หน้าเว็บ

11/26/2562

"นักการเมือง" กับพฤติกรรมที่ชัดเจน ในการสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงภาคใต้..

เมื่อก่อนนั้นชาวบ้านในชายแดนใต้ทุกเชื้อชาติศาสนา อยู่ด้วยกันด้วยความรักความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้จะแตกต่างแต่ก็ไม่เคยมีความแตกแยก.. ต่อมาในยุคที่สิ้นสุดการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยการยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ ออกจากป่าสู่เมืองกลับเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามนโยบายของรัฐบาลในสมัยนั้น..คนจากพรรคคอมมิวนิสต์หลายคนได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว..
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา มีความพยายามในการสร้างเสียหายแก่ประเทศไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะความพยายามสร้างความแตกแยกในด้านเชื้อชาติศาสนา.. เพราะครั้งหนึ่งในวันที่นักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญนั้น ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงระเบียบวิธีปฏิบัติในระบบราชการมากมายหลายประการ..รวมถึงการเปิดโอกาสให้มีการก่อตั้งโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ปอเนาะ) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐตามจำนวนนักเรียน (เป็นเงินอุดหนุนรายหัวต่อหัวต่อคนเป็นรายปี) และอื่นๆ ที่ยังคงดำเนินการมาจนถึงวันนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันในสร้างโรงเรียนปอเนาะขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างมากมายเรื่อยมาจนถึงวันนี้...
โดยมีความพยายามสร้างความเป็นตัวตนให้เป็นคนมลายูให้เป็นคนมุสลิม ด้วยการกำหนดให้มีการแต่งกายในโรงเรียนในรูปแบบของเครื่องแบบในสถานศึกษาเด็กผู้ชายต้องใส่หมวกกาปีเยาะ เด็กผู้หญิงต้องคลุมผ้าฮิญาบ ตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งที่ผ่านมาในอดีตนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นมาและแสดงออกด้วยความสมัครใจโดยทั่วไปมักเริ่มปฏิบัติกันเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว.. แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว..
นักการเมืองเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีอำนาจอยู่ในรัฐบาลในสมัยนั้น และดำเนินการประสบความสำเร็จจนทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงวันนี้..เมื่อไม่นานมานี้ คนกลุ่มนี้ ก็แสดงบทบาทมีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงสามารถแบ่งแยกรูปแบบการปกครองจากรัฐชาติรัฐเดียว ให้กลายเป็นหลายรัฐได้ ด้วยมุ่งหวังที่จะกลับมามีอำนาจในการปกครองพื้นที่ในฐานะเจ้าผู้ครองนครในอดีตที่มันหมดสิ้นจากแผ่นดินไทยไปหลายร้อยปีแล้ว..
ข่าวล่าสุดกับความพยายามในการต่อต้านคัดค้านการลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ ในระบบยืนยันตัวตน ที่ได้ดำเนินการในพื้นที่ชายแดนใต้.. ซึ่งคนทั่วไปใครๆ ก็รู้ว่าการก่อเหตุร้ายรายวัน ด้วยการลอบวางระเบิดทำร้ายผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์ในการก่อเหตุและสั่งการ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงฯ ได้พยายามหาวิธีการอุดช่องว่างช่องโหว่ต่างๆ จนนำมาสู่ความร่วมมือกับ กสทช. ในการลงทะเบียนซิมฯ ดังกล่าว.. แต่สุดท้ายแล้ว.. ตัวตน.. ของคนที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชน.. ก็ยังคงมีความพยายามต่อต้านคัดค้านการดำเนินการต่างๆ ของภาครัฐ..สังคมช่วยดูกันเอาเองเถอะ.. ว่านี่คืออะไร.. สนับสนุนและอยู่ข้างกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในภาคใต้..ชัดเจนแบบนี้.. ประชาชนคนบริสุทธิ์อย่างเราท่านจะยอมกันได้หรือกับพฤติกรรมของนักการเมืองเหล่านี้..
...............................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น