หน้าเว็บ

4/17/2557

บทเรียนที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี


                                                                               โดย....บินหลา  ปัตตานี
  
         เมื่อ 28 เม.ย.47   เวลาประมาณ 05.10 น.  กลุ่มคนร้ายประมาณ 40 คน  ได้ใช้อาวุธมีด และปืนบุกเข้าโจมตีจุดตรวจกรือเซะ ในขั้นต้นทำให้ จนท.ตำรวจ เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บ 3 คน  หลังจากการโจมตีได้วางเพลิงเผาทรัพย์สินที่จุดตรวจ และยึดปืนไปด้วย จำนวน 6 กระบอก ต่อมา จนท.ตำรวจ และทหารได้เข้ามาช่วยเหลือ คนร้ายได้ล่าถอยเข้าไปในมัสยิดกรือเซะ ใช้เป็นที่กำบังในการยิงต่อสู้กับ จนท. ทำให้ จนท.เสียชีวิตอีก 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สุดท้าย จนท. ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเข้าทำการกวาดล้าง เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น. ทำให้คนร้ายเสียชีวิตทั้งหมด
            

เมื่อย้อนรอยเหตุการณ์จะเห็นว่ากลุ่มคนร้ายได้มีการเตรียมการมาก่อนโดยวันที่ 27 เม.ย.47  เวลา 15.00 น. ได้นำอาวุธ และอุปกรณ์มาเก็บซ่อนไว้ในมัสยิดกรือเซะ โดยอำพรางแต่งกายเป็นชุดดาวะห์ และใช้มัสยิดกรือเซะเป็นที่พักคอยเวลาปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาได้เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีดำ กางเกงสีดำ หรือสีทึบ และกางเกง ลายพรางแบบทหาร โพกผ้า เซอร์แบ บางคนผูกผ้าแดง ที่ศีรษะ  จากการตรวจสอบภายหลัง ประกอบกับผลการซักถาม ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทราบว่าผู้ก่อเหตุมีการเสพยาเสพติดประเภทกล่อมประสาท ทำให้เกิดความกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวความตาย

          
 พฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่านับรบฟาตอนี  โดยอ้างว่า ต่อสู้เพื่อศาสนาอิสลาม แต่ใช้มัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบศาสนกิจทางศาสนา เป็นที่ซ่องสุมกำลังและอาวุธ เพื่อสังหารผู้คน ซึ่งไม่ใช่คำสอนหรือประสงค์ขององค์อัลเลาะห์ให้บ่าวของท่านใช้มัสยิดในการทำความชั่ว เข่นฆ่าผู้คน  ในอั้ลหุญุร๊อต ๑๓  กล่าวว่า “มนุษย์เอ๋ย เราได้สร้างพวกเจ้าจากชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง และเราได้ทำให้พวกเจ้าแบ่งออกเป็นชาติพันธุ์ พวกเจ้าจะได้ทำความรู้จักกัน และแท้จริงผู้มีเกียรติยิ่ง ณ อัลลอฮ์ คือ ผู้มีคุณธรรมที่สุดของพวกเจ้า แท้จริง อัลลอฮ์ รอบรู้ยิ่ง อีกทั้งตระหนักยิ่ง” และ   ในอัลอาม 108  กล่าวว่า     “ พวกเจ้าอย่าบริภาษบุคคลที่นับถือศาสนาอื่นจากอัลเลาะห์ อันเป็นเหตุให้เขาบริภาษอัลลอฮ์ เป็นการสร้างศัตรู โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์”จากคำสอนของอัลลอฮ์ไม่ได้กำหนดให้ฆ่าคนแม้แต่คนที่นับถือต่างศาสนาก็ตามแต่คนกลุ่มนี้ ละเมิดศาสนาโดยแอบอ้างว่าทำเพื่อศาสนาคนกลุ่มนี้เป็นผู้สร้างมลทินให้กับศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ผู้นับถือ แต่เป็นผู้ทำลายโดยแท้

            น่าอนาถและเศร้าใจที่กลุ่มขบวนการ BRN ใช้ชีวิตของคนมุสลิมด้วยกันเป็นเครื่องสังเวยความต้องการและผลประโยชน์ของกลุ่มตน โดยปลุกระดมด้วยการบิดเบือนหลักศาสนา และหลอกให้เสพยาเสพติดที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาท และสร้างความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า จนท.จะไม่เห็นตัว อยู่ยงคงกะพันโดยผูกยันผ้ายันต์สีแดงที่หัวเข้าโจมตี จนท. นี่หรือ คือหนทางของ BRN  ที่ปวารณาตนว่าทำเพื่อคนมุสลิม
           
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียใจกับทุกฝ่าย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่ากลุ่มคนร้ายจะเป็น ผู้ริเริ่มก่อเหตุก่อนก็ตาม จนท.รัฐไม่ได้ละเลย ได้ให้การช่วยเหลือเยียวยา ครอบครัวผู้เสียชีวิตกรณีเหตุการณ์ที่กรือเซะจำนวน 34 รายๆละ 4,000,000 บาท และประชาชน เสียชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจนท.จำนวน 54 รายๆ ละ 500,000 บาทตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 24 เม.ย.55 หลังจากนั้นได้ออกเยี่ยมครอบครัว ผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง 


            เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอดีตไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ ควรที่จะร่วมกันก้าวข้ามไป ถ้ายึดติดกับเหตุการณ์และความแค้น จะไม่มีวันสิ้นสุด จะเป็นเยี่ยงนี้ตราบชั่วลูก ชั่วหลาน ก็จะพบกับความทุกข์ ความสงบสุขจะไม่เกิดขึ้น แต่จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ถ้าเรานำมาเป็นอุทาหรณ์ และบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะอย่างนี้อีกในอนาคต


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น