หน้าเว็บ

4/13/2560

BRN ดิ้นต่อลมหายใจ ยิ่งดิ้น ยิ่งรัดคอ

"Ruslan"
 

          โถ้ๆๆ นานๆ จะเปิดไอ้โม่งสักทีกับการออกมาแถลงการณ์ของกลุ่มขบวนการ BRN ท่ามกลางเหตุรุนแรงเสียงระเบิดควันปืนที่เกิดขึ้นหลายครั้งที่ผ่านมา เป็นก่อเหตุโจมตีเพื่อแสดงความมีตัวตนของกลุ่มขบวนการว่า “นักรบฟาตอนี” ยังคงมีอยู่อย่างกว้างขวาง ให้เห็นว่าเป็นการก่อเหตุป่วนใต้โดยกลุ่มขบวนการ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา หวังการตั้งเงื่อนไขให้ทางการไทยยอมรับ เพื่อเข้าร่วมในการพูดคุยเพื่อสันติสุข หลังจากการแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมานี้

          การแถลงการณ์ในครั้งนี้ กลุ่ม BRN เลือกที่จะสื่อสารผ่านสื่อต่างประเทศเป็นหลัก 
โดยรายงานข่าวปรากฏออกมาก่อนใน
AFP, Asia Times และอับดุลการิมได้ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทย หัวใจสำคัญของแถลงการณ์อยู่ที่ข้อเสนอ 3 ข้อดังนี้
         1. การพูดคุยต้องเกิดจากความต้องการของทั้งสองฝ่ายซึ่งสมัครใจที่จะหาทางออกร่วมกันและจะต้องมีบุคคลที่สาม (ประชาคมนานาชาติ) เป็นผู้สังเกตการณ์
         2. ผู้ไกล่เกลี่ยต้องมีความน่าเชื่อถือและมีคุณสมบัติที่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติ
ของนานาชาติ เช่น ต้องมีความเป็นกลาง ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ผู้ไกล่เกลี่ยจะต้องดำเนินการพูดคุยตามกระบวนการที่คู่เจรจาทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน
         3. กระบวนการเจรจานั้นต้องได้รับการออกแบบและได้รับความเห็นชอบจากคู่เจรจาทั้งสองฝ่ายก่อนเริ่มต้น

BRN ยอมรับเหตุการณ์ความไม่สงบหลายครั้งที่คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เป็นฝีมือของกลุ่ม BRN


          นายอับดุล การิม ยืนยันว่า เขาคือ "สมาชิก" ของ "แผนกข่าวสาร" ของ BRN
เขายอมรับว่าเหตุการณ์ความไม่สงบหลายครั้ง ที่คร่าชีวิตทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นฝีมือของกลุ่ม BRN  รวมทั้งเหตุยิงถล่มจุดตรวจร่วม
3 ฝ่าย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชุมชนกลางตลาดกรงปินัง
ม.
7 บนถนนเส้นทางสาย 410 สายยะลา - เบตง ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จนเป็นเหตุให้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 10 นาย เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาก็เป็นฝีมือของกลุ่ม BRN เช่นเดียวกัน

          รวมๆ การแถลงการณ์ของ BRN ในครั้งนี้ต้องการเรียกร้อง ให้รัฐบาลไทยแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยการพูดคุย เพื่อการเปลี่ยนตัวทีมคณะพูดคุยและเปลี่ยนประเทศอำนวยความสะดวก (ผู้ไกล่เกลี่ย มาเลเซีย) เนื่องจากประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย มีผลประโยชน์ร่วมกันว่า การแถลงการณ์ในครั้งนี้ทำให้มองเห็นถึงความสัมพันธ์และความรู้สึกของกลุ่ม BRN ที่มีต่อมาเลเซีย“ทั้งรักทั้งกลัว” มาเลเซีย ทั้งที่รู้กันดีว่าผู้นำและสมาชิกของ BRN หลายคน ที่เป็นอีแอบอาศัยอยู่บ้านคนอื่นซุกหัวนอน  (ขณะตายก็ยังตายที่บ้านคนอื่น) การไม่ยอมบางเรื่อง  อาจทำให้ถูกจับกุมส่งกลับประเทศไทยได้  ทำให้มาเลเซียมีอำนาจบีบบังคับ กลุ่ม BRN ให้จำยอมบางสถานการณ์ อีกทั้งยังร้องขอให้ประชาคมนานาชาติเข้ามามีส่วนร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์และการปฏิบัติตามหลักสากล  ซึ่งหากเป็นไปได้ก็จะทำให้บีอาร์เอ็นมีอิสระในการต่อรองกับทางการไทยมากขึ้น


ท่าทีของ BRN โดยการสร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนที่ผ่านมา



          การก่อเหตุรุนแรงที่ผ่านมาทำต่อ ชาวบ้าน ครูและเจ้าหน้าที่รัฐ ชาวบ้านเขารู้กันทั่วไปว่าเป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการ แล้วโยนความผิดมาให้เจ้าหน้าที่รัฐ ชาวบ้านส่วนใหญ่เขาไม่เชื่อและรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อกลุ่มขบวนการ BRN ได้ก่อเหตุไว้ วันเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ชาวบ้านเขาเริ่มเบื่อหน่ายความรุนแรง หันมาให้ความร่วมมือกับฝ่ายรัฐ เพราะเห็นผลงานที่มี ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังด้วยความยุติธรรม การพัฒนาเศรษฐกิจให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ได้เห็นความจริงใจของเจ้าหน้าที่ในการพูดคุยสันติสุข และโครงการดีๆ อย่างโครงการพาคนกลับบ้าน ด้วยเหตุนี้ BRN จึงต้องดิ้นๆ เพื่อต่อลมหายใจ แต่ยิ่งดิ้น ยิ่งเหมือนรัดตัวแน่นขึ้น เพราะการแถลงการณ์นี้ มันตอกย้ำว่า BRN เป็นผู้ก่อความรุนแรงทุกครั้งที่ผ่านมาจริงๆ


รัฐบาลไทย เมินเงื่อนไขข้อเรียกร้องของ กลุ่ม BRN  



          เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ประกาศพร้อมเข้าร่วมพูดคุยสันติสุขและตั้งเงื่อนไขต่างๆ ว่า ขออย่าขยายความการเผยแพร่ข่าวของกลุ่มต่างๆ 
ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพูดคุยสันติสุข ซึ่งไม่ว่าใครที่อยากจะออกมาพูดคุย ต้องประสานมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวก เพราะรัฐบาลไม่สามารถพูดคุยกับคนที่มีรายชื่อในกลุ่มก่อความไม่สงบภายในประเทศได้ โดยกลุ่มดังกล่าวถือว่าเป็นกลุ่มเห็นต่างที่มีส่วนน้อยเท่านั้น และประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ และไม่จำเป็นต้องใช้องค์กรต่างประเทศ ขอให้เชื่อถือรัฐบาลเพราะต้องทำให้สถานการณ์สงบโดยเร็ว 

          นี้ละน่า กลุ่มขบวนการที่ไร้สำนึกคุณแผ่นดิน  อยู่แผ่นดินประเทศไหนก็ทรยศแผ่นดินประเทศนั้น ขนาดอยู่แผ่นดินไทยก็หนีไปอยู่แผ่นดินมาเลเซียแอบอาศัยซุกหัวนอนคอยเป็นปลิงกินเลือดเขาอยู่ ทั่งที่แผ่นดินเขายอมเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาพูดคุยสันติสุขให้กับกลุ่มของตน แต่มาวันนี้กลับบอกว่าแผ่นดินมาเลเซียไม่เป็นกลาง ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ปฏิบัติตามหลักสากล มีผลประโยชน์ทับซ้อน กลุ่มขบวนการ BRN ไม่เคยสำเนียกตัวเองบ้างเลยว่า ตนเองมีที่ซุกหัวนอนจากแผ่นดินมาเลเซีย กินข้าวเขา นอนบ้านเขา ขี้ใส่แผ่นดินเขา เหยียบอยู่แผ่นดินเขา แต่เมื่อกลุ่มตนเองไม่ได้ผลประโยชน์ก็พร้อมร้องขอเปลี่ยนผู้อำนวยความสะดวก เพื่อหวังผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองเท่านั้น

          หยุดเถอะ อย่าพยายามดิ้นรนอีกเลย เข้าไปเสนอตัวกับประเทศมาเลเซียที่เป็นประเทศอำนวยความสะดวก เพื่อรวมเวทีพูดคุยเสีย เพราะถ้าดิ้นไปในทางอื่นทางที่รุนแรง จะทำให้เชือกรัดคอตัวเองและจบลงแบบไร้ที่ยืนอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น