หน้าเว็บ

8/09/2559

ขบถประชามติชายแดนใต้


เกิดอะไรขึ้นที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้?...นี่คือคำถามแรกๆ ที่มีการถามกันอย่างเซ็งแซ่ ภายหลังนับคะแนนเสียงประชามติไปได้ไม่นาน ซึ่งก็พอทราบผลอย่างไม่เป็นทางการจากหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ปรากฏว่ามีคะแนนเสียง ไม่รับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงแบบต้องจับตาใกล้ชิด

ทั้งนี้คะแนนไม่รับหรือ โหวตโนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลาและ นราธิวาส ปรากฏว่าได้มาอย่าง ถล่มทลายกล่าวคือ มากกว่าคะแนนเสียงที่รับแบบ ครึ่งต่อครึ่ง

ทั้งที่ก่อนการลงประชามติครั้งนี้ไม่มีวี่แววจะเกิดปรากฏการณ์แสดงออกซึ่ง ขบถด้วยผลประชามติแบบนี้มาก่อน โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กับ ศอ.บต. รวมถึง ศชต. และฝ่ายปกครอง ต่างต้อง สำเหนียกถึงความผิดปกติในพื้นที่เยี่ยงนี้

โดยเฉพาะก่อนหน้าที่จะถึงวันลงประชามติ ประมาณ 1 สัปดาห์ หน่วยงานในพื้นที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ หน่วยข่าวยังยืนยันด้วยความเชื่อมั่นว่า การลงประชามติ ครั้งนี้ ผ่านตลอดและแม้แต่ในวันที่มีการรณรงค์ครั้งสุดท้ายของ กกต.ที่โรงแรม ซีเอส ปัตตานี ที่มี สมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน 5 เสือจาก กกต.มานั่งสั่งการเอง วันนั้นก็ยังเชื่อว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสียงที่ออกมาจะไม่ พลิกผัน

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เสียงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใน 3 จังหวัดเป็นเสียงที่ท่วมท้น ทั้งที่พื้นที่ 3 จังหวัดนี้ไม่ใช่ พื้นที่เสื้อแดงอย่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือและภาคเหนือ

และหากนับเอาที่นั่งของ ส.ส.มาเปรียบเทียบก็จะพบว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และที่สำคัญ ลุงกำนันก็มี แฟนคลับในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้ ซึ่งที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วยก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย

ถ้าติดตามความเคลื่อนไหวของ ผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตั้งแต่มีการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ จะเห็นว่าคนในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวต่าง ข้องใจในประเด็นของเรื่อง ศาสนาและเรื่อง การศึกษาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะใน กลุ่มผู้นำศาสนาและใน กลุ่มเจ้าของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามตลอดจนถึง ปอเนาะได้หยิบเอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นของพูดคุย และนำเข้าสู่ สภาซูรอเพื่อถกถึงประเด็นดังกล่าว และรวมถึงการ คุตบะห์ในวันศุกร์ก็มีการหยิบประเด็นดังกล่าวเป็นหัวข้อของการสนทนา เพียงแต่หน่วยงานของรัฐ ไม่ได้สำเหนียกถึงความเข้าใจและความรู้สึกของผู้คนในพื้นที่เท่านั้น

ประเด็นอ่อนไหวอีกประเด็นหนึ่งคือ ผู้ที่ข้องใจในเรื่องดังกล่าวไม่เคยได้เห็น ตัวจริงของร่างรัฐธรรมนูญว่า เขียนกันอย่างไร มีเนื้อหาและสาระแบบไหน มีแต่การออกมากล่าวถึง สิ่งดีงามของรัฐธรรมนูญเพื่อ โน้มน้าวให้มีการรับร่างและรับคำถามพ่วงเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อมี ผู้สั่งการให้ บิดเบือนข้อความในร่างรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการง่ายที่จะให้คนที่ รับสารที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ทั้งในประเด็นของศาสนา และในประเด็นของการศึกษา ซึ่งถูก บิดเบือนว่ารัฐธรรมนูญจะส่งเสริมและปกป้องเฉพาะศาสนาพุทธ และจะตัดสิทธิ์การศึกษาจาก 15 ปีเหลือเพียง 12 ปี

บังเอิญว่าผู้ที่มี ต้นทุนทางสังคมที่สูงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ผู้นำศาสนา รวมถึงเจ้าของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและปอเนาะ และทั้ง 2 ประเด็นที่ถูกนำมาเป็น เงื่อนไขของการไม่รับ ล้วนมี ความสำคัญสำหรับคนในพื้นที่ เพราะทั้งเรื่องศาสนาและการศึกษาคือ หัวใจของทุกผู้คน

และคงเป็นเหตุบังเอิญเหมือนกันที่ ครู ก.” “ครู ข.และ ครู ค.ที่เป็นผลผลิตของ มหาดไทยเป็นครูที่ ไม่มีทั้ง ตำราและ ไม้เรียวอยู่ในมือ จึงไม่สามารถที่จะสร้างความเข้าใจให้กับผู้คนที่คิดและเชื่อโดยใช้ ความรู้สึกเป็นองค์ประกอบ

ส่วนประเด็นที่ไม่รับเพราะ ไม่ชอบใจทหารเป็นเพียงประเด็นเสริม ที่ถูกหยิบยกมาเพื่อการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่านั้น
แต่การที่ผู้คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ออกมาโหวตโนอย่างถล่มทลาย จนทำให้หลายหน่วยงาน ขายหน้าไปตามๆ กันในในครั้งนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามีคนอีก 2 ส่วนที่อยู่ เบื้องหลังในการวางเกมและการเดินหมากเพื่อการ เข้าฮอส

นั่นคือ นักการเมืองในพื้นที่ บางส่วนที่ยัง มีพลังในการสั่งและชี้นำคนในพื้นที่ให้ทำตามในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งมี ใบสั่งจากผู้ที่มีบารมีทางการเมือง

และที่ขาดไม่ได้ ซึ่งแสดงบทบาทของ ผู้ร้ายในการก่อกวนก่อเหตุร้ายเพื่อสร้างความหวาดกลัว และเพื่อดิสเครดิต รัฐบาลและ กองทัพนั่นก็คือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นที่รู้จัก ฉกฉวยโอกาสหาคะแนนทั้งใน ทางการเมืองและ การทหาร
คอลัมน์นี้เคยเขียนมาหลายครั้งแล้วว่า สิ่งที่ ทางการมองเห็นว่า 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ดีขึ้น องค์กรภาคประชาชนหลายๆ องค์กรมีความสงบเสงี่ยมนั้น นั่นเป็นเพียง ผิวพื้นเพราะผู้นำองค์กรต่างๆ เขาสงบเพื่อที่จะ รอโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการทำ เพื่อเป็นการ สั่งสอนหรือให้ บทเรียนกับใครต่อใคร

เช่นเดียวกับเรื่องของการลงประชามติในครั้งนี้ เมื่อวัน ว. เวลา น. ของเขามาถึง เขาก็ไม่รีรอในการแสดงออก ซึ่งเป็นการ ส่งสารไปสู่ ผู้มีอำนาจให้ได้สำเหนียกว่า พวกเขาคิดอย่างไร

เพราะหน่วยงานของรัฐเชื่อมั่นใน พลังอำนาจของตนเอง และเพราะ ไม่สำเหนียกถึงความผิดปกติ ดังนั้นกลุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการ คว่ำร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงใช้เวลา 3 วันสุดท้ายก่อนถึงวันทำประชามติ วางแผนในการก่อความไม่สงบ และการสร้างความเข้าใจผิดต่อผู้คน เพื่อให้ไปโหวตโนอย่างได้ผล

ผลสะเทือนที่ติดตามมาในครั้งนี้ โดยเฉพาะในเกมของบีอาร์เอ็นที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐเห็นว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือ ขบวนการและนักการเมืองที่ถูก หมายหัวให้เป็น แกนนำของบีอาร์เอ็น โดยบีอาร์เอ็นยังสามารถ ชี้นำมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

หากผู้มีอำนาจและหน่วยงานด้านความมั่นคงคิดอย่างนี้ เข้าใจไปได้อย่างนี้ ก็เท่ากับเป็นการ เพิ่มปุ๋ยเพื่อสร้างความ เติบโตให้กับบีอาร์เอ็น อีกทั้งอาจจะเป็นการ ผลักคนในพื้นที่อีกส่วนหนึ่งให้กลายเป็นมวลชนของบีอาร์เอ็นมากขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงานของรัฐต้องทำหลังการลงประชามติคือ การประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน เพื่อใช้เป็น บทเรียนในการแก้ปัญหา เพราะ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ที่เหมือนกับสิ่งที่ สั่งได้อาจจะส่งผลกับการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอนาคต


โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น