หน้าเว็บ

10/27/2561

ใคร? อยู่เบื้องหลังการออกแถลงการณ์ กดดันทหารพรานอนาจารเด็กนักเรียน



"แบมะ ฟาตอนี"

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 สภาชุมชนบ้านค่าย นัดรวมตัวกันที่โรงเรียนบ้านค่าย ต.ปูโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อกดดันและออกแถลงการณ์เรียกร้องต่อกรณีทหารพรานอนาจารเด็กนักเรียนในชุมชน ซึ่งในการรวมตัวกันในครั้งนี้มี นายอายุบ เจ๊ะนะ รักษาการประธานเครือข่ายภาคประชาสังคม     เพื่อสันติภาพ (คปส.) น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ และนายฮาซัน ยามาดีบุ ประธานกลุ่มบุหงารายา เป็นแกนนำ อีกทั้งยังมี นายอารีฟีน โสะ แกนนำกลุ่มศึกษาชุมชนและทรัพยากรปาตานี (Patani Resources)/แกนนำเครือข่ายตือโละปาตานี/อดีตประธานกลุ่ม PerMAS นายปรัชญเกียรติ วาโร๊ะ นักจัดรายการวิทยุ และ 3) นายอิสมาแอ เต๊ะ ประธานองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปัตตานี (HAP) เข้าร่วมด้วย

การนัดรวมตัวกันในครั้งนี้เพื่อกดดันให้มีการตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าของคดี กรณีทหารพรานอนาจารนักเรียน โรงเรียนบ้านค่าย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยมี น.ส.อัญชนา หีมมิหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ เป็นแกนนำในการอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องของประชาชนที่มาชุมนุม    

โดยประชาชนในพื้นที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่หมู่บ้าน โรงเรียน และสวนยางพาราโดยเร็ว และต้องการหลักประกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก

นอกจากนี้ตัวแทนสภาชุมชนบ้านค่ายอ่านแถลงการณ์ เรื่อง “กรณีทหารพรานล่วงละเมิดศักดิ์ศรีเด็กหญิงในชุมชน” ต้องการให้รัฐแสดงความรับผิดชอบและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด รวมถึงจะต้องเยียวยาเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงคำขอโทษอย่างเป็นทางการต่อประชาชนในหมู่บ้าน ต้องการให้มีการลดเงื่อนไขที่จะละเมิดชีวิต ศักดิ์ศรีของพลเรือน การอนาจาร การข่มขู่คุกคาม การลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และขอให้ถอนเจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่บ้านค่ายโดยทันที


การเคลื่อนไหว รวมตัวอ่านแถลงการณ์ กรณีทหารพรานละเมิดศักดิ์ศรีเด็กหญิงในชุมชนในครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการเรียกร้องทั่วๆ ไป และเรื่องน่าจะจบตั้งแต่วันที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งปลดอาสาสมัครทหารพรานคนดังกล่าว ออกจากราชการ แต่เรื่องดังกล่าวเหมือนจะยังไม่จบง่ายๆ จากการโพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ก่อนหน้านี้ว่า  เจ้าหน้าที่ทหารพรานข่มขืนเด็กหญิง 12 ขวบ มีการแชร์ต่อและทำการโฆษณาชวนเชื่อจนกระทั่งสังคมสับสนและเชื่อว่าเด็กหญิงถูกข่มขืนจริง โดยเด็กและครอบครัวเป็นเหยื่อในโลกออนไลน์ ได้รับความเสื่อมเสีย อับอาย บอบช้ำจากการกระทำนี้  แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าเป็นเพียงการอนาจาร  กลับมีกลุ่มบุคคลเดินหน้าเรียกร้องออกแถลงการณ์ มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งในการรวมตัวกันชุมนุมในครั้งนี้มี เพื่อนเก่า ขาเดิมของเราเป็นแกนนำเคลื่อนไหว ซึ่งแต่ละคน ที่มีเกียรติประวัติเช่นไร ในอดีตที่ผ่านมา เรามาดูกัน


หนึ่งในนั้นถูก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับเพื่อนนักสิทธิมนุษยชนอีก 2 คน เมื่อ กุมภาพันธ์ 2559  ในข้อหาหมิ่นประมาทและนำข้อความอันเป็นเท็จ เผยแพร่ทางคอมพิวเตอร์ จากการจัดทำและเผยแพร่รายงาน การทรมานโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

หนึ่งในนั้น เป็นพี่ชาย สมาชิกแนวร่วมอาร์เคเค ที่ร่วมก่อเหตุยิง  แล้วเผา ส.อ.จักรพงษ์   โพนเงิน อายุ 37 ปี และ อส.ธวัชชัย มณีแสง อายุ 31 ปี สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4404  กรมทหารพรานที่ 44  เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.50

หนึ่งในนั้น มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการเป็นครูฝากในหลักสูตร จรยุทธ์ขนาดเล็ก (RKK) และ มีหมายจับ ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.405/2557 ลง 19 พ.ย.57

หนึ่งในนั้น ปัจจุบัน เป็นบรรณธิการให้กับ ปาตานีฟอรั่ม เคยร่วมกิจกรรมกับกลุ่มนักกิจกรรม  นักเคลื่อนไหว นักเรียกร้องสิทธิ ในพื้นที่ จชต. มาโดยตลอด   ระยะหลัง ถูกกีดกัน ถูกดูแคลน ถูกแบ่งแยก จากสมาชิกกลุ่มองค์กรที่มีแนวคิดสุดโต้ง ทั้งที่ตัวเองทำงานให้อย่างถวายหัวมาโดยตลอด เพราะไม่สามารถพูดภาษายาวีถิ่นได้   ไม่นับว่าเป็นชาวปาตานี สร้างความไม่พอใจกับตัวเขาอย่างมาก

หนึ่งในนั้น พบว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุม กรณีละเมิดกฎหมายชุมนุมฯ  ซึ่งในขณะที่ถูกจับยังเป็นนักศึกษาอยู่และในเวลาต่อมาได้รับการปล่อยตัว ได้ทำการฟ้องร้องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าควบคุมตัวเกินกำหนดเวลา 7 วัน หนึ่งในนั้น เป็นนักเคลื่อนไหวกับกลุ่ม NGOs ทั้ง ในและต่างประเทศ 

จะเห็นได้ว่า การรวมตัวของกลุ่มเคลื่อนไหวที่บ้านค่ายในครั้งนี้  เป็นการจัดฉากของเพื่อนเก่า ขาเดิม ซึ่งเป็นคนต่างพื้นที่ เสนอหน้าเพื่อต้องการสร้างผลงาน ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ  แสดงละครตบตาประชาชน เพื่อได้รับผลประโยชน์ส่วนตนจากบางองค์กร   นี่คือความกระตือรือร้นขององค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนโน้นคนนี้ ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ความชอบธรรม ใครจะได้รับผลกระทบ ใครจะเดือดร้อนแค่ไหนไม่เคยสนใจ จนสังคมเริ่มเอือมระอา ถ้าเรายังปล่อยให้กลุ่มคนพวกนี้ มาค่อยปลุกปั่น ขัดขวางการสร้างสันติสุข พยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำให้ประชาชนเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องราวต่างๆ ก็จะถูกนำมาเป็นเครื่องมือของพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงผู้ใด


--------------------             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น