงเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดว่า มาจากการแสดงสัญลักษณ์เนื่องในวันครบรอบการสถาปนาของกลุ่ม BRN กลุ่มผู้ก่อเกตุมีจุดมุ่งหมายที่จะโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนใหญ่ เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการสร้างฐานทหารให้อยู่ห่างไกลจากสถานที่เป้าหมายอ่อนแอ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน วัด ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ

การแสดงออกของนักวิชาการย่อมมีสิทธิที่พึงกระทำได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเคารพอาจารย์ท่านดังกล่าวได้มองปัญหารอบด้านหรือยัง การแสดงความคิดของท่านกึ่งเรียกร้องและชี้นำต่อรัฐ ทั้งๆ ที่แก่นแท้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นสิบกว่าปีมาจากฝ่ายไหน

ผู้เขียนจะยกตัวอย่างความรุนแรงที่กลุ่มขบวนการโจรใต้ได้กระทำต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำลายสถานที่พยาบาล เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 8 ส.ค.50 เวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่มขบวนการโจรใต้ได้บุกยิงเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยประจัน บ้านบราโอ ตำบลประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ระหว่างที่เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนสถานีอนามัย ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 2 ราย ได้แก่ นายเบญจพัฒน์ แซ่ติ่น ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขระดับ 5 และ นางอัจฉรา สกนธวุฒิ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารสาธารณสุขระดับ 7 ซึ่งเป็นหัวหน้าสถานีอนามัยแห่งนี้ หลังจากนั้น ก่อนหลบหนีกลุ่มขบวนการโจรใต้ยังได้ทำการเผาสถานีอนามัยได้รับความเสียหายอีกด้วย

ที่ยกตัวอย่างไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่กลุ่มขบวนการได้กระทำ สถานีอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข ถูกเผา วางเพลิง ระเบิด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขถูกทำร้ายบาดเจ็บ และเสียชีวิต นอกจากนี้ มีอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.ซึ่งเป็นกำลังภาคประชาชนที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับชุมชน ยังมิวายถูกทำร้าย

ทุกครั้งที่กลุ่มขบวนการกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐ กลับกลายเป็นว่าเป็นความผิดของรัฐแทบทุกครั้งในสายตาของนักวิชาการเหล่านี้ การตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในที่ชุมชน โรงพยาบาล โรงเรียน และวัด เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และมีเหตุผลเพียงพอเนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู บุคลากรทางการศึกษา พระภิกษุสงฆ์โดนคุกคามทำร้ายมานักต่อนักแล้ว

หากรัฐทำตามคำเรียกร้องของนักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวบางกลุ่มก็เท่ากับว่าเข้าทางโจร ให้ทำการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ตามอำเภอใจ โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยพุทธ หรือไม่เว้นแม้พี่น้องชาวไทยมุสลิมยังถูกระทำ

ในทางกลับกันหากย้อนไปดูพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการ BRN ที่ใช้โรงเรียนปอเนาะ มัสยิดในการฝึกคอมมานโด ซ่องสุมกำลัง ผลิตระเบิด และใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัว เคยออกมาเรียกร้องมั๊ย!! เท่ากับว่ากลุ่มขบวนการใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นโล่มนุษย์ อีกทั้งนักวิชาการ นักศาสนาต่างดาหน้าออกมาปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐเหยียบย่ำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สถานที่ประกอบศาสนกิจ และไม่ให้เกียรติและเคารพต่อศาสนาอิสลาม

การแสดงความคิดเห็นของ ดร.ตายูดิน อุสมาน ประธานหลักสูตรสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง มีวิสัยทัศน์และมุมมองที่แคบเท่านี้เองหรอ เสียดายเงินภาษีของประชาชน และงบประมาณในการจ้างอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ แต่ความคิดความอ่านอ่อนหัดเหมือนเด็กมัธยม ใครคิดจะส่งบุตรหลานไปร่ำเรียนหนังสือกับด๊อกเตอร์ท่านนี้ควรที่จะคิดทบทวนเสียใหม่ มิเช่นนั้นเรียนจบออกมาจะไม่มีความรู้ติดตัวมาเลย..เสียเวลาเปล่า

------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น