เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ดังนั้น การปลูกฝังความคิดความเชื่อให้กับเด็กในวันนี้ ย่อมจะส่งผลให้เด็กในวันนี้ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพของชาติบ้านเมืองและสังคมได้ คนเราจะดีหรือไม่ดีนั้น โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู การอบรมบ่มนิสัย การปลูกฝังความคิดความเชื่อ และอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและเป็นตัวกำหนดทิศทางในการดำเนินชีวิตให้กับเด็กแต่ละคนว่าจะเป็นไปในแนวทางใดแทบทั้งสิ้น
ปี พ.ศ.2535 มีการรวมตัวของกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้และในประเทศมาเลเซีย เพื่อทำงานร่วมกันตามแนวทางการปฏิวัติฯ ทฤษฎีบันได 7 ขั้น (มะแซ อุเซ็ง) โดยได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นห้วงของการจัดตั้งและดำเนินงาน เพื่อสร้างความพร้อมของคน องค์กร และอุดมการณ์ (มี 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การสร้างจิตสำนึกมวลชน , ขั้นที่ 2 การจัดตั้งมวลชน , ขั้นที่ 3 การจัดตั้งองค์กร , ขั้นที่ 4 การจัดตั้งกองกำลัง , ขั้นที่ 5 การสร้างอุดมการณ์ชาตินิยม) และส่วนที่ 2 เป็นขั้นการปฏิวัติ เพื่อความสำเร็จของการกู้ชาติปัตตานี (มี 2 ขั้น คือ ขั้นที่ 6 การเตรียมพร้อมปฏิวัติ และขั้นที่ 7 การจัดตั้งการปฏิวัติ หรือก่อการปฏิวัติ) เพื่อให้เกิดเป็นสงครามประชาชนขึ้นในพื้นที่..
นับจากปี พ.ศ.2535 มาถึงวันนี้ พ.ศ.2563 เป็นเวลา เกือบ 30 ปีแล้ว ที่แนวคิดเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดปลูกฝังให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ผ่านอุสตาสหรือครูสอนศาสนาบางคนบางกลุ่ม ทั้งในโรงเรียนตาดีกาและปอเนาะบางแห่ง จนเกิดเป็นผลผลิตคนรุ่นใหม่ในวันนี้ หลายกลุ่ม หลายพวกที่ได้ออกมาเคลื่อนไหวรวมตัวกันต่อต้านขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ สร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดความเกลียดชัดระหว่างคนที่ในพื้นที่ที่มีความเชื่อถือศรัทธาตามหลักศาสนาที่แตกต่าง ด้วยการสร้างเรื่องราวความเป็นเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ที่ต่างกัน เพื่อให้เกิดการแบ่งแยกโดยใช้ความเป็นพวกเป็นกลุ่ม รวมถึงมีการบิดเบือนหลักศาสนาอิสลาม เช่น มุสลิมสามารถเข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้คนต่างศาสนาได้ หรือแม้แต่คนมุสลิมด้วยกันก็ยังฆ่าได้ ถ้าคนนั้นไปให้การช่วยเหลือสนับสนุนคนต่างศาสนาแม้ว่าคนนั้นจะเป็นพ่อแม่ของตัวเองก็ตาม อะไรเหล่านี้เป็นต้น
แม้ว่าวันนี้ ทุกภาคส่วนจะเห็นความสำคัญของปัญหาดังที่กล่าวมาแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงในการที่จะเข้าไปสอดส่องดูแลพฤติกรรมของอุสตาสหรือครูสอนศาสนา ให้ได้ครบทุกคนทุกสถานศึกษา ทั้งตาดีกาและปอเนาะ นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบาก เกินกว่าหน่วยงานปกติจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทำให้การปลูกฝังความคิดความเชื่อที่ผิดเพี้ยนต่างๆ จากอุสตาสหรือครูสอนศาสนาบางคนบางกลุ่ม จึงยังคงมีอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่อแผ่นดิน เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน จึงเป็นคำตอบว่า.. ทำไม่ทหารจึงต้องเข้าไปชี้แจงแนะนำความเป็นจริงสิ่งที่ถูกต้องในสถานศึกษาทั้งตาดีกาและปอเนาะ รวมถึงสถานศึกษาอื่นในระบบการศึกษาของไทย ซึ่งทหารตำรวจได้เข้าจัดกิจกรรมเพื่อความรักความสามัคคีสร้างระเบียบวินัยและให้ความรู้นอกเหนือจากหลักสูตร ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย จึงทำให้การปลูกฝังที่ผิดเพี้ยนที่ได้ดำเนินการกันมาของกลุ่มคนที่มีแนวคิดในการสร้างความสับสนวุ่นวาย สร้างความแตกแยกตามแนวคิดของมะแซฯ ในพื้นที่ชายแดนใต้ ต้องประสบปัญหาไม่สามารถปลุกระดมบ่มเพาะได้อย่างเสรีเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา.. คนกลุ่มนี้จึงได้เรียกร้อง โจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ต่างๆ นาๆ ว่าเข้าไปวุ่นวายบ้างล่ะ เข้าไปข่มขู่กดดันบ้างล่ะ สารพัดที่จะตีไข่ใส่ไฟให้ร้ายกับเจ้าหน้าที่..
แท้ที่จริงแล้ว.. คนกลุ่มนี้ ต้องการกลับเข้าไปปลุกระดม ปลูกฝังความคิดความเชื่อ ให้เกิดการแบ่งแยกโดยใช้ความแตกต่างทางด้านศาสนาและชาติพันธุ์ตามที่เขากล่าวอ้างสร้างเรื่องราวขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงแล้ว บนแผ่นดินไทยนี้ พี่น้องทุกคนล้วนมีความแตกต่าง ทั้งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ภาษา และความเชื่อถือศรัทธา อย่างหลากหลายในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย แต่ทุกคนที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ก็ล้วนแต่เป็นคนไทยเหมือนกัน.. ดังนั้นการปลูกฝังความคิดความเชื่อที่ถูกต้องให้กับเด็กในวันนี้จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เด็กในวันนี้ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นพลเมืองที่ดีมีคุณภาพของชาติบ้านเมือง และสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุขต่อไป..
...............................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น