หน้าเว็บ

5/31/2560

“I AM PATTANI”

"Ruslan"

ย้อนรอยไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ชาวบ้านหลายร้อยคนเดินทางมารวมตัวชุมนุมที่บริเวณมัสยิดกลาง จ.ปัตตานี เพื่อเรียกร้องให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่รัฐออกจากพื้นที่
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.ปัตตานี สมัยนั้นได้ออกประกาศแจ้งว่า กลุ่มแนวร่วมมุสลิมหัวรุนแรงได้ชักชวน หลอกลวงประชาชนโดยเฉพาะสตรีมุสลิมให้มาร่วมงานแต่งงานหรือให้มาเที่ยว ในตัวเมืองปัตตานี และได้แจ้งว่าเป็นการหลอกลวงเพื่อไปร่วมรวมตัวชุมนุมประท้วงขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐบริเวณหน้ามัสยิดกลาง จ.ปัตตานี
การหลอกลวงประชาชนให้เดินทางเข้าร่วมเพื่อใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง อาจจะเป็นความไม่รู้เท่าทัน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่!!! กลุ่มแกนนำที่อยู่เบื้องหลังได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อหลอกลวงประชาชนมาทำการขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้กระทั่งการกดดันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เมื่อเอ่ยชื่อ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้(3 จชต.)  คิดว่าท่านผู้อ่านคงจะคุ้นชินและรู้จักกันเป็นอย่างดี จากการติดตามข่าวสารในการนำเสนอของสื่อมวลชนต่อสถานการณ์ความไม่สงบอันเนื่องมาจากการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน..ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง..โดยอ้างหลักการของศาสนา แล้วกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่เว้นแต่ละวันนับสิบกว่าปีที่ผ่านมา....
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดินแดนที่มีความหลากหลายของการอยู่ร่วมของคนหลากหลาย   เชื้อชาติ ศาสนา และประเพณีวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นที่ควรค่าแก่การศึกษาและดำรงไว้อยู่คู่กับชุมชน สังคมแห่งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาผู้คนต่างอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่มีการปิดกั้นแยกเขาแยกเรา มีการเดินทางไปมาหาสู่ฉันท์ญาติพี่น้อง ช่วยเหลือซึ่งกัน แม้จะแตกต่าง แต่ไม่แตกแยกสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่สวยงาม
ตั้งแต่ฉันยังเด็กและยังเล็กอยู่ ฉันยังจำความได้ซึ่งคำที่ติดหูฉันในการเรียกชื่อจังหวัดในพื้นที่ชายแดนใต้ที่มีความคุ้นชินมาแต่ไหนแต่ไร จังหวัดยะลา จะเรียกกันว่า ยาลอความทรงจำในสิ่งที่ดีๆ ของจังหวัดนี้คือความภาคภูมิใจที่ จังหวัดยะลา ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดความสะอาดถึง 3 ปีซ้อน อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีการจัดวางผังเมืองแบบใยแมงมุมที่สวยที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย..
ส่วน จังหวัดปัตตานี ผู้คนในสามจังหวัดชายแดนใต้จะเรียกสั้นๆ ว่า ตานี ความสำคัญของจังหวัดนี้มีสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม ศาสนสถาน หรือแม้กระทั่งสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่อาศัย เช่น วัดช้างให้ มัสยิดกรือเซะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เมืองโบราณยะรัง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ไม่ได้เป็นสังคมเชิงเดี่ยวแต่เป็นการอยู่ร่วมของพี่น้องชาวไทยพุทธ อิสลาม และชาวไทยเชื้อสายจีนที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่อดีต
จังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458 ส่วนชื่อเดิมของจังหวัดนี้ที่คนดั้งเดิมใช้เรียกขานคือ  มนารา หรือ มนารอ ซึ่งมีความหมายว่า หอคอย ซึ่งได้กลายมาจากคำว่า กูวาลา มนารา ที่มีความหมายว่า กระโจมไฟหรือ หอคอยที่ปากน้ำส่วนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธจะเรียกว่า บางนรา หรือ บางนาค
จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานีในปัจจุบัน หรือ ยาลอ-มนารอ-ตานี ที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้าน แต่ไม่น่าเชื่อว่าห้วงสี่ปีที่ผ่านมาได้มีปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม PerMAS” ได้มีเคลื่อนไหวอย่างมีนัยทางการเมืองด้วยการคิดค้นวาทกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้เรียกชื่อจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานีเสียใหม่ เพื่อปลุกกระแสความรู้สึกร่วมของผู้คนในพื้นที่ อีกทั้งหวังผลในเชิง สังคมจิตวิทยา
ปีกการเมืองกลุ่มขบวนการนำวาทกรรมมาสร้างความคุ้นชิน ด้วยการใช้เรียกชื่อกลุ่มของตนเอง ตั้งชื่อกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม สื่อเว็บไซต์ออนไลน์ สถานีวิทยุกระจายเสียง การจัดเวทีเสวนาต่างๆ ไม่เม้นแม้กระทั่งกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่เดินหน้าพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทยยังนำวาทกรรมดังกล่าวไปสอดแทรกชื่อกลุ่มของตนเอง
จังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลายพื้นที่มีความเจริญ เป็นเมืองที่น่าอยู่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมีความสำคัญในฐานะหัวเมืองเศรษฐกิจ เมืองหน้าด่านที่ติดกับประเทศเพื่อบ้าน อีกทั้งยังเป็นเมืองรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เช่น อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หรือบางพื้นที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาแต่ครั้งในอดีตเป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญ เช่น อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นที่ตั้งของ วังยะหริ่ง ผู้คนในอำเภอเหล่านี้และอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ยังคงมีความภาคภูมิใจกับการเป็น คนเบตง เป็น คนโก-ลก และเป็น คน ยะหริ่ง ไม่ได้ต้องการเรียกขานตนเองตามที่คนบางกลุ่มพยายามสร้าง วาทกรรม แต่อย่างใดเลย
พี่น้องของฉันเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง เมื่อมีใครถามมาจากไหน? ก็ยังคงมีการบอกกล่าวและตอบกลับไปว่ามาจาก จังหวัดปัตตานี ยะลา หรือนราธิวาส ไม่มีใคร? ที่ไหนเห็นดีเห็นงามกับความคิดของคนแค่บางกลุ่มด้วยการนำวาทกรรมที่ทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม สร้างความแตกแยกในสังคม...
ยาลอ-มนารอ-ตานี บ้านฉัน!! บ้านที่ฉันอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษปู่ย่าตายาย บ้านที่ฉันอยู่อาศัยอย่างมีความสุขภายใต้ความหลากหลาย สังคมพหุวัฒนธรรม หากมีใคร? ใช้วาทกรรมมาเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือผลประโยชน์กลุ่มตน ฉันยอมรับไม่ได้กับคนกลุ่มนั้น..หากยังดื้อรั้นยัดเยียด วาทกรรมดังกล่าวมาให้ฉันและพี่น้องของฉันอีก.....เห็นควร ปา.....ทิ้งไปให้ไกลๆ จากแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้...

----------------------------

5/20/2560

คาร์บอมบ์บิ๊กซี หวังแค่สังหารหมู่ เพื่อผลประโยชน์ที่ไร้อุดมการณ์

"RUSLAN"


ย้อนเวลาไปก่อนเกิดความไม่สงบในพื้นที่ จชต.ในปี 47 คนในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด มีประเพณีวัฒนธรรมที่เท่าเทียมกัน และมีการอยู่ร่วมกันอย่างแนบแน่นไม่แบ่งแยกหรือกีดกันทางศาสนา แต่พอหลังจากเหตุการณ์เมื่อปี 47  ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มาโดยต่อเนื่อง ทำลายชีวิต ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม BRN ได้ก่อเหตุโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มีอุดมการณ์ที่ผิดๆ เพื่อต้องการสร้างความแตกแยกของคนในพื้นที่ และกระทำเพื่อ “ประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง” เป็นหลัก
หากย้อนมองพฤติกรรมที่ผ่านมาของกลุ่มผลประโยชน์ BRN คงบอกได้คำเดียวอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า การกระทำขององค์กรนี้เป็นการกระทำที่ สุดโต่งและยังห่างไกลกับคำว่า "ทำเพื่อพี่น้องประชาชน" เป็นอย่างมาก  หรือแทบจะตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว  ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มตน การสร้างความเดือดร้อนด้วยการขัดขวางการพัฒนาท้องถิ่น  เช่นการเผาโรงเรียน  เผาป้ายบอกทาง  เผาอาคารบ้านเรือนร้านค้าของประชาชน เผาทำลายเสาไฟฟ้า เสาสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแทบทั้งสิ้น
อย่างเหตุการณ์ล่าสุดคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 61 คน และมีเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รวมอยู่ด้วยถึง 8 คน เป็นการวางแผนสังหารหมู่พี่น้องประชาชนที่โหดเหี้ยมและไร้อุดมการณ์สิ้นดี เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง เพียงหวังเงิน 6 ล้านบาท โดยยัดเหยียดความสูญเสียให้กับพี่น้องไทยมุสลิมในพื้นที่ดังที่เคยทำมาทุกครั้ง ถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง มีพฤติกรรมที่สุดโต่งไร้ความเป็นมนุษย์ แถมเป็น มารร้าย/ซัยฏอนที่ฝั่งอยู่ในร่างคนโดยไม่เคยแยแสความรู้สึกความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้ผลจากการก่อเหตุของกลุ่มตนเอง
ความเห็นแก่ตัวของกลุ่มผลประโยชน์ บีอาร์เอ็นนับวันยิ่งมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้น มีการค้าของเถื่อน ค้ายาเสพติด และสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ต่อคนในพื้นที่คือการเรี่ยไร หรือขอเงินรับบริจาค เพื่อไปสร้างอาคาร สถาบันปอเนาะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือแผนการอุบาทว์ชั่วร้ายของกลุ่มขบวนการ BRN และกลุ่มทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จับมือกันที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน มุ่งทำการก่อเหตุสร้างความรุนแรงด้วยการสังหารหมู่ชีวิตพี่น้องประชาชนเป็นการกระทำที่ สุดโต่งไร้ซึ่งอุดมการณ์ เห็นแก่เงินตรา หน้าหนาไร้ยางอายด้วยการเอาชีวิตประชาชนเป็นเดิมพัน สร้างความเดือดร้อนมานับสิบกว่าปี กระทำการที่ผิดหลักศาสนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เคยสำนึก
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นแค่เศษเสี้ยวของความชั่วช้า สามาน ของกลุ่มผลประโชน์ BRN ที่ได้กระทำต่อพี่น้องในพื้นที่ จชต.ในหลากหลายรูปแบบ แต่กลับไม่สำนึกยังแอบอ้างเสมอว่าทำเพื่อพี่น้อง หรือแม้กระทั่งแอบอ้างเป็นตัวแทนทำการเคลื่อนไหวเพื่อแย่งมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พยายามยกตัวเองขึ้นเหนือกลุ่มอื่นๆ เพื่อแย่งชิงการเป็นองค์กรนำและมีบทบาทสำคัญต่อรองในเวทีการเจรจากับรัฐบาล  เพียงหวังผลประโยชน์จากการเจรจา เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มตนโดยไม่คิดถึงชะตากรรมของประชาชนตามที่ได้ประกาศไว้

กลุ่มผลประโยชน์ BRN ไม่มีแม้แต่ความสัตย์หรือศักดิ์ศรี ไม่ว่าฝ่ายเดียวกันเองที่เคยร่วมอุดมการณ์ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน หรือแม้กระทั่งสมาชิกแนวร่วมกลุ่มขบวนการอื่นๆ ในขณะนี้  กลุ่มผลประโยชน์ BRN ไม่เคยเห็นประชาชนอยู่ในสายตา ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องอย่างแท้จริงเลย แต่หวังแค่ผลประโยชน์ทางการเมืองขององค์กรตัวเองเป็นหลักเท่านั้น...!!

5/18/2560

กลุ่มผลประโยชน์ “BRN” ขบวนการนอกศาสนา

"RUSLAN"

ปัญหาไฟใต้ยังคงเกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลามากกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ปี 47 ได้สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง และวิถีชีวิต อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยความห่วงใยจากทุกภาคส่วนต่อสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ความจริงปรากฎได้ต่อสู้อยู่กับใคร? หน่วยงานความมั่นคงได้รู้ว่าผู้ที่สร้างความปั่นป่วนในสามจังหวัดชายแดนใต้ คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN-Coordinate) การต่อสู้ของขบวนการ บีอาร์เอ็น“ตัวการป่วนใต้ที่ยังคงก่อเหตุร้ายรายวัน และมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม เห็นได้จากการชักจูงเยาวชนมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้มาปลูกฝังแนวความคิด ความเชื่อเรื่อง รัฐปัตตานีและเข้าพิธี ซุมเปาะ” (สาบานตน) จากคำสารภาพของผู้ที่ต้องการออกจากการเป็นแนวร่วมหลายครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ และดำเนินกรรมวิธีซักถามแนวร่วมหลายคนมีความต้องการถอน ซุมเปาะ” (ถอนคำสาบาน) เพื่อพ้นสภาพจากการเป็นขบวนการอย่างถูกต้องตามหลักการของขบวนการ บีอาร์เอ็น
แนวความคิด หากเรามาพิจารณาถึงหลักการ ซุมเปาะของกลุ่มขบวนการมีบีบบังคับให้กลุ่มเยาวชนมุสลิมผู้ที่มีหน่วยก้านดี มีลักษณะเป็นผู้นำ ก็จะมีการส่งไปฝึกหลักสูตรที่เรียกว่า (อาร์เคเค) ที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อสำเร็จหลักสูตรมาแล้ว จะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อ ครูสอนศาสนาในโรงเรียนตาดีกา หรือโรงเรียนปอเนาะ จากนั้นจะเข้าสู้กระบวนการถ่ายทอดแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนให้กับนักเรียนในโรงเรียนที่กลุ่มคนเหล่านี้เป็นครูสอนศาสนาอยู่ โดยจะมีเฝ้ามองในการคัดเลือกนักเรียนที่จะมาเป็นแนวร่วมจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติที่กลุ่มขบวนการได้วางไว้ คือ ต้องเรียนเก่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะถือว่าเป็นคนที่ มีอุดมการณ์จากนั้นจะดึงมาเข้าพิธี ซุมเปาะก่อนจะส่งเข้าทำการฝึกยุทธวิธีทางทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
   กระบวนการ ในส่วนของผู้นำศาสนาแนวร่วมกลุ่มผลประโยชน์ BRN-Coordinate จะมีการจัดตั้ง อุสตาสเพื่อการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา ดึงมวลชนให้เข้าสู่แนวร่วม อุสตาสเหล่านี้จะได้รับการจัดตั้งจากภายในองค์กร หลังจากนั้นจะมีพิธีสาบานตน ซุมเปาะต่อคัมภีร์อัลกุรอาน ตามหลักความเชื่อของกลุ่มในแนวทางที่จากหลักศาสนาอิสลาม โดยจะให้ผู้ที่จะเข้าร่วมกับขบวนการ ทำการเปล่งวาจาสาบาน 3 ข้อ ด้วยกัน กล่าวคือ จะยอมเสียสละทรัพย์สินชีวิตเพื่อกอบกู้รัฐปัตตานี และปกป้องศาสนาอิสลาม ,จะไม่ยอมแพร่งพรายความลับขององค์กรให้ผู้ใดทราบโดยเด็ดขาด ,จะมาทุกครั้งที่มีการนัดหมาย และเชื่อฟังผู้นำอย่างเคร่งครัด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะมีการแพร่ขยายไปยังสถานที่ปฏิบัติทางศาสนา เช่น มัสยิด ตาดีกา รวมไปถึงสถาบันปอเนาะ โดยจะมี อุสตาส ครูสอนตาดีกา และเยาวชนมุสลิมเป็นผู้ลงพื้นให้ความรู้และปลุกกระแสความเชื่อให้ประชาชนในพื้นที่คล้อยตามหลักการละแนวคิดอุดมการณ์ของกลุ่ม บีอาร์เอ็นเนื่องจากคนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเคารพหลักการและคำพูดของผู้นำศาสนาเป็นหลัก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของกลุ่ม BRN เหมือนเป็นการทำเกมทางการเมือง การใช้กลุ่มองค์กรนิสิตนักศึกษา รวมทั้งภาคประชาสังคม ปลุกระดมแนวคิด การสร้างมวลชนเพื่อทำการเคลื่อนไหว นำข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐไปขยายผล รวบรวมเพื่อสื่อไปยังองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศ (โอไอซี) โดยให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าแทรกแซงเพื่อให้มองเห็นความจำเป็นของการมี รัฐใหม่ซึ่งเป็นรัฐที่มีความเฉพาะทางด้านเชื้อชาติ-ศาสนา ฝ่ายตรงข้ามยังให้ความสำคัญกับ พลังมวลชน” (People Uprising) ซึ่งถือเป็น พลังหลักแห่งความสำเร็จในการปฏิวัติเพื่อแยกรัฐปัตตานีออกจากอำนาจรัฐไทย โดยไม่ใช้อำนาจทางทหาร เน้นกลยุทธ์ที่ว่า หากทำให้มวลชนเชื่อหรือศรัทธาไม่ได้ให้ใช้วิธีทำให้กลัว
      “การลงสนามของกลุ่มแนวร่วมใหม่ที่เป็น เยาวชนชาย หรือ เปอร์มูดอที่ผ่านการฝึก จะลงสนามทำการก่อเหตุในลักษะก่อกวนในพื้นที่ เช่น การวางระเบิด เผาเสาไฟฟ้า ลอบยิง จนไปถึงการลอบสังหาร ซึ่งจะค่อยปรับและเพิ่มขีดความสามารถในการก่อเหตุเป็นลำดับ แต่ที่น่าสลดใจทางกลุ่มใช้ศาสนามาอ้างในการก่อเหตุและลงมือก่อเหตุในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีทั้ง มัสยิด กูโบร์ วัด เช่นเหตุการณ์ลอบยิงประชาชนกำลังจะไปละหมาดที่มัสยิด ฆ่าราษฎรที่กำลังจะไปทำบุญที่วัด และที่น่าสลดใจมากกว่านั้นกลุ่ม บีอาร์เอ็น ยังมีการกระทำที่เลวร้าย โดยยิงผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตแล้ว กำลังนำศพไประกอบทางศาสนาที่ลุ่มฝั่งศพ กูโบร์ยังไปลอบวางระเบิดต่ออีกที่ลุ่มฝั่งศพ (ชั่วเกินคำบรรยายจริงๆ) ขอตั้งฉายาเลยว่า กลุ่มผลประโยชน์ BRN ขบวนการนอกศาสนา”  เหอ!! หลักการที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม BRN ที่ทำเพื่อประชาชนชาวปาตานี ทำเพื่อศาสนาอิสลาม แท้จริงแล้วทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่ามั้ง...


-----------------------

5/17/2560

ผลประโยชน์.. “เงินบริจาค” ของกลุ่ม BRN นำเยาวชนไปเข้าคุก??

"RUSLAN"


อิสลามคือศาสนาแห่งสันติภาพ และขันติธรรม ดังนั้นผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะประพฤติตนขัดแย้ง กับหลักการดังกล่าว ยิ่งกว่านั้นไม่มีแหล่งกำเนิดใดๆ จากอัลกุรอาน และหะดิษของท่านนบีมุฮัมมัด ที่บ่งชี้ไปในทิศทางดังกล่าว การเรียกร้องในอิสลามที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน ได้เชิญชวนด้วยวิธีการที่เฉลียวฉลาด และนิ่มนวลซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะถือได้ว่า เป็นความรุนแรงแต่ประการใด ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะ อัลนะห์ล โองการที่ 125 ความว่า จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของเจ้าโดยสุขุม และการตักเตือนที่ดี แจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นพระองค์ทรงรู้ดียิ่ง ถึงผู้ที่หลงจากทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาของผู้ที่อยู่ในทางที่ถูกต้อง

เมื่อย้อนกลับจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จชต. สามารถเห็นได้ว่าการปฏิบัติของกลุ่ม BRN พยายามชักจูงชี้นำให้ผู้หลงผิด ปฏิบัติตัวผิดจากหลักคำสอนของศาสนาที่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอาน และยังใช้วิธีและเหตุผลชั่วๆ เพื่อให้เด็กเยาวชนเข้ามามีส่วนในการก่อเหตุ ดูได้จากมือระเบิดที่บิ๊กซีปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา จากการจับผู้ต้องสงสัยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ การทำงานเป็นขบวนการของกลุ่ม BRN หวังแค่ผลประโยชน์ฝ่ายตน และต้องการทำลายคนในพื้นที่ สร้างความคิดผิดๆ เพื่อความสะใจภัยใต้อุดมการณ์อุบาทว์ของกลุ่ม BRN โดยใช้งบประมาณจากการบริจาคของประชาชนบางส่วน นำเยาวชนไปเข้าคุก?? นั้นเอง

สถาบันการศึกษาคือเป้าหมายหลักของกลุ่มขบวนการ โดยเลือกใช้สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา สถาบันปอเนาะ ทำการขับเคลื่อนงานการเมืองผ่านองค์กรนักศึกษา อุสตาซและเยาวชนผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมที่มุ่งเน้นต่อเป้าหมาย เด็ก เยาวชน นักเรียนโรงเรียนสอนศาสนา นักศึกษา และกลุ่มปัญญาชน โดยใช้ อัตลักษณ์และวาทกรรมในการขับเคลื่อนขยายฐานมวลชน ยิ่งไปกว่านั้นรูปแบบการเคลื่อนไหวขององค์กรนักศึกษาสถาบันต่างๆ โดยมีกลุ่มบางกลุ่ม ซึ่งรู้จักกันดีได้พยายามปลุกระดมด้วยการจัดเวทีเสวนา เคลื่อนไหวในพื้นที่และนอกพื้นที่มาโดยตลอด นอกจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ยังมีการขยายเครือข่ายไปยังสถาบันการศึกษานอกพื้นที่อีกด้วย

เช่นเดียวกับการแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่ม BRN ที่ยิ่งนับวันยิ่งมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้น ทั้งมีการค้าของเถื่อน ค้ายาเสพติด และสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ต่อคนในพื้นที่คือการเรี่ยไร หรือขอเงินรับบริจาค เพื่อไปสร้างอาคาร สถาบันปอเนาะฯลฯ เงินเหล่านี้บางส่วนก็นำไปสร้างหรือใช้งานจริง แต่กลุ่มเห็นแก่ตัวบางกลุ่มนำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าจ้าง ค่าเลี้ยงดูผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งทำผิดกฎหมาย ร่วมไปถึงการสร้างบ้านใหม่ให้กับตัวเอง ซื้อรถใหม่ ซึ่งตามหลักศาสนาไม่สนับสนุนให้ทำในลักษณะนี้ เพราะเป็นการนำเงินไปใช้ในทางที่ผิดถือว่าบาปหนัก แต่กลุ่มไร้สมองไร้อุดมการณ์คงไม่คิดเช่นนั้นหรอก!!  ปัญหาเหล่านี้มันเกิดขึ้นนับสิบๆปี ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากกลุ่มผู้ที่มีอุดมการณ์ใหม่ๆพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง สมมุติว่าเราลองคำนวณเงินบริจาคที่ประชาชนในพื้นที่ ที่มีจิตสัทธาให้การบริจาค 1 บาท/คน แล้วประชากรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จังหวัดยะลา ปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และ4 อำเภอจังหวัดสงขลา มีพี่น้องที่ต้องจำใจ ประมาณ 3 แสนคน ตกเดือนละ 3 แสน ปีละ 3 ล้านหกแสนบาท เวลาที่ผ่านมา หากตีค่าเป็นเงินรวมๆ ก็เกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้ไม่ใช่น้อยๆ เป็นสิ่งล่อตาล่อใจสำหรับกลุ่ม BRN ที่คอยแสวงหาผลประโยชน์ก็เป็นได้ ปัญหาตามมาคงไม่ใช่ใครที่ไหนคงหนีไม่พ้นเยาวชนในพื้นที่ ที่ต้องรับกรรมจากความคิดไร้อุดมการณ์ของกลุ่ม BRN หึหึ..

อย่างนี้ไม่เรียกว่า “กลุ่มผลประโยชน์ BRN” แล้วจะเรียกว่าอะไร..... ความรุนแรงต้องหมดไป ทุกเชื้อชาติและศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความแตกต่าง ซึ่งจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ แม้ปัญหาที่เกิดจากความแตกต่างในสังคมเดียวกันจะมีอยู่ทั่วไป แต่หากมีการเคารพ และยอมรับซึ่งความแตกต่าง มีความไว้ใจและมีความปรารถนาดีต่อกัน สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ประชาชนทุกชาติพันธุ์ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข.



--------------------------

5/15/2560

“บีอาร์เอ็น”กลุ่มญิฮาดหรือแค่กลุ่มผลประโยชน์??

"RUSLAN"

อดีตที่สวยงามย้อนเวลาไปก่อนเกิดความไม่สงบในพื้นที่ จชต.ในปี 47 คนในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด มีประเพณีวัฒนธรรมที่เท่าเทียมกัน และมีการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวไม่แบ่งแยกหรือกีดกันทางศาสนา ร่วมไปจารีตประเพณีในพื้นที่ ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกันบนพื้นฐานของความเป็นอัตลักษณ์ที่น่าชื่นชมบนความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม

กลุ่มบีอาร์เอ็นกลุ่มก่อเหตุรุนแรง แต่พอหลังจากเหตุการณ์ปล้นปืน เมื่อปี 47 ได้สร้างความรุนแรง ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มาโดยต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม BRN ได้ก่อเหตุโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่ยึดประโยชน์ของกลุ่มตัวเองเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ได้ก่อเหตุระเบิดเสาไฟหลายจุดในต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนทั้ง 3 จชต. และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ขาดไฟ้ฟ้าหุ้งต้ม ต้มน้ำกาแฟ ไร้แสงสว่าง ต้องเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันหลายคน และที่เลวร้ายที่สุดส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่นอนรักษาพยาบาลอยู่เป็นเวลาหลายวัน และล่าสุดก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 61 ราย และในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รวมอยู่ด้วยถึง 8 ราย เป็นการวางแผนสังหารหมู่ประชาชนที่โหดเหี้ยมและไร้อุดมการณ์สิ้นดี และเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง มีพฤติกรรมที่สุดโต่งไร้อุดมการณ์สิ้นดี แถมเป็น มารร้าย/ซัยยฏอนที่ฝั่งอยู่ในร่างคน และเป็นการทำลายคู่แข่งทางธุรกิจอีกด้วย

แผนชั่วชั่วบีอาร์เอ็นจากการก่อเหตุความรุนแรงที่ผ่านมาของ BRN ส่งผลให้ต้องสุญเสียมวลชน ประชาชนอย่างมาก ชนะทางยุทธวิธี แต่แพ้ทางยุทธศาสตร์ จึงต้องอาศัยสื่อแนวร่วมบางสื่อและเครือข่ายบางกลุ่มช่วยสร้างกระแสญิฮาดขึ้น เพราะเข้าใจว่าคนในพื้นที่มีความละเอียดอ่อนเรื่องศาสนา แต่อย่างไรก็ดีประชาชนในพื้นที่ได้ติดตามข่าวสารและเห็นว่าผู้นำทางศาสนาหลายท่านได้มาเยือนพื้นที่ จชต. ไม่ว่าจะเป็นท่านฮาบีบ กลุ่ม OIC ท่านจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการอิสลามร่วมไปถึงผู้นำชุมชน ที่ท่านเหล่านี้ได้ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไข้ปัญหาในพื้นที่อย่างจริงจังและเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเท่าเทียมกันและสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนรักพื้นที่บ้านเกิดไม่สร้างความเสียหาย ไม่ทำลายเศรษฐกิจ ไม่ทำร้ายผู้คน เพราะสิ่งเหล่านี้ทุกคนรู้ดีว่าหากทำแล้วจะเกิดความเสียหายให้กับคนพื้นที่โดยตรง

ชี้ชัดๆ ญิฮาดหรือผลประโยชน์หึหึ..ต้องขอบอกว่า BRN ที่พยายามปลุกกระแสญิฮาดในพื้นที่นั้น ประชาชนส่วนใหญ่เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และไม่แยแสถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก!! เพราะเขาสนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ที่จะไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของกลุ่ม BRN อีกอย่างประชาชนเองก็รู้ทันกลโกงของกลุ่ม BRN ที่พยายามจะยุยงให้คนในพื้นที่เกลียดชังกัน ความคิดชั่วๆ นี้เป็นการสร้างกระแสญิฮาดแบบผิดๆบนความต้องการของกลุ่มตนในคราบ BRN ที่ลงมือทำเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ หึหึ..


-----------------------

5/13/2560

พรรคอิสลามแห่งมาเลเซียหรือพรรคพาส (PAS) ประณามเหตุระเบิดที่ภาคใต้


MalaysiaGazette รายงานว่า ประธานพรรคพาส (PAS) ดาโต๊ะสรี ฮาดี อาวัง ยืนยันว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ความขัดแย้งก็ตามอิสลามไม่อนุญาตให้กระทำการใดๆที่เกินขอบเขต จนทำให้เกิดความสูญเสียในทรัพย์สินของสาธารณะที่ทำให้ภาพพจน์ของอิสลามเสื่อมเสีย

"พาสยึดถือในรากฐานของอิสลามที่บังคับให้มีการปกป้องความปลอดภัยของทรัพย์สินสาธารณะที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง"

"อิสลามให้การรับรองความปลอดภัยไม่เฉพาะในพื้นที่ของมุสลิมเท่านั้น ในขณะเดียวกันในพื้นที่ที่ไม่ใช่อิสลาม รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้ต่างศาสนิกก็ได้รับการคุ้มครองในความปลอดภัยจากกฎหมายอิสลาม" ท่านกล่าวในคำแถลงในวันนี้

ท่านกล่าวว่า เหตุระเบิดในรถซึ่งทำให้มีคนบาดเจ็บมากกว่า 60 คน ที่ปัตตานีภาคใต้ของไทยวันอังคารที่ผ่านมา ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลา 14.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่น ระเบิดสองลูกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี

ห้างดังกล่าว 90% ของพนักงานเป็นคนในพื้นที่ ต้องปิดชั่วคราวจนถึงมิถุนายนนี้ เพื่อการซ่อมบำรุง ห้างดังกล่าวเคยถูกวางระเบิดมาแล้วสองครั้งคือ ปี 2549 และ 2555

สัญลักกษณ์ของพรรค PAS

พรรคอิสลามแห่งมาเลเซียหรือพรรค Parti  Islam  SeMalaysia (PAS) เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าของมาเลเซีย ฐานเสียงส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ โดยเฉพาะรัฐกลันตัน

พรรคนี้ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 1951 ส่วนหนึ่งของแกนนำพรรค PAS มาจากการแยกตัวของฝ่ายศาสนาในพรรค UMNO ภายใต้การนำของนายหะยีอับบัส  อัลเลียส (Haji Abbas Alias)ปัจจุบันมีดาโต๊ะซรี หะยีอับดุลฮาดี  บินอาวัง (Dato’ Seri Haji Abdul Hadi Awang) อดีตมุขมนตรีรัฐตรังกานู เป็นหัวหน้าพรรค PAS  ส่วนดาโต๊ะ นิอับดุลอาซีซ  นิมัต ( Datuk Nik Abdul Aziz  Nik Mat) ผู้เป็นมุขมนตรีรัฐกลันตันมีตำแหน่งเป็นมูรชิดุลอาม (Murshidul Am) มีสถานะคล้ายผู้นำจิตวิญญาณ

ในช่วงทศวรรษที่ 1970 พรรค PAS เคยเป็นรัฐบาลท้องถิ่นในรัฐกลันตัน  ต่อมาเกิดความขัดแย้งจนมีการแยกพรรคเช่น พรรค BERJASA แยกตัวออกจากพรรค PAS ในปี1977 แล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคแนวร่วมแห่งชาติ  ต่อมาในปี1989 ได้ลาออกจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติพรรค HAMIM แยกตัวออกจากพรรค PAS ในปี 1983 หลังจากนั้นในปี 1985 ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคแนวร่วมแห่งชาติ  ต่อมาในปี 1989 ได้ลาออกจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ การเลือกตั้งในปี 2008  พรรค PAS ก็ยังคงสามารถปกครองรัฐกลันตันต่อไป 

พรรค PAS  เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์แนวทางอิสลาม ดังนั้นในการบริหารการปกครองรัฐจึงพยายามใช้หลักการศาสนาอิสลาม "ถึงอย่างไรก็ตามประชาชนที่ไม่ใช่ผู้นับถือศาสนาอิสลามไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด" เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการออกกฎหมายที่มีประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม กฎหมายบางข้อกลับเป็นผลดีต่อชนกลุ่มน้อยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการห้ามมีสถานบันเทิงที่ผิดหลักศาสนาอิสลาม การห้ามจำหน่ายสุราเมรัยในบางสถานที่หรือการเล่นการพนัน   ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลรัฐกลันตันกับชนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธค่อนข้างดี 

นายนิอับดุลอาซีซ  บินนิมัต (Nik Abdul  Aziz  Bin  Nik Mat)  มุขมนตรีรัฐกลันตันได้กล่าวว่าชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธนั้นเป็นประชาชนของเขา รัฐบาลรัฐกลันตันจึงช่วยเหลือพัฒนาสังคมชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธมาเลเซีย  พรรค PAS ได้สร้างแนวร่วมจากกลุ่มชนต่างศาสนาให้สนับสนุนพรรคตนเอง โดยพรรค PAS ได้มีการจัดตั้งกลุ่มคนจีนที่สนับสนุนหรือสามารถจะร่วมมือกับพรรคปาสได้ โดยใช้ชื่อว่า Majlis Perundingan Cina หรือ Chinese Consultative Council   ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชมรมผู้สนับสนุนพรรคปาส หรือ Kelab Penyokong PAS.

5/12/2560

สันดาน‘กัสตูรี มะโกตา’แกนนำพูโล ประณามคาร์บอมบิ๊กซีสอดไส้เรียกร้องเอกราช

"Ruslan"


เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 องค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ สำนักงานใหญ่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ ผู้ก่อความไม่สงบวางระเบิดห้างสรรพสินค้าในภาคใต้ของประเทศไทยพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนซึ่งอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

แถลงการณ์ประณามของ ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การโจมตีที่ห้างบิ๊กซีเป็นสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงสูงสุดของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนเป็นการโจมตีที่พุ่งเป้าไปที่พลเรือนซึ่งอาจถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ รัฐบาลควรนำตัวผู้กระทำผิดทุกคนมาลงโทษ เพราะนับแต่มีการโจมตีด้วยอาวุธเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังเดือนมกราคม 2547 ผู้ก่อความไม่สงบจากกลุ่ม Barisan Revolusi Nasional (BRN) ได้มุ่งกระทำการต่อเป้าหมายพลเรือน หรือการโจมตีที่ไม่แยกแยะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับพลเรือน

ในแถลงการณ์ยังย้ำว่า นับแต่มีการโจมตีด้วยอาวุธเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังเดือนมกราคม 2547 ผู้ก่อความไม่สงบจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ได้กระทำการที่ละเมิดกฎหมายสงครามหลายครั้ง ซึ่งคนเหล่านี้เป็นพลเรือนทั้งที่เป็นชาวไทยพุทธ และชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู

ในส่วนของความเคลื่อนไหวกัสตูรี มะโกตาแกนนำพูโล และ อาบูฮาเฟส อัล-ฮากิมในนามมาราปาตานี ต่างออกมาแสดงความคิดเห็น พร้อมกล่าวประณามมือก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซีปัตตานี

นายกัสตูรี มะโกตา แกนนำพูโล (PULO) ได้แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซีปัตตานีนั้น ในนามส่วนตัวไม่เห็นด้วยต่อการกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเรียกร้องให้เลิกการกระทำลักษณะรุกราน หรือรังแกคนต่างเชื้อชาติ และไม่ใช่มุสลิม

ทางด้าน อาบูฮาเฟส อัล-ฮากิม ซึ่งหนึ่งในคณะผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้าร่วมในกระบวนการพูดคุย ได้แสดงความเห็นว่า เราไม่อาจจะยกโทษให้แก่การละเมิดความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะได้ เราขอประณามการกระทำใดๆ ก็ตามด้วยความขลาด อันมีผลโดยตรงต่อการบาดเจ็บ ล้มตายของพลเรือน และมีผลต่อผู้หญิง และเด็ก ผู้ก่อเหตุจะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม เราขอแสดงรู้สึกเห็นใจ และแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ประชาชนชาวปาตานีทุกชาติพันธุ์ และทุกศาสนา

การเรียกร้องให้กลุ่ม องค์กร นักสิทธิมนุษยชน องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งภาคประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันแสดง ความรังเกียจต่อการใช้ความรุนแรงของกลุ่มขบวนการ BRN ไม่เห็นด้วยต่อแนวทางการใช้กำลังทำลาย ทำร้ายชีวิตต่อกลุ่มเป้าหมายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถือได้ว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต้องการสื่อให้เห็นว่าประชาชนไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งประณามต่อการกระทำที่ป่าเถื่อนสุดโต่ง ไร้มนุษยธรรม จนกระทั่งกลุ่มและองค์กรต่างๆ ได้ออกแถลงการณ์ หรือภาคประชาชนได้รวมพลัง ละหมาดฮายัตขอพรต่ออัลลอฮฺ เพื่อให้เกิดสันติสุขเกิดขึ้นในพื้นที่ ไม่ต้องการความรุนแรงเลิกการก่อเหตุควารุนแรงทุกรูปแบบ

ในขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเรียกร้องการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนของกลุ่มขบวนการ BRN เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เป็นความน่ารังเกียจน่าขยะแขยงต่อพฤติกรรม ซึ่งส่อเจตนามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำต่อผู้หญิง และเด็ก

แต่อีกด้านหนึ่ง นายกัสตูรี มะโกตา แกนนำพูโล (PULO) ได้อาศัยจากสถานการณ์ดังกล่าวแสดงท่าทีเหมือนจะดีได้ออกมาประณามมือก่อเหตุคาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซีปัตตานี แต่กลับกลับเอาความดีเข้าตัวชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยไม่สามารถคุ้มครอง และให้หลักประกันในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนชาวมลายูปัตตานี พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลไทยคืนอำนาจให้ประชาชนชี้ชะตาอนาคตของตัวเอง

นี่คือสันดานของกลุ่มขบวนการไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน โดยเฉพาะ นายกัสตูรี มะโกตา แกนนำพูโล หลายครั้งที่ผ่านมาพยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้เป็นข่าว สร้างเครดิตให้กับตนเองว่าสำคัญ ต้องการ  มีบทบาทในเวทีการพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทย เนื้อแท้จริงๆ ของกลุ่มองค์กรต่างๆ คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก มักอ้างอุดมการณ์ในการเคลื่อนไหว ซึ่งความจริงเป็นอุดมการณ์ที่หลอกลวงหรือผลประโยชน์กันแน่!!  ที่สำคัญหลอกใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ มีแต่คอยซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน...ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา...ประชาชนคือเหยื่อความรุนแรงที่ถูกยัดเยียดและปล้นความสันติสุขไปจากจังหวัดชายแดนภาคใต้……

---------------------------

5/10/2560

เมื่อ BRN วางแผน‘สังหารหมู่ประชาชน’เชื่อมโยงกลุ่มทุนมุ่งทำลายเศรษฐกิจ

"Ruslan"


จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 คนร้ายนำระเบิดบรรจุในรถยนต์เข้าจอดบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี แล้วทำการจุดระเบิด ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 61 ราย แต่เดชะบุญที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ที่น่าเศร้าและสลดใจ   ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รวมอยู่ด้วยถึง 8 ราย

คนร้ายในคราบชัยฏอนไม่ต้องบอกกล่าวหรืออธิบายให้เสียเวลาว่าเป็นใคร ฝ่ายไหน? การกระทำในสิ่งที่ชั่วร้าย สุดโต่ง หมายปองเอาชีวิตผู้คนเพียงเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายตนเป็นใคร    เสียไม่ได้นอกจากกลุ่มขบวนการโจรใต้เท่านั้นที่กระทำการชั่วช้าสามานเช่นนี้ได้

การกระทำของกลุ่ม BRN ที่มุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการเตรียมการเป็นขั้นเป็นตอน ต้องการทำลายเศรษฐกิจการค้าการลงทุน สร้างความตื่นตระหนกตื่นกลัวให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ที่สำคัญเป็นการวางแผน สังหารหมู่ประชาชน ที่โหดเหี้ยม

ในสื่อสังคมออนไลน์มีการตั้งข้อสังเกต และหาสาเหตุการลอบระเบิดห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี และมีการตั้งกระทู้กันเป็นวงกว้าง แต่ที่จับประเด็นใจความสงสัยเคลือบแคลงใจของนักท่องโลกไซเบอร์คงหนีไม่พ้นความเชื่อมโยงในเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับกลุ่มขบวนการ BRN ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 2 ตัว

ย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2560 ได้มีการเปิดห้างใหม่ใจกลางเมืองปัตตานีของกลุ่มทุนในพื้นที่ ในการนี้ได้มีการเชื้อเชิญอดีตรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด โดยมีผู้นำศาสนา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดและแขกผู้มีเกียรติทั้ง     ในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 500 คน

ประเด็นแรกที่ผู้คนสงสัย และมีการตั้งคำถามสาเหตุการก่อเหตุดังกล่าวของกลุ่มขบวนการ BRN เป็นการทำลายคู่แข่งทางเศรษฐกิจหรือไม่? เพียงเพื่อสนับสนุนกลุ่มทุนของตนเองอย่าลืมว่า ห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี เป็นของกลุ่มทุนจากนอกพื้นที่ ซึ่งบิ๊กซีสำนักงานใหญ่ลงมาเปิดดำเนินการเอง ภายใต้การถือหุ้นของ บริษัท บีเจซี 71.48% และ บริษัทเสาวนีย์โฮลดิ้งส์ ถือหุ้น 26.46% ซึ่งมี    ที่เดียวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนแห่มาใช้บริการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นจำนวนมาก

ย้อนกลับไปดูแผนการทำลายคู่แข่งทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุนจากนอกพื้นที่อย่างเช่น KFC ที่ยอดขายดิบขายดีมากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และติดอันดับยอดขายดี 1 ใน 3 ของประเทศ โดยเฉพาะ KFC ห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี มีกลุ่มอิทธิพลที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการ BRN ส่งกลุ่มบุคคลเข้ามาข่มขู่และเรียกเก็บเงิน 6 ล้านบาท แต่ทางบิ๊กซีไม่ยอมจ่าย สุดท้ายมีการเคลื่อนไหวอ้าง KFC ไม่มีเครื่องหมายฮาลาล บีบคั้นกดดันทุกวิถีทาง มีการปลุกระดมไม่ให้พี่น้องมุสลิมกินไก่ KFC สุดท้ายมีการยกเลิกการขาย KFC ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกสาขา

เมื่อมีการถอน KFC ออกไปจากจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเห็นได้ว่าจะมีไก่ทอดสัญชาติมาเลย์เข้ามาเปิดดำเนินการแทน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นไปตามแผนการที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วเพื่อต้องการครอบครองในเรื่องผลประโยชน์ฝ่ายตนด้วยการทำลายคู่แข่งทางเศรษฐกิจของคนนอกพื้นที่

นั่นคือแผนการอุบาทว์อันแยบยลของกลุ่มขบวนการ BRN และกลุ่มทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จับมือกันที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน มุ่งทำการก่อเหตุสร้างความรุนแรงด้วยการสังหารหมู่ชีวิตประชาชนเป็นการกระทำที่ สุดโต่ง ไร้ซึ่งอุดมการณ์ เห็นแก่เงินตรา หน้าหนาไร้ยางอายด้วยการเอาชีวิตประชาชนเป็นเดิมพัน สร้างความเดือดร้อนมานับสิบกว่าปี กระทำการที่ผิดหลักศาสนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เคยสำนึก

สมาชิกแนวร่วมที่หลงผิดยังคิดจะสนับสนุนกลุ่มขบวนการ BRN อยู่อีกหรือ!!! ตราบใดที่ไม่ยอมหันหลังให้และยังนิยมความรุนแรงในการแก้ปัญหา สักวันลูกหลานเรา ญาติสนิทมิตรสหายจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงเสียเอง กลุ่มขบวนการ BRN คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ฝ่ายตน แต่ไม่เคยคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชน...นั่นคือจุดยืนของกลุ่มขบวนการสุดโต่งที่ชื่อว่าบีอาร์เอ็น
-------------------------


5/02/2560

ผกร.หมดมุก ทำกันเองโยนผิดให้เจ้าหน้าที่

 Ibrahim


จากกรณี เพจ Suara Patani ได้โพสต์ภาพและข้อความเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 กล่าวหาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงว่ามีใบสั่งให้ทีมสังหารคนในพื้นที่ มีใจความว่า

"ทีมงูเต๊ะ" เป็นคำศัพท์ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งปาตานี โดยความหมายของคำนี้คือ "ทีมเก็บเงียบ" หรือ "ทีมสังหาร" เป็นมือมืดที่ชาวปาตานีหวาดกลัว "ทีมงูเต๊ะ" เป็นอีกหนึ่งปริศนาในพื้นที่ปาตานีตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

#ทีมงูเต๊ะผ่านด่านตรวจได้
#กล้องวงจรปิดจะไม่จับภาพทีมงูเต๊ะ
#ทีมงูเต๊ะอยู่เหนือกฏหมาย

*ช่วงนี้ (ตั้งแต่วันนี้จนถึงเดือนรอมฎอน) ขอเตือนให้ทุกคนระวังทีมงูเต๊ะ

จากข้อความข้างต้น ขอบอกเลย ผกร. หมดมุกแล้วจริงๆ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแท้จริงแล้ว BRN และ เพจ Suara Patani  สองหัวตัวเดียวกัน เพจ Suara Patani เป็นเพจเฟสบุ๊คของแนวร่วมสนับสนุนกลุ่มขบวนการ BRN มีการปลุกระดมก่อให้เกิดความเกลียดชังในเรื่องของเชื้อชาติและศาสนา สร้างความขัดแย้งในแนวความคิด ทำให้พี่น้องในพื้นที่ชายแดนใต้เกิดความแตกแยก เกิดความหวาดระแวงในการดำเนินชีวิตต่อกันอย่างร้ายแรง โดยที่ผ่านมา เพจ Suara Patani จะมุ่งบิดเบือนข้อมูลความจริงกล่าวหาใส่ร้ายโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมาโดยตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่รู้ความจริงหลงเชื่อ เกิดการเข้าใจผิด เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทำมาหากิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้กันดีว่า เจ้าหน้าที่ทำงานหลักคือปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

เมื่อดูรูปที่ เพจ Suara Patani นำมาบิดเบือนมองแล้วเป็นการใช้มุกเก่าๆ เดิมๆ ได้มีการผลิตภาพพร้อมข้อความซึ่งไม่สามารถตรวจหาที่มาที่ไปได้ กล่าวหาใส่ร้ายโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ว่าจัดชุดทีมงูเต๊ะ (ทีมเก็บเงียบ หรือ ทีมสังหาร) ล่าสังหารชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้กันดีว่าเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการเอง โดยการหักหลังกันเองที่ทำงานพลาดรวมถึงการหักหลังผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดพร้อมกับ ผกร.หลายคนในพื้นที่มีความเบื่อหน่ายจากกลุ่มขบวนการต้องการออกจากกลุ่มแนวร่วมพร้อมกับการให้ข่าวกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเหตุนี้เองกลุ่มขบวนการจึงต้องล่าสังหารคนของตัวเอง เพื่อเป็นการปิดปากและโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ  เพื่อหวังว่าจะยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว    ท่านลองคิดดูสมมุติเจ้าหน้าที่รัฐกระทำจริงป่านนี้คงไม่มานั่งแหกปากกันหรอก และจะมีโครงการพาโจรกลับบ้านไปทำไม เจ้าหน้าที่เก็บเองไม่ดีกว่าหรือ และสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพจ Suara Patani ได้กระทำการตัดต่อภาพโดยการโพสต์ภาพและข้อความในเชิงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  รวมถึงเว็บไซต์บางสำนักได้มีการเอาข้อมูลมาเผยแพร่โดยไร้การตรวจสอบข้อเท็จจริงอาจนำไปสู่ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย


เพจ Suara Patani เคยนำข้อมูลมาบิดเบือนหลายครั้ง เช่น กรณีการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โพสต์เมื่อ 27 เมษายน 2560 (เข้าไปดูเอง) , กรณีชาวบ้านทุ่งยางแดงโมเดลโวย!!!ทหารเต็มพรึ่บในสวนยาง!!! โพสต์เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2560 โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปในสวนยาง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวสวนยางที่จะทำการกรีดยาง   ซึ่งจาการตรวจสอบความจริงแล้ว เป็นรูปของกองร้อยทหารพรานที่ 4713 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ได้ทำการโพสต์ภาพนิ่ง และเป็นคลิปวีดีโอทำการเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2554 เป็นรูปการฝึกของกองร้อยทหารพราน ไม่ได้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของประชาชน และไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ตามที่เพจ Suara Patani กล่าวอ้างแต่อย่างใด มาครั้งนี้ก็ยังคงใช้แนวทางเดิมๆ ในการบิดเบือนข้อมูลสร้างความเท็จใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตามจิตสำนึกต่ำๆ ที่เคยทำตามเคย

ความร่วมมือของ BRN ที่ฆ่าเพราะหักหลังกันเองภายในกลุ่มแล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ โดยให้เพจ Suara Patani เป็นผู้ลงมือโจมตีนั้นเป็นการกระทำของพวกไร้ศาสนาทำเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับกลุ่มของตนเท่านั้น  ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อการกระทำที่บิดเบือนความจริงเหล่านี้ และขอให้ร่วมมือกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ 

ด้วยการช่วยกันรายงานเฟสบุ๊คที่มีชื่อผู้ใช่ว่า
Suara Patani”  https://www.facebook.com/Suara-Patani-234450210066094/?fref=ts  หรือ ส่งข้อมูลไปถึงกระทรวง ICT เพื่อปิดเฟสบุ๊คที่สร้างความแตกแยก บิดเบือนข้อมูล โฆษณาชวนเชื่อ ทำลายความสุขของพี่น้องประชาชน และป้องกันสถานการณ์รุนแรงความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำสันติสุขกลับคืนสู่ชายแดนใต้