หน้าเว็บ

7/30/2561

แนวทางการต่อสู้ของขบวนการบีอาร์เ็อ็น...


" อิมรอน"


ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดมาอย่างยาวนานไม่จบสักที ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มขบวนการมีการสร้างคนรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนคนรุ่นเก่าๆ ที่ปลดระวางในการต่อสู้ ด้วยการฝังชิปปลูกฝังแนวความคิด บิดเบือนประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังได้มีการกำหนดแนวทางในการต่อสู้กับรัฐไทยอย่างชัดเจน

          แผนภูมิด้านล่างคือแนวทางการต่อสู้ของขบวนการ BRN ซึ่งได้มีการปลูกฝังแนวความคิดประกาศจุดยืนฐานอิสลาม สมาชิกแนวร่วมจะต้องเป็นคนมลายู มีความคิดที่ก้าวหน้า รุกเร้าให้มีการก่อเหตุรุนแรงให้มากขึ้น โดยให้ในแต่ระดับมีเอกภาพในการควบคุมสมาชิกด้วยกันเอง

จุดยืนฐานอิสลาม

          จุดยืนฐานอิสลาม คือจุดยืนสำหรับการต่อสู้ของขบวนการ BRN จะต้องยืนอยู่บนฐานใน 2 เรื่องหลักด้วยกัน คือ
          1. ดารุลฮัรบี หมายถึง ปัตตานีเป็นดินแดน หรือประเทศที่ต้องทำการขับไล่ผู้รุกรานให้ออกไปจากแผ่นดินปาตานี
          2. อิสลามนูซันตารา การต่อสู้จะต้องนำพาปาตานีไปสู่อิสลามนูซันตารา คือเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกประเทศหนึ่งที่ปกครองแบบอิสลาม

คนที่ต่อสู้จะต้องเป็นคนมลายูปาตานี

          คนที่ต่อสู้จะต้องเป็นคนมลายูปาตานี คนมลายูปาตานีจะต้อง 5(NO)ไม่ กับคนสยาม กล่าวคือ
          1. NO INFORMATION
          จะต้องไม่ยอมรับสื่อ หรือข่าวสารใดๆ ที่มาจากฝ่ายรัฐบาลไทย หรือเจ้าหน้าที่รัฐไทย ต้องไม่ยอมรับ ไม่เห็นด้วย และต่อต้านข่าวสารทุกชนิดที่มาจากรัฐไทย
          2. NO COMPROMISE
          ไม่ยอมให้อภัย ไม่สมานฉันท์ ไม่คืนดี ไม่ให้คำมั่นสัญญา ไม่เจรจา ไม่ประณีประณอม จะต้องการให้มีการเจรจาเกิดขึ้น
          3. NO ASSIMILATE
          จะต้องไม่อยู่ร่วมกันอย่างเด็ดขาด ไม่กลมกลืนทางวัฒนธรรม ไม่ปรองดองกับสยาม ซึ่งสยามมีความพยายามทำลายความเป็นชนชาติมลายู ทำลายศาสนาอิสลาม
          4. NO AUTONOMY
          จะต้องไม่เอาเขตปกครองพิเศษ หรือ AUTONOMY อย่างเด็ดขาด เขตปกครองพิเศษไม่ใช่เป้าหมายการต่อสู้ขององค์กร ขบวนการ BRN มีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือเอกราช
          5. NO PALIAMENT
          จะต้องไม่ยอมรับกฎหมายไทย เพราะกฎหมายไทยเป็นกฎหมายของคนสยาม เป็นกฎหมายของชาวไทยพุทธ จะมาบังคับใช้กับคนมลายู และบังคับคนที่นับถือศาสนาอิสลามไม่ได้

ความคิดก้าวหน้า

          "ความคิดก้าวหน้า" คือ การสู้รบของมลายูอิสลามปาตานี จะสู้รบภายใต้แนวทางของขบวนการ BRN ยอมรับแนวทางการปฏิวัติของขบวนการอย่างเต็มที่ ไม่ยอมรับการเจรจา ไม่ยอมรับการประณีประณอม

การก่อเหตุให้รุนแรงและมากขึ้น

          การก่อเหตุให้รุนแรงและมากขึ้น จะต้องทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย คือ Merdaka (เอกราช) เท่านั้น การก่อเหตุรุนแรงจะต้องกระทำต่อเป้าหมาย 3 เป้าหมาย ด้วยกันคือ
          1. เป้าหมายอ่อนแอ ต้องกระทำทันที เช่น ทหาร, ตำรวจ, อ.ส., ทพ., เจ้าหน้าที่รัฐที่กลับบ้านโดยไม่ระมัดระวังตัว รวมไปถึงสายข่าว หรือมุนาฟิกในหมู่บ้าน สมาชิกของขบวนการ BRN ทุกคนจะต้องมีหน้าที่ในการสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตา รายงานให้สมาชิกปฏิบัติการ RKK ทราบทันที เพื่อทำลายให้หมดสิ้นไป
          2. เป้าหมายเข้มแข็ง ก็จะต้องกระทำเช่นเดียวกัน เพื่อแสดงศักยภาพให้มวลชนยอมรับว่าเราเหนือกว่ากองกำลังฝ่ายรัฐ เพื่อให้มวลชนศรัทธาต่อขบวนการ BRN มากกว่าศรัทธารัฐบาลไทย เป้าหมายเข้มแข็ง เช่น ทหาร, ตำรวจ, อส. และเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนเป็นกลุ่มก้อนในพื้นที่ หรือกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฐานปฏิบัติการต่างๆ
          3. เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ คือเมื่อกระทำไปแล้วเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธา ต่อรัฐบาลไทย หรือทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นศรัทธาต่ออำนาจรัฐไทย เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกพื้นที่ และในระดับโลก เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เช่น ครู, พระ, วัด, โรงเรียน, คนไทยพุทธ รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ในชุมชน หรือทำลายแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ

เอกภาพในทุกระดับ
          1. เอกภาพในการปฏิบัติ
          2. เอกภาพในการขับเคลื่อนองค์กร
          3. เอกภาพในการใช้ยุทธวิธี

          สมาชิกของขบวนการ BRN ทุกคนจะมีสิทธิเสรีในการปฏิบัติการอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องการปฏิบัติการ การขับเคลื่อนองค์กร ทั้งองค์กรนำ, องค์กรมวลชน และองค์กรทางทหาร รวมถึงการปฏิบัติการทางยุทธวิธีต่างๆ ทุกคนจะมีเอกภาพในการปฏิบัติ แต่จะต้องอยู่ภายในกรอบ แนวทางการขับเคลื่อนขบวนการ BRN จนกว่าเราจะบรรลุจุดมุ่งหมาย นั่นคือเอกราช (Merdaka) เท่านั้น

          จากรายละเอียดข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีการกำหนดกรอบแนวทางในการต่อสู้ของขบวนการ BRN ประเด็นหลักๆ คงหนีไม่พ้นการบิดเบือน การปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดๆ ให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะก้าวขึ้นมาทดแทนคนรุ่นเก่าพร้อมทั้งติดเขี้ยวเล็บทางความคิดปลุกปั่นเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ให้สมาชิกแนวร่วมนำไปเป็นเงื่อนไขในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ

          ข้อความหลายบรรทัดมีการกล่าวถึงการไม่ยอมรับการเจรจา ไม่ยอมรับการประณีประนอมจากรัฐบาลไทย ทั้งๆ ที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบันได้ให้ความสำคัญในการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ เปิดเวทีให้กับกลุ่มที่มีความคิดต่างจากรัฐมาพูดคุยกัน แทนที่จะใช้กำลังในการก่อเหตุ ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีใดๆ เลยต่อองค์กรเลย ต่อประชาชนในพื้นที่ รวมไปถึงมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในการลงทุนของนักธุรกิจ

          ปี 2558 เป็นปีที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม AEC (Asean Economic Community) มีการแข่งขันกันในด้านการค้าการลงทุน หากกลุ่มขบวนการยังยืดเยื้อเดินหน้าในการสร้างสถานการณ์เช่นวันนี้อยู่ นักลงทุนต่างชาติก็ไม่กล้าที่จะมาลงทุนในพื้นที่แห่งนี้ แทนที่จะเกิดการจ้างงานให้กับพี่น้องปาตานีได้มีงานมีการทำ

          แต่ถึงกระนั้นรัฐบาลยังได้มีการกระตุ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนในจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมารองรับ AEC ด้วยการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจังหวัดปัตตานี เป็นนิคมร่วมดำเนินงานระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัท ฟาตอนี อินดัสทรี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี บนเนื้อที่ 173 ไร่เศษ

          พร้อมทั้งดึงบริษัทขนาดกลาง และขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในนิคมดังกล่าว อีกทั้งมีการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนราธิวาสขึ้นมาเพื่อการพัฒนาเสริมสร้างความมั่นที่ยั่งยืนให้กับพื้นที่ต่อไป คาดว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นให้กับคนในพื้นที่ได้มีงานทำ กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวด้านชายแดน เพื่อการพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายด่านพรหมแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องปาตานีจังหวัดชายแดนใต้แห่งนี้....  
------------------------------------

7/26/2561

‘บทเรียนล่าหมูป่า’ความสูญเสียที่ควรจำ!!


" Ibrahim"

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น คาดว่าเป็นการแสดงศักยภาพความมีตัวตนของกลุ่มขบวนการอีกทั้งยังมุ่งทำลายสาธารณูปโภคโดยเฉพาะการปฏิบัติการยิงหม้อแปลงไฟฟ้าซึ่งยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนโดยเพาะในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส

และล่าสุดจากลางบอกเหตุความเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรใต้ที่ลงมือยิงหม้อแปลงไฟฟ้าเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถัดมาแค่วันเดียวกลุ่มโจรใต้ได้ลงมือก่อเหตุลอบทำร้ายชาวบ้านหาของป่าจนได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
ตามรายงานข่าวแจ้งว่าขณะชาวบ้านหาของป่า จำนวน 11 คน ใช้รถยนต์ 2 คันเป็นยานพาหนะ เดินทางไปหาของป่าบริเวณเชิงเขาหลังหมู่บ้านกำปงบือแน ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยได้นำรถยนต์ทั้ง 2 คัน จอดไว้บริเวณด้านล่างหลังมัสยิด จนกระทั่งกลุ่มชาวบ้านได้ล่าหมู่ป่าได้จำนวน 7 ตัว จึงเดินทางลงจากเชิงเขาเพื่อกลับบ้านพัก โดยได้แยกย้ายนั่งโดยสารรถยนต์กระบะคันแรก 5 คน คันที่สอง 6 คน คันแรกขับออกไปก่อน ส่วนคันที่สองเมื่อขับออกจากที่จอดรถประมาณ 100 เมตร ถูกคนร้ายซึ่งซุ่มอยู่บริเวณป่าเชิงเขา ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิง แต่ถูกกลุ่มชาวบ้านหาของป่าใช้อาวุธปืนลูกซองยิงตอบโต้ใส่กลุ่มคนร้าย จนกระทั่งกลุ่มคนร้ายใช้ความชำนาญหลบหนีเข้าป่าไป จากการตรวจสอบพบจุดซุ่มยิง 5 จุด เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมปลอกกระสุนขนาด 5.56 มม. ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุได้จำนวนหนึ่ง เพื่อส่งพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิยาศาสตร์ต่อไป


เหตุการณ์ชาวบ้านหาของป่าถูกคนร้ายซุ่มยิงไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งนำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย แต่เหตุใดจึงไม่เกรงกลัว!! หรือหลาบจำ ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการล่าหมูป่า

หากตั้งคำถามเหตุผลใด? กลุ่มโจรใต้จึงลอบทำร้ายชาวบ้านที่ขึ้นไปหาของป่าบนภูเขา หากจะถอดบทเรียนการก่อเหตุหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา คงจะมีเหตุแค่ผลเดียวคือ ไม่ต้องการให้ชาวบ้านไปรู้เห็นที่ตั้งฐานพักแรมของกลุ่มโจรใต้บนภูเขา วิธีการเดียวที่จะห้ามไม่ให้ใครก็ตามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปคือการสร้างความหวาดกลัวด้วยการลอบทำร้าย ซึ่งการลงมือในแต่ละครั้งมักจะได้ผลในช่วงเวลาหนึ่งแต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีกลุ่มชาวบ้านกล้าเสี่ยงตายขึ้นไปหาของป่าอยู่อีกซึ่งเป็นเช่นนี้อยู่ทุกปี เราได้ยินข่าวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถือได้ว่ายังโชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตแค่ได้รับบาดเจ็บแต่คงเป็นบทเรียนที่จะต้องจดจำ

หากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ยังคงมีการก่อเหตุของกลุ่มโจรใต้อยู่ การเข้าไปหาของป่าก็ต้องล้มเลิกความคิดเอาไว้ก่อน มิเช่นนั้นหากเราเอาชีวิตไปเสี่ยงผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้มเสีย ฝากไปยังพี่น้องในพื้นที่นำบทเรียนที่ได้รับมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นความสำคัญลำดับต้นๆ ที่รัฐให้ความใส่ใจดูแล แต่ในขณะเดียวกันเราในฐานะประชาชนก็จะต้องดูแลชุมชน ดูแลครอบครัว ที่สำคัญจะต้องดูแลตัวเองก่อน ลดปัจจัยเสี่ยงซึ่งนำมาสู่ความสูญเสีย รออีกไม่นานเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่ การใช้ชีวิตประจำวันไม่ต้องหวาดกลัวหวาดระแวงอีกต่อไป เมื่อนั้นจะไปมาหาสู่ จะไปไหนมาไหนก็ย่อมกระทำได้ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันดั่งเช่นในอดีตที่ผ่านมา....
*****************

7/19/2561

เล่ห์เหลี่ยมโจรใต้..หลอกลูกหลานเราเข้าสู่ขบวนการ


"แบมะ ฟาตอนี "


ขบวนการชั่วร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักขบวนการที่มีความสุดโต่ง โจรใต้ฟาตอนีที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐบาลไทย มีการปฏิบัติทั้งงานการเมืองและการใช้กำลังที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เอกราช โดยที่ฝ่ายใช้กำลังทำการสู้รบแบบกองโจรมุ่งสร้างความปั่นป่วนด้วยการก่อเหตุร้ายทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำลายทรัพย์สิน สาธารณูปโภคของรัฐอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปีกการเมืองที่รับผิดชอบในการปลุกระดมแนวความคิด ได้มุ่งจุดประกายการกำหนดใจตนเอง (RSD) เพื่อนำไปสู่การลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชปกครองตนเอง จัดเสวนาสร้างการรับรู้ทั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ และยังต่างประเทศ

ตลอดสิบสี่ปีไฟใต้ ณ ปลายด้ามขวานแห่งนี้ หลายคนสงสัยว่าเมื่อไหร่!! เหตุการณ์จะสงบสักที และผู้ที่ทำการก่อเหตุทั้งที่ถูกจับดำเนินคดีหรือเสียชีวิตจากการปะทะ ทำไม? ยังมีตัวตายตัวแทนเกิดขึ้น ยังไม่นับรวมผู้ที่กลับใจเข้ามารายงานตัวแสดงตนเข้าสู่โครงการพาคนกลับบ้านกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว ถ้านับถึง ณ ปัจจุบันนี้ยอดทะลุเป็นหลักพันคน

คำถามนั้นอาจจะไม่มีคำตอบ และเป็นคำถามที่เราต้องสงสัยกันต่อไป แต่เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าของสมาชิกแนวร่วม ผกร.ที่โดนจับกุมตัวกลับถึงบางอ้อ!! อย่างนี้นี่เอง ซึ่งแต่ละคนได้เล่าถึงปูมหลัง จุดเริ่มต้นเข้าสู่ขบวนการเกิดจากถูกชักจูงจากแกนนำในพื้นที่ ซึ่งใช้เล่ห์เพอุบายหลอกล่อชักชวนเยาวชนและนักเรียน นักศึกษาเพื่อให้เข้าสู่องค์กร ด้วยการปลูกฝังและบ่มเพาะแนวความคิดตามที่ขบวนการต้องการ

วิธีการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร
จากคำบอกเล่าของผู้หลงผิดได้เล่าถึงวิธีการที่พวกโจรใต้เอามาใช้ต่อเป้าหมายแล้วได้ผลนั่นคือ การชักชวนเยาวชนเป้าหมายมารับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี หลักของการญีฮาดของศาสนาอิสลามที่เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ชี้ให้เห็นเงื่อนไข ความไม่เป็นธรรม ในสังคมที่ถูกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเงื่อนไขความเป็นชาติพันธุ์มลายูในระบบเครือญาติ มีการอิงแอบศาสนาอิสลาม กล่าวอ้างพระเจ้า หรือ องค์อัลเลาะห์เป็นสิ่งที่ต้องกระทำไม่กระทำจะเป็นบาป!!!

นอกจากนั้นจะมีการคัดเลือกเป้าหมายจะต้องเป็นเยาวชนที่มีความประพฤติดี เรียบร้อย เรียนเก่ง มีความอ่อนไหวง่ายต่อการปลูกฝังอุดมการณ์ทางความคิด โดยที่ผ่านมาพบว่าครูสอนศาสนา (อุสตาซ) หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่หรือบุคลากรในสถานศึกษาจะเป็นนักจัดตั้ง ด้วยการปลุกระดม ชักชวนให้เยาวชนเป้าหมายเข้าสู่ขบวนการ ซึ่งมีทั้งเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา
การเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารสมัยใหม่ในการชักชวนเป้าหมายเข้าสู่องค์กร นับได้ว่าในปัจจุบันเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ใช้ได้ผล เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเยาวชนสมัยใหม่ ให้ความสนใจกับสื่อสังคมออนไลน์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสประจวบเหมาะในการสื่อสารโน้มน้าวพูดคุยใส่ข้อมูลที่ผิดๆ ลงไป ให้ทำการต่อต้านรัฐ เมื่อหลงเชื่อมีการนัดพบปะเพื่อดำเนินการจัดตั้งเป็นสมาชิก ผกร.ต่อไป

เนื้อหาของการบ่มเพาะ
การปลูกฝังอุดมการณ์แนวความคิดให้กับแนวร่วมยุคใหม่ กลุ่ม ผกร.ยังคงใช้เนื้อหาในการบ่มเพาะ 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ ด้านประวัติศาสตร์ ศาสนาอิสลาม และเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมาก

ด้านประวัติศาสตร์ จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐปาตานีดารุสลามที่เคยรุ่งเรืองในอดีต มีอิสระ แต่กลับถูกยึดครองจากสยาม อีกทั้งยังมีการเกณฑ์แรงงานชาวปาตานีไปขุดคลองแสนแสบที่บางกอก อย่างไรก็ตามจากแหล่งข้อมูลมีการพบว่าในปัจจุบันนี้มีการใช้เนื้อหาประวัติศาสตร์น้อยลงมาก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเยาวชนหรือแนวร่วมรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมกับประเด็นประวัติศาสตร์อีกแล้ว

การใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือ จะใช้การบิดเบือนให้แนวร่วมเข้าใจผิดว่าการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการเป็นความประสงค์ของพระเจ้าแล้วก็สร้างภาพให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า คนอิสลามทุกคนคือนักรบของพระเจ้า ถ้าใครไม่รบก็จะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน หรือถ้าช่วยเหลือไม่ได้ก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกัน ทุกคนต้องสาบานว่า จะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานีให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้า โดยถือคำสาบานว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนได้เปล่งวาจาออกมาด้วยความเสียสละ ไม่กลัวตายใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นคำสัตย์สูงสุด

ผู้ที่ไม่เข้าร่วมหรือไม่ทำตามจะเป็นบาปตกนรกแต่ถ้าหากเสียชีวิตจากการต่อสู้จะได้ขึ้นสวรรค์ทันที การใช้ประเด็นศาสนามักใช้ได้ผลกับสมาชิกแนวร่วมที่มีความรู้น้อยเท่านั้น หากเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องศาสนาเป็นอย่างดีอาจจะไม่ได้ผลทางด้านจิตวิทยา

เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมหมู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้ามัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้กลายเป็นวันเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มขบวนการ มีการใช้เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตประชาชนชาวไทยมุสลิมจำนวนมากในการปลุกระดม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เพิ่งเกิดและส่งผลในด้านจิตวิทยาต่อเยาวชนหรือแนวร่วมโดยตรงให้เกิดความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ

การปลุกระดม
ฝ่ายปลุกระดมไม่มีแบบแผนตายตัวขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แต่ส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ หรือได้รับการยกย่องและยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ มีคุณวุฒิทางศาสนา ขบวนการโจรใต้ฟาตอนี มีขีดความสามารถในการสร้างผู้นำศาสนา รวมทั้งครูสอนศาสนา (อุสตาส) ให้เป็นแกนนำในพื้นที่ต่างๆ แล้วแบ่งกันรับผิดชอบ ออกปฏิบัติการตามคำสั่งในการปลุกระดม และยังสามารถทำให้ผู้นำศาสนาเหล่านี้มีความเลื่อมใสศรัทธา พอกพูนอุดมการณ์อย่างชนิดถวายหัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือการได้เป็นนักรบของพระเจ้า หลงเชื่อว่าเป็นการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยอิสลามจากการกดขี่ข่มเหงของคนต่างศาสนา

สถานที่ปลุกระดมบ่มเพาะ
กลุ่ม ผกร.ยังคงลักลอบใช้สถานที่ทั้งภายในสถานศึกษาและภายนอสถานศึกษาในการบ่มเพาะเยาวชนหรือแนวร่วม ตามจังหวะโอกาสจะเอื้ออำนวย
แหล่งบ่มเพาะในสถานศึกษานับว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีของกลุ่ม ผกร.เลยทีเดียว เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะแนวร่วมสั้นกว่านอกสถานศึกษา ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนหรือแนวร่วมที่เข้าสู่ขบวนการบ่มเพาะในสถานศึกษามักมีความตั้งใจในการรับฟังและเชื่อฟังสูงกว่าผู้ที่เข้าร่วมการบ่มเพาะนอกสถานศึกษา จึงไม่น่าแปลกใจที่มีข่าวคราวโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน หรือปอเนาะมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการมาโดยตลอด เป็นที่ซ่องสุมกำลัง เป็นแหล่งพักพิง หลบซ่อนตัว ซ่อนอาวุธ และเป็นที่ประกอบวัตถุระเบิดของ ผกร.
นี่คือรูปแบบในการหาสมาชิกแนวร่วมของกลุ่ม ผกร.ฝากผู้ปกครองคอยย้ำเตือนดูแลบุตรหลานอย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มโจรชั่วเหล่านี้ โดยเฉพาะบุตรหลานของท่านที่เป็นเด็กนิสัยดี เรียบร้อย เรียนเก่ง อย่านิ่งนอนใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการ อย่าลืมว่าเด็กที่มีคุณสมบัติเหล่านี้คือเป้าหมายของกลุ่มขบวนการ ที่อยู่ในสายตา ผกร. คอยติดตาม ชักชวนให้เข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย ยากที่จะถอนตัว เนื่องจากถูกปลูกฝังอุดมการณ์ เหมือนการฝังซิป ด้วยการบิดเบือนความจริง ใส่ข้อมูลผิดๆ ให้หลงเชื่อตามที่กลุ่มขบวนการต้องการ หลายต่อหลายครั้งที่เกิดการปะทะจนนำไปสู่การสูญเสีย ณ เวลานั้นมันสายเกินแก้ไปเสียแล้ว กว่าจะรู้ว่าลูกตัวเองเป็นสมาชิกแนวร่วม....พ่อแม่ต้องเสียน้ำตา บุตรหลานต้องจบชีวิตลงหมดสิ้นอนาคต หมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราจะไปร้องเรียกหาอะไรจากใครไม่ได้อีกเลย!!!!!

*****************

7/16/2561

"ธนาธร"อนาคตประชาธิปไตยใหม่ หรือเป็นได้แค่"กับดักทางการเมือง"


"แบมะ ฟาตอนี "


"ปัญหา PATANI ต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารต้องออกไป ประชาชน...คือผู้ตัดสิน" เป็นคำกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ ความเป็นตัวตนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

การกล่าวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดขึ้นหลังจากเดินสายหาแนวร่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.61 ณ PATANI ART SPACE จ.ปัตตานี ซึ่งได้เปิดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มการเมือง แน่นอนว่ากลุ่มที่มาร่วมวงเสวนาส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่าย PerMAS กับการยิงคำถามต่อ นายธนาธร ที่ได้มีการเตรียมกันมาก่อน พี่ธนาธรมีความเห็นต่อประเด็น "เอกราชปาตานี" อย่างไร? ซึ่งได้รับคำตอบที่สมใจอยากกลายเป็นประเด็นที่มีการเคลื่อนไหวขยายผลสร้างการรับรู้ในสื่อสังคมออนไลน์

ปรากฏการณ์หลายๆ ครั้งนับเป็นความพยายามของ PerMAS ที่อ้างว่าทำงานการเมือง แต่มักเกาะกระแสนักการเมืองส่วนกลาง ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ต่อสายแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมือง ทำการขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงแอบหวังขั้วอำนาจขึ้นเป็นใหญ่ ขวากหนามในการเดินหน้ากรุยทางไปสู่ "เอกราชปาตานี"จะได้ง่ายดายขึ้น

กับวาทกรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ "ปัญหา PATANI ต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารต้องออกไป ประชาชนคือผู้ตัดสิน" เราไม่ควรใช้แว่น (กรอบคิด) ความมั่นคงหรือการทหารนำการเมือง ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพราะแว่นความมั่นคงคือ "การใช้กระบอกปืนในการกดหัวประชาชนให้ยอมศิโรราบ" ซึ่งวิธีการเช่นนั้นนั่นมันไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับไปสร้างปัญหาใหม่เกิดขึ้นมา นั่นก็คือ "อุตสาหกรรมความมั่นคง" และสิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ "ให้ทหารกลับเข้ากรมกอง"เอาทหารออกจากพื้นที่ ให้มีพื้นที่ในการถกเถียงแสดงออกทางการเมืองได้ นั่นหมายความว่าอย่างไร?


ก่อนหน้านี้ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม PerMAS ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการ Live สด การร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยน ภายใต้หัวข้อ "4 ปี คสช.กับสันติภาพปาตานี" ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมี นายฮาฟิส ยะโกะ ประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยส่วนกลางร่วมพูดคุย ในครั้งนั้นนายฮาฟิส ยะโกะ  ได้กล่าวถึงคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่ 1 ซึ่งหากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้บรรยากาศต่างๆ เอื้อต่อการพูดคุยมากขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่สันติภาพอย่างแท้จริงต่อการกำหนดชะตากรรมของปาตานี นั่นคือ "ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่สุด"

สอดรับกับท่าทีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อาจได้ใจปีกการเมืองขบวนการเต็มๆ ซึ่งเป็นไปได้ที่กลุ่มคนเหล่านี้ทุ่มคะแนนเสียงให้กับ นายธนาธร เพื่อหวังผลประโยชน์ที่มีการแลกเปลี่ยนกัน แต่การเดินเกมของ นายธนาธร ได้ใจบรรดาปีกการเมืองขบวนการก็จริง แต่พลาดอย่างยิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของภาษี นายธนาธร ไม่รู้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แท้จริงต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจากรากเหง้าที่มีความสลับซับซ้อน อีกทั้งเชื่อมโยงไปยังธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ในพื้นที่ คอยเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มขบวนการใช้ก่อเหตุแบ่งแยกดินแดน ขณะเดียวกันยังสนับสนุนปีกการเมืองขบวนการทำการปลุกระดมประชาชน  ให้เดินหน้ากำหนดชะตากรรมตนเอง  ลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย กับแนวคิดสุดโต่งของ นายธนาธร "ไล่ทหารกลับบ้าน ประชาชนคือผู้ตัดสิน" แล้วรู้หรือ!! ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต้องการอะไร? แต่แปลกที่ต้องการเอาใจกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน การแสดงท่าทีออกมาก็เท่ากับว่า นายธนาธร ประกาศสนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาใช่หรือไม่?

"คนพุทธ ยังไม่พร้อมที่จะให้ถอนทหาร จนกว่าจะปลอดภัยจริงๆ"

สุดท้ายแล้ว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นอนาคตประชาธิปไตย เป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ เป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อก้าวข้ามไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศ หรือเป็นได้แค่ "กับดักทางการเมือง" จะดังหรือจะร่วงไม่มีใครกำหนดให้ มีแต่ตัวเองทำ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้รู้กัน!!! ว่าคุณจะได้ไปต่อ!! หรือถูกน็อกตั้งแต่ยกแรก ต้องดับฝันกลับไปนอนเลียบาดแผล... พร้อมๆ กับกลุ่ม PerMAS ที่ได้ฝันเฟื่องไปวันๆ
*****************

7/13/2561

แนวร่วมโจรใต้กับสื่อทางเลือกในการโฆษณาชวนเชื่อ


" Ibrahim"


การพัฒนาที่ทันสมัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ส่งผลให้สื่อสังคมออนไลน์ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกระจายข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ผลงานของฝ่ายกองกำลังทหาร และฝ่ายการเมืองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น ปัจจุบันพบว่ามีการขยายตัวแบบก้าวกระโดดของแนวร่วมในการใช้สื่อในพื้นที่เพื่อทำการเคลื่อนไหวย้อนแย้งกับรัฐในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ สำหรับรูปแบบการเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์พบว่า ส่วนใหญ่จะเน้นการเผยแพร่ภาพ ข้อความ มีการแบ่งปันข้อมูลหรือเชื่อมโยงข้อมูล ในลักษณะการยั่วยุเจ้าหน้าที่ มีการสร้างขวัญ กำลังใจ หรือกระตุ้นให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงลงมือก่อเหตุกระทำต่อเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ของหน่วยงานภาครัฐ ต่อเป้าหมายอ่อนแอ อีกทั้งการออกมาใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธและมุสลิม รวมทั้งมีการข่มขู่จะสังหารเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์หมิ่นศาสนา สอดรับกับการการดำเนินงานของสื่อทางเลือก สื่ออิสระ ที่นำเสนอข่าวในลักษณะตอกย้ำ สร้างกระแสความเกลียดชังทางด้านเชื้อชาติ และศาสนาอีกทางหนึ่งด้วย

แนวโน้มที่เป็นไปได้ว่า แนวร่วมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการจัดหาสมาชิก และการเผยแพร่แนวคิด รัฐเอกราชปาตานี เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจัดฝึกอบรมด้านการผลิตสื่อในระดับสถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในระดับมหาวิทยาลัยทั้งในพื้นที่ จชต. และนอกพื้นที่ จชต. เพื่อทำหน้าที่ในการโฆษณาชวนเชื่อสร้างการรับรู้ อีกทั้งทำการตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ หาจุดบกพร่องโจมตีและสื่อไปยังองค์กรต่างประเทศ กลุ่ม PerMAS มีบทบาทในการชี้นำทางความคิด ที่ผ่านมามีการติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เข้าไปฝึกอบรมการผลิตและการเผยแพร่สื่อ มีการใช้เป็นช่องทางติดต่อนัดหมาย จัดประชุม เผยแพร่ภาพ และเฝ้าระวังแจ้งเตือน ที่สำคัญมีการปลุกระดมมวลชนพร้อมเคลื่อนไหวกดดันเจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อมีการตรวจค้นบ้านพักสมาชิกในกลุ่ม หรือกรณีมีการจับกุมกลุ่ม ผกร.

เว็บไซต์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อทางเลือก สื่ออิสระ ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง บิดเบือนข้อเท็จจริง ปลุกระดมทางความคิด ความเชื่อของแนวร่วมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้แก่ www.puloinfo.org เว็บไซต์ khabarfathani.blogspot.com เว็บไซต์ suaraampera17.blogspot.com และอีกหลายเว็บไซต์ที่ไม่ได้กล่าวถึง


ส่วนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นขาประจำกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ และบิดเบือนข้อมูลแบบสุดโต่ง ได้แก่ เพจ: Suara Patani, เพจ: Patani Peace สันติภาพปาตานี, เพจ:Patani Darussalam News ฯลฯ อีกทั้งยังมีสมาชิกแนวร่วมสมัครใช้ Facebook เพื่อใช้ในการแชร์ต่อข้อมูลไปยังกลุ่มต่างๆ และทำการแท็กไปยังผู้ใช้ Facebook รายอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสถานีวิทยุมีเดียสลาตัน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงในการออกอากาศ มีการถ่ายทอดสัญญาณสดจากเวทีเสวนาไปยังสถานีวิทยุในเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา สำนักสื่อ Wartani เป็นสื่อทางเลือกที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหว โดยมีการผลิตสื่อมัลติมีเดีย รวมทั้งสื่อทุกชนิดในการสนับสนุนขบวนการ ในห้วงที่ผ่านมาได้ปลุกกระแสในเรื่องชาติพันธุ์มลายูต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มขบวนการได้แสวงประโยชน์ของสื่อทางเลือก และสื่ออิสระในการโฆษณาชวนเชื่อต่อกลุ่มเป้าหมาย มีการโน้มน้าวทางความคิดและจูงใจมวลชนด้วยวิธีการต่างๆ ให้เห็นดีเห็นงาม หรือให้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐด้วยการปิดบังอำพรางข้อเท็จจริง กลบเกลื่อนสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดี มีความพยายามปิดบังซ่อนเร้นผู้กระทำหรือต้นตอของข่าวสาร มีการใส่ร้ายป้ายสีด้อยค่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือฝ่ายที่คิดต่างกับขบวนการ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตน อีกทั้งได้มีการพัฒนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จัดเสวนาระดมความคิด การจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเคลื่อนไหวงานการเมืองเพื่อทำการตอบโต้ บิดเบือน สร้างกระแส และเน้นงานเชิงรุกต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐทุกรูปแบบ 

ธรรมชาติของการใช้งานสื่อในเครือข่ายสังคมออนไลน์ คือ ยากต่อการปิดกั้น ขัดขวาง เนื่องจากผู้ใช้สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว ไม่เกิน 5 นาที การสกัดกั้น ยับยั้ง เครือข่ายนักรบไซเบอร์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ควรใช้วิธีการเฝ้าระวังป้องกัน การพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และการรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ที่เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี  ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้เข้าถึงเป้าหมายในทุกระดับ ทั้งที่อยู่ในโลกไซเบอร์ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริง และโลกแห่งความจริง ให้ทราบถึงข้อกฎหมาย บทลงโทษในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันกับผู้ใช้สื่อ เพื่อป้องปรามไม่ให้บุคคล กลุ่มบุคคลกระทำความผิด ยุติการนำเข้าข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะต้องดำเนินการควบคู่กับการแก้ไขปัญหาในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่สันติสุขที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
***********************

7/07/2561

PerMAS กับโจรสวนยาง


Ibrahim


          เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อคนร้ายได้มุ่งก่อเหตุด้วยการวางกับดักระเบิดในสวนยางพาราถึง 5 ครั้งติดๆ กัน ซึ่งเกิดในพื้นที่ จ.ยะลา โดยเป้าหมายในการก่อเหตุมุ่งลอบทำร้ายชาวไทยพุทธผู้บริสุทธิ์จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่มีบางรายอาการสาหัสจนถึงขั้นพิการ แต่ยังโชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต กระนั้นการกระทำดังกล่าวได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าแม้จะออกไปกรีดยางซึ่งเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว

          จากแหล่งข่าวได้มีการวิเคราะห์สาเหตุการลอบวางระเบิดในสวนยางพาราชาวไทยพุทธ กลุ่มโจรใต้ต้องการสร้างความโกรธแค้นยั่วยุชาวไทยพุทธ สร้างความแตกแยกของคนต่างศาสนา หลังจากนั้นมีการวางแผนทำร้ายพี่น้องมุสลิมที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือมีความใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ ผู้นำศาสนา และผู้ที่เคยมีหมายคดีความมั่นคง เมื่อปฏิบัติการตามแผนจะทำการปล่อยข่าวลือควบคู่การโฆษณาชวนเชื่อ ถูกพวกซีแยตอบโต้ ล้างแค้น โยนความผิดให้กับชาวไทยพุทธเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเพื่อต้องการเอาคืน  


          ในขณะที่ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ด้านความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างได้ออกมาแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว บ้างทำการโพสต์ส่วนตัวในสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องไทยพุทธ หลายองค์กรได้แสดงออกด้วยความจริงใจ ประณามการก่อเหตุและปกป้องชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่กลับมีบางองค์กรใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นออกมาแถลงการณ์ไม่ได้สร้างสรรค์ใดๆ เลย ไม่ได้แสดงทีท่าเพื่อส่วนรวมแต่เพื่อองค์กรของตนเองเสียมากกว่า

          หนึ่งในองค์กรที่กล่าวข้างต้นคือ กลุ่ม PerMAS หรือสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี ที่ได้สถาปนาตนเองคือองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสันติภาพปาตานี ซึ่งในความเป็นจริงเป็นแค่ปีกการเมืองกลุ่มขบวนการที่มีจุดหมายเดียวกันที่มุ่งไปสู่เอกราช ไม่ใช่สันติภาพที่ใครๆ ต้องการ ในแถลงการณ์ได้เน้นคำว่า คู่สงคราม ที่จริงแล้วน่าจะใช้คำว่า โจรสวนยาง มากกว่า!! ฉวยโอกาสในความสูญเสียของชาวบ้าน มาสร้างผลประโยชน์ต่อองค์กรตนเอง น่าละอายใจเป็นอย่างยิ่ง แทนที่จะประณามการกระทำของโจรสวนยาง (โจรใต้) กลุ่ม PerMAS กลับหน้าด้านออกแถลงการณ์ที่แอบแฝง ซ่อนเร้นใช้วาทกรรมที่คลุมเครือ พื้นที่แห่งนี้ไม่มีคู่สงคราม ที่ก่อเหตุอยู่ทุกวันนี้เป็นได้แค่ โจรใต้ และโจรสวนยาง ที่มีพฤติกรรมเป็นอีแอบมุดอยู่ใต้โสร่งออกอาละวาดทำการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนตอนทีเผลอ

          ทุกวันนี้ราคายางตกต่ำชาวบ้านเดือดร้อนยังไม่พอ กลับมาถูกซ้ำเติมจากโจรสวนยางที่มีจิตใจต่ำช้า ที่มีพฤติกรรบลอบกัดอีก ผสมโรงกับองค์กรอีแอบทางการเมืองเพื่อสันติภาพปาตานีอย่าง PerMAS ที่ยังคงเคลื่อนไหวต้องการยกระดับความรุนแรงในพื้นที่ให้กลายเป็นคู่สงคราม ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ จชต. เป็นพื้นที่มีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ (Armed conflict) ทั้งที่ปัญหา จชต. ไม่ได้ขัดกันด้วยอาวุธ (Armed conflict) ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่มีกลุ่มใดรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น, ผู้ก่อเหตุปฏิบัติในทางลับไม่เปิดเผย, ไม่มีหลักฐานว่ามีการบังคับบัญชาทางทหาร, ไม่มีพื้นที่ใดถูกควบคุมโดยกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด และเหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรรมทั่วไป กลุ่ม PerMAS ยังคงเดินหน้าสร้างวาทกรรม คู่สงคราม เหยื่อสงคราม พลเรือน อุปโลกน์คำว่า ปาตานี รัฐที่ไร้ตัวตนขึ้นมาเคยถูกสยามรุกรานและยึดครอง ฉกฉวยความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์ มาเป็นผลประโยชน์ขององค์กร พยายามสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศเพื่อให้เข้ามาแทรกแซงประเทศไทย ปลุกระดมเพื่อไปสู่การกำหนดใจตนเอง ลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย จึงไม่แปลกที่พื้นที่ 3 จชต. เป็นพื้นที่อ่อนไหวเกิดอะไรขึ้นนิดหน่อย ก็จะถูกหยิบฉวยให้กลายเป็นการละเมิดสิทธิ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อเป็นข้อมูลให้นักสิทธิที่มีการจัดตั้งทำการเก็บข้อมูล เขียนรายงานเท็จ ทำกันเป็นขบวนการจริงๆ นี่แหละคือสันดานขององค์กรที่เป็นปีกการเมืองขบวนการ  
*****************

7/06/2561

ราคายางพาราตกต่ำ.. โจรใต้กลับซ้ำเติมด้วยกับระเบิด


Ibrahim


          ชาวสวนยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างต่อเนื่องซึ่งราคาขายอยู่ที่ 3 กิโลกรัม 100 บาท ยังซื้อเนื้อหมูได้ไม่ถึงกิโล ถึงแม้วันนี้ราคาจะปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 40 บาทต้นๆ ต่อกิโลกรัมก็ตามที แต่เมื่อบวกลบคูณหารราคาต้นทุนในการผลิตยังไม่คุ้มทุน จะต้องก้มหน้าแบกรับภาระจำใจกรีดยางเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ

          ในขณะที่ชาวสวนยางพาราบางส่วนได้ตัดโค่นทิ้ง เพื่อหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่ยังมีชาวสวนยางพาราอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนและยังคงหวังว่าสักวันราคายางพาราอาจจะดีขึ้นดั่งเช่นในอดีตที่ราคาพุ่งสูง 100 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เช่นเดียวกันอาชีพส่วนใหญ่ต่างทำสวนยางพาราและได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนไม่ต่างกับพื้นที่อื่นๆ แต่ที่แตกต่างหนำซ้ำเดือดร้อนสาหัสกว่าเมื่อมีกลุ่มโจรใต้ได้ซ้ำเติมปัญหาด้วยการใช้กับระเบิดวางไว้ในสวนยางเพื่อทำร้าย ทำลายชีวิตชาวสวนยางถึง 5 ครั้ง ภายในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

          จากการปฏิบัติการดังกล่าวของกลุ่มโจรใต้ มุ่งเป้าสังหารไปยังกลุ่มชาวไทยพุทธ ซึ่ง 5 ราย ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส แข้งขาขาดต้องพิกลพิการ ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยกับปัญหาความขัดแย้งแต่ต้องมารับชะตากรรมแทน

          ที่ผ่านมาทั่วโลกต่างออกมาต่อต้านการใช้กับระเบิดในพื้นที่สงคราม หรือพื้นที่ขัดแย้งทางอาวุธเนื่องจากความรุนแรงของกับระเบิดส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์รวมถึงเด็กๆ ผู้สูงอายุ ผู้หญิง ต้องเสียชีวิตหรือกลายเป็นผู้พิการ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยถึงแม้ไม่เข้าข่ายเป็นพื้นที่สงคราม หรือพื้นที่ขัดแย้งทางอาวุธก็ตามที แต่โจรใต้กลับใช้กับระเบิดต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง




          การก่อเหตุของกลุ่มโจรใต้เริ่มต้นลงมือ เมื่อ 28 มิ.ย.ในสวนยาง ต.ตาชี อ.ยะหา, เมื่อ 30 มิ.ย.ในสวนยาง ต.ลำพะยา อ.เมือง, เมื่อ 2 ก.ค.ในสวนยาง ต.สะเอะ อ.กรงปินัง, เมื่อ 4 ก.ค.ในสวนยาง ต.ตาเน๊าะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา และล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 5 ก.ค.ในสวนยาง ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งหากวิเคราะห์ในการก่อเหตุของกลุ่มโจรใต้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งเป้าหมายที่ก่อเหตุเป็นพื้นที่ของชาวไทยพุทธทั้งหมด

          การกระทำดังกล่าวของกลุ่มโจรใต้ต้องการสร้างสถานการณ์ สร้างความหวาดกลัวต่อชาวไทยพุทธให้ละทิ้งถิ่นฐานย้ายออกไปตั้งหลักแหล่งยังที่อื่น อีกทั้งต้องการดิสเครดิตอำนาจรัฐ แสดงศักยภาพในการก่อเหตุและแสดงความมีตัวตนของขบวนการว่าสามารถทำการก่อเหตุสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเพื่อใช้เป็นอำนาจการต่อรองในเวทีการพูดคุยสันติสุขที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินอยู่กับกลุ่มผู้คิดต่างโดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

          ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่อาจละเลย ข้อมูลจากแหล่งข่าวเชิงลึกได้ให้ข้อมูลว่า เป็นลีลาเดิมๆ ของ BRN ในการวางกับระเบิดในสวนยาง มุ่งเป้าทำร้ายชาวไทยพุทธผู้บริสุทธิ์ แล้วก็จะเริ่มทำร้ายพี่น้องมุสลิมที่ใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากนั้นจะมีการโฆษณาชวนเชื่อปล่อยข่าวลือว่า ถูกพวกซีแยตอบโต้ ล้างแค้น ความต้องการและความมุ่งหวังจริงๆ ของกลุ่มโจรใต้ คือ ต้องการให้ชาวไทยพุทธลุกฮือขึ้นมาตอบโต้ เพราะรอบนี้ได้วางแผนเตรียมการ โดยใช้กลุ่มนักศึกษามุสลิมที่ศึกษาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทำการเก็บข้อมูลเพื่อร้องเรียนไปยัง UN และ องค์กรระหว่างประเทศ หากเรารู้เท่าทันจงอย่าวู่วามกระทำการใดๆ นำมาซึ่งความขัดแย้งทางศาสนา จะทำอะไร? ก็อย่าเสียรู้กลุ่มโจรใต้เล่ห์เหลี่ยมจัด จะต้องบังคับใช้กฎหมายเท่านั้นเพื่อติดตามนำตัวคนผิดมาลงโทษ

          ส่วนการกระทำของโจรใต้ไร้ศาสนากับการฝังกับระเบิดในสวนยางพารา จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บและพิการ ไม่ใช่เป็นเรื่องแค่ควรถูกประณามเท่านั้น แต่ทุกภาคส่วนจะต้องโดดเดี่ยวต่อพฤติกรรมที่สุดโต่งของกลุ่มโจรใต้ ไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ กลุ่ม NGOs ไม่ใช่มาเรียกร้องให้รัฐทำการตรวจสอบพื้นที่ที่อาจมีการฝังกับระเบิดที่กล่าวอ้างเพื่อรักษาชีวิตและความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ ตามสัตยาบันอนุสัญญาต้านกับระเบิด (Mine Ban Treaty) ของสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2541 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2542 แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น กลุ่ม NGOs จะต้องทำการประณามกลุ่มโจรใต้ซึ่งเป็นต้นเหตุ และเรียกร้องให้กลุ่มที่ทำการก่อเหตุยุติการกระทำดังกล่าวเสีย แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก อย่ามาซ้ำเติมประชาชนด้วยการวางกับระเบิดในสวน ขณะที่ราคายางพาราตกต่ำอีกเลย.. แค่ราคายางพาราไม่มีราคาก็ทุกข์ใจเต็มกลืน แล้วจะซ้ำเติมกันไปถึงไหน!!!!       
*****************