หน้าเว็บ

5/01/2561

เราสู้อยู่กับใคร? ใน 3 จชต.


เหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จุดเริ่มสร้างความโหดร้าย เมื่อ 4 ม.ค. 47 ซึ่งเป็นต้นเสียงปืนแตกตลอด ในระยะเวลา 13 ปี และจะเข้าย่างปีที่ 14 แล้ว ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน อันนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังทำลายเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่โดยเฉพาะ การอยู่ร่วมสังคมพหุวัฒนธรรมอันดีงาม

ขณะที่ปัจจุบันฝ่ายเจ้าหน้าที่เองก็เร่งแก้ไขปัญหาโดยใช้นโยบาย กฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย ขับเคลื่อนโครงการต่างๆ มากมาย ในการช่วยเหลือพัฒนาพื้นที่ สร้างอาชีพสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น แต่ผู้ก่อเหตุรุนแรงก็ยังคอยฉวยโอกาสทีเผลอทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ตลอดเวลาเมื่อสบโอกาส ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าแล้วเราสู้อยู่กับใคร สู้กับกลุ่มไหนอยู่ สู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน กลุ่มการเมืองเก่า กลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางการค้าน้ำมันเถื่อนของหนีภาษี สู้กับกลุ่มค้ายาเสพติด สู้กับผู้ก่อเหตุรุนแรง ทำไมเหตุการณ์ผ่านมาจะเข้าสู่ปีที่ 14 ปีแล้วยังไม่สงบ แล้วตกลงเราสู้อยู่กับใคร?

จากการรวบรวมข้อมูลความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ผู้เขียนขอฟันธงเลยว่า เราสู้อยู่กับ กลุ่มขบวนการ BRN ที่มีท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ให้การหนุนหลัง

ผู้เขียนขอหยิบยกเล่าความเป็นมาของ BRN ดังนี้ BRN คือ ประชาชนมลายูกลุ่มหนึ่งที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกับรัฐบาลไทย พูดง่ายๆ ก็คือกลุ่มของตนเสียผลประโยชน์ทางการเมือง จึงจัดตั้งกองกำลังขึ้นต่อสู้เพื่อปกครองตนเอง โดยอ้างว่าทำเพื่อพี่น้องมลายูในพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ รุ่นที่ 1 (รุ่นปู่) ปี 2503 – 2512 มีมะบง เป็น แกนนำพร้อมบาบอของปอเนาะสำคัญใน 3 จชต. รุ่นที่ 2 (รุ่นพ่อ) มีการิม รอมลีและอามีนเป็นแกนหลัก ปี 2512 – 2527 และรุ่นที่ 3 (รุ่นลูก) 2527 - ปัจจุบัน มีดุลเลาะ    แวมะนอ และเด็ง กะแวจิ เป็นแกนนำ แต่ละยุคจะพัฒนาการต่อยอดในการต่อสู้มาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐสู้อยู่กับรุ่นลูก นั้นก็คือ ดุลเลาะ แวมะนอ อดีตครูใหญ่โรงเรียนญิฮาดวิทยา ที่ถูกศาลสั่งยึดที่ดินเป็นของรัฐเนื่องจากใช้พื้นที่ฝึกอาวุธให้กับผู้ก่อการร้าย

การพัฒนาของกลุ่ม BRN รุ่น 1 (รุ่นปู่) เป็นการรวบรวบประชาชนมลายูตั้งตนเป็นศัตรูกับเจ้าหน้าที่ทุกรูปแบบ รวมเป็นกองกำลังต่อสู้กับรัฐบาล มีการตกลงแบ่งเขตพื้นที่อิทธิพลกับกลุ่มอื่น ๆ

BRN รุ่น 2 (รุ่นพ่อ) มีการแบ่งกลุ่มทำหน้าที่ คือ 1.คอโอดิเนท (ฝ่ายการเมือง) 2.คองเกรส (ฝ่ายการทหาร) 3.อูลามา (ฝ่ายการศาสนา) โดยรุ่นนี้ได้เริ่มส่งสมาชิกไปเรียนยังต่างประเทศโดยเฉพาะอินโดนีเซีย และปรับเป็นกองกำลังติดอาวุธ มีฐานสู้รบอยู่บนภูเขามีการเก็บเงินจากประชาชนและเรียกค่าไถ่ค่าคุ้มครอง และยังแบ่งเขตอิทธิพลกับกลุ่มอื่นๆ โดยไม่มีมวลชนให้การสนับสนุนแต่อย่างใด

BRN รุ่น 3 (รุ่นลูก) หรือยุคปัจจุบันที่รัฐต่อสู้อยู่ ยุคนี้ถูกพัฒนามาจากยุค BRN 2 (ยุคพ่อ) ปรับเปลี่ยนวิธีการต่อสู้จากบนเขามาต่อสู้ในหมู่บ้านโดยใช้ประชาชนมลายูในหมู่บ้าน เป็นกองกำลังรบ เป็นฝ่ายสนับสนุนกำลังรบ ให้ทั้งที่พักอาศัย การกินการอยู่ พร้อมทั้งสละเงินวันละบาททุกวัน (ทุกวันนี้เก็บ 2–3 บาท หรือตามพื้นฐานอาชีพของประชาชน) และที่สำคัญนำลูกหลานเยาวชนมลายูในหมู่บ้านมาฝึกเป็นกำลังรบต่อสู้กับเจ้าหน้าที่อยู่ในขณะนี้

BRN ใช้เวลาเตรียมการต่อสู้ในครั้งนี้รวมระยะเวลา 20 ปี โดยแบ่งออกเป็น 2 ห้วง คือ ห้วงที่ 1 ระหว่าง 2527–2537 เป็นเวลาเตรียมการปลุกระดมบ่มเพาะให้กับคนเชื้อสายมลายูทุกหมู่เหล่าทุกเพศทุกวัย โดยอาศัยแอบอ้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ และศาสนา เพื่อให้เกิดความแตกแยกเกลียดชังระหว่างคนมลายูกับคนไทยอย่างกว้างขวาง สำหรับห้วงที่ 2 ระหว่าง 2537 – 2547 เป็นการจัดตั้งและฝึกกำลังรบที่รัฐเรียกว่า RKK และจัดตั้งกรรมการบริหารเฉพาะหมู่บ้านมลายในรูปแบบการปกครองของ BRN ซ้อนการปกครองของรัฐบาลไทยเอาไว้อย่างลับๆ เพื่อง่ายต่อการประสานงานและการต่อสู้นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน

ทั้งนี้ผลการจากการจัดตั้งกรรมการบริหารในหมู่บ้านของ BRN ซึ่งกระจายไปทั่วในสามจังหวัดชายแดนใต้ส่งผลให้ BRN มีอิทธิพลอย่างลับๆ ต่อกลุ่มนักการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย

น้ำมันเถื่อน ค้ายาเสพติดและสินค้าหนีภาษี รายได้ส่วนหนึ่งจากการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายจะส่งให้กับ BRN เพื่อเป็นทุนสำหรับการก่อเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการจับกุม กลุ่มขบวนการก็จะก่อเหตุตอบโต้เจ้าหน้าที่ทันที ผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกันหลายมิติจากอดีตจนปัจจุบันกลายเป็นรากเหง้าของปัญหาของการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้

จากข้อมูลข้างต้นพอจะเป็นคำตอบได้ว่าขณะนี้รัฐสู้กับใครสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหรือสู้กับกลุ่มผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย ผลประโยชน์ที่แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ของ BRN และ ธุรกิจมืดผิดกฎหมาย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฟใต้ทำไมจึงดับลงไม่ได้ หากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สงบลงก็จะทำให้กลุ่มอิทธิพลที่มีผลประโยชน์มหาศาล ประกอบการธุรกิจผิดกฎหมายดังกล่าวไม่สะดวกใช่ไหมจึงจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเหตุรุนแรงเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่จนทำให้เกิดความแตกแยกเกลียดชังสร้างความหวาดระแวงระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิม สร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่ม BRN ให้ประชาชนตกเป็นแนวร่วมคล้อยตาม เพื่อขับไล่ทหารออกจากพื้นที่จะได้เข้าทางกลุ่ม BRN ที่ขุดหลุมพรางดักไว้ ถ้าหากกำลังทหารออกไปจากพื้นที่ซะ กลุ่มพวกตนก็จะได้ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายได้สะดวกสบาย และมีอิทธิพลในพื้นที่แต่ผู้เดียวสร้างความร่ำรวยอย่างมหาศาล บนซากศพและคราบน้ำตาของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างง่ายดาย


โดยก๊ะเจ๊าะแจ๊ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น