หน้าเว็บ

5/31/2560

“I AM PATTANI”

"Ruslan"

ย้อนรอยไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ชาวบ้านหลายร้อยคนเดินทางมารวมตัวชุมนุมที่บริเวณมัสยิดกลาง จ.ปัตตานี เพื่อเรียกร้องให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่รัฐออกจากพื้นที่
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.ปัตตานี สมัยนั้นได้ออกประกาศแจ้งว่า กลุ่มแนวร่วมมุสลิมหัวรุนแรงได้ชักชวน หลอกลวงประชาชนโดยเฉพาะสตรีมุสลิมให้มาร่วมงานแต่งงานหรือให้มาเที่ยว ในตัวเมืองปัตตานี และได้แจ้งว่าเป็นการหลอกลวงเพื่อไปร่วมรวมตัวชุมนุมประท้วงขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐบริเวณหน้ามัสยิดกลาง จ.ปัตตานี
การหลอกลวงประชาชนให้เดินทางเข้าร่วมเพื่อใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง อาจจะเป็นความไม่รู้เท่าทัน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่!!! กลุ่มแกนนำที่อยู่เบื้องหลังได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อหลอกลวงประชาชนมาทำการขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้กระทั่งการกดดันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เมื่อเอ่ยชื่อ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้(3 จชต.)  คิดว่าท่านผู้อ่านคงจะคุ้นชินและรู้จักกันเป็นอย่างดี จากการติดตามข่าวสารในการนำเสนอของสื่อมวลชนต่อสถานการณ์ความไม่สงบอันเนื่องมาจากการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน..ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง..โดยอ้างหลักการของศาสนา แล้วกระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่เว้นแต่ละวันนับสิบกว่าปีที่ผ่านมา....
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดินแดนที่มีความหลากหลายของการอยู่ร่วมของคนหลากหลาย   เชื้อชาติ ศาสนา และประเพณีวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นที่ควรค่าแก่การศึกษาและดำรงไว้อยู่คู่กับชุมชน สังคมแห่งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาผู้คนต่างอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่มีการปิดกั้นแยกเขาแยกเรา มีการเดินทางไปมาหาสู่ฉันท์ญาติพี่น้อง ช่วยเหลือซึ่งกัน แม้จะแตกต่าง แต่ไม่แตกแยกสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่สวยงาม
ตั้งแต่ฉันยังเด็กและยังเล็กอยู่ ฉันยังจำความได้ซึ่งคำที่ติดหูฉันในการเรียกชื่อจังหวัดในพื้นที่ชายแดนใต้ที่มีความคุ้นชินมาแต่ไหนแต่ไร จังหวัดยะลา จะเรียกกันว่า ยาลอความทรงจำในสิ่งที่ดีๆ ของจังหวัดนี้คือความภาคภูมิใจที่ จังหวัดยะลา ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดความสะอาดถึง 3 ปีซ้อน อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีการจัดวางผังเมืองแบบใยแมงมุมที่สวยที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย..
ส่วน จังหวัดปัตตานี ผู้คนในสามจังหวัดชายแดนใต้จะเรียกสั้นๆ ว่า ตานี ความสำคัญของจังหวัดนี้มีสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม ศาสนสถาน หรือแม้กระทั่งสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่อาศัย เช่น วัดช้างให้ มัสยิดกรือเซะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เมืองโบราณยะรัง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ไม่ได้เป็นสังคมเชิงเดี่ยวแต่เป็นการอยู่ร่วมของพี่น้องชาวไทยพุทธ อิสลาม และชาวไทยเชื้อสายจีนที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่อดีต
จังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458 ส่วนชื่อเดิมของจังหวัดนี้ที่คนดั้งเดิมใช้เรียกขานคือ  มนารา หรือ มนารอ ซึ่งมีความหมายว่า หอคอย ซึ่งได้กลายมาจากคำว่า กูวาลา มนารา ที่มีความหมายว่า กระโจมไฟหรือ หอคอยที่ปากน้ำส่วนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธจะเรียกว่า บางนรา หรือ บางนาค
จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานีในปัจจุบัน หรือ ยาลอ-มนารอ-ตานี ที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้าน แต่ไม่น่าเชื่อว่าห้วงสี่ปีที่ผ่านมาได้มีปีกการเมืองของกลุ่มขบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม PerMAS” ได้มีเคลื่อนไหวอย่างมีนัยทางการเมืองด้วยการคิดค้นวาทกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้เรียกชื่อจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานีเสียใหม่ เพื่อปลุกกระแสความรู้สึกร่วมของผู้คนในพื้นที่ อีกทั้งหวังผลในเชิง สังคมจิตวิทยา
ปีกการเมืองกลุ่มขบวนการนำวาทกรรมมาสร้างความคุ้นชิน ด้วยการใช้เรียกชื่อกลุ่มของตนเอง ตั้งชื่อกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม สื่อเว็บไซต์ออนไลน์ สถานีวิทยุกระจายเสียง การจัดเวทีเสวนาต่างๆ ไม่เม้นแม้กระทั่งกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่เดินหน้าพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทยยังนำวาทกรรมดังกล่าวไปสอดแทรกชื่อกลุ่มของตนเอง
จังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลายพื้นที่มีความเจริญ เป็นเมืองที่น่าอยู่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมีความสำคัญในฐานะหัวเมืองเศรษฐกิจ เมืองหน้าด่านที่ติดกับประเทศเพื่อบ้าน อีกทั้งยังเป็นเมืองรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เช่น อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หรือบางพื้นที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาแต่ครั้งในอดีตเป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญ เช่น อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นที่ตั้งของ วังยะหริ่ง ผู้คนในอำเภอเหล่านี้และอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ยังคงมีความภาคภูมิใจกับการเป็น คนเบตง เป็น คนโก-ลก และเป็น คน ยะหริ่ง ไม่ได้ต้องการเรียกขานตนเองตามที่คนบางกลุ่มพยายามสร้าง วาทกรรม แต่อย่างใดเลย
พี่น้องของฉันเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง เมื่อมีใครถามมาจากไหน? ก็ยังคงมีการบอกกล่าวและตอบกลับไปว่ามาจาก จังหวัดปัตตานี ยะลา หรือนราธิวาส ไม่มีใคร? ที่ไหนเห็นดีเห็นงามกับความคิดของคนแค่บางกลุ่มด้วยการนำวาทกรรมที่ทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม สร้างความแตกแยกในสังคม...
ยาลอ-มนารอ-ตานี บ้านฉัน!! บ้านที่ฉันอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษปู่ย่าตายาย บ้านที่ฉันอยู่อาศัยอย่างมีความสุขภายใต้ความหลากหลาย สังคมพหุวัฒนธรรม หากมีใคร? ใช้วาทกรรมมาเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือผลประโยชน์กลุ่มตน ฉันยอมรับไม่ได้กับคนกลุ่มนั้น..หากยังดื้อรั้นยัดเยียด วาทกรรมดังกล่าวมาให้ฉันและพี่น้องของฉันอีก.....เห็นควร ปา.....ทิ้งไปให้ไกลๆ จากแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้...

----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น