หน้าเว็บ

11/21/2560

จับ“ทีมงูเต๊ะ”บันนังกูแว เก่งแต่ลอบทำร้ายผู้หญิง เด็ก และคนชรา

Ibrahim


      เจ้าหน้าที่บุกจับ “ทีมงูเต๊ะ” โจรใต้คาบ้านพักที่บ้านบันนังกูแว อ.บันนังสตา จ.ยะลา กระชากหน้ากากความชั่วช้า ย้อนประวัติเปิดโปงพฤติกรรมลอบกัดทีเผลอ มุ่งทำร้ายเฉพาะเป้าหมายที่อ่อนแอไร้ทางต่อสู้ เลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง เด็กเล็ก และคนชรา เคยก่อเหตุสะเทือนขวัญมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เมื่อปี 57 และล่าสุดย้อนรอยลงมือก่อคดีอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ด้วยการประกบยิง นางวนิดา ศรีแก้ว ผู้ช่วยพยาบาลประจำห้องฟอกไต โรงพยาบาลศูนย์ยะลาได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนำข้าวไปให้ลูกชายซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่โรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง

          เมื่อวันที่ 20 พ.ย.60 เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจสนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองกว่า 50 นายบังคับใช้กฎหมายเข้าตรวจสอบพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านบันนังกูแว ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมาย ซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 68/1 สามารถควบคุมตัว นายซับรี เจะแว ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นสมาชิก ผกร. สังกัดกลุ่ม นายอับดุลเลาะ ตาเปาะโต๊ะ ตรวจสอบประวัติพบว่า นายซับรี เจะแว เคยร่วมกับพวกทำการก่อเหตุประกบยิง นายดอรอแม ดาราเซะ นางอาอีเสาะ เฮงดารา และ ด.ญ.นูรอีมาน ดาราเซะ เสียชีวิตทั้ง 3 คน (พ่อแม่-หลาน อส.อับดุลฮากิม ดาราเซะ)  เหตุเกิดบนถนนสาย 410 ทางเข้าบ้านบันนังกูแว ม.4 ต./อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.57 และนายซับรี เจะแว เป็นบุคคลตามหมายจับคดีความมั่นคง ตามหมายศาลจังหวัดยะลา ที่ จส.105/2557 ลงวันที่ 22 เม.ย.57 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น” เหตุการณ์หลายเหตุหากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุมาดำเนินคดีได้อย่างทันท่วงที หรือจับได้ในภายหลังซึ่งเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว มีผลต่อความคิดความเชื่อกรณีการปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชา การโฆษณาชวนเชื่อในสื่อโซเชียลของแนวร่วมขบวนการ ที่ชี้ให้คนในพื้นที่เข้าใจผิดว่าผู้ที่ลงมือทำร้ายประชาชนคือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากในการลบความมีอคติของผู้คนเหล่านั้นกับมุมมองเจ้าหน้าที่คือผู้ร้าย แต่กรณีเจ้าหน้าที่รวบตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้อย่างทันท่วงที สามารถยืนยันและตอกย้ำให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้ได้จัดตั้ง “ทีมงูเต๊ะ” ขึ้นมาจริง เพื่อมุ่งก่อเหตุแล้วโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของทีมงูเต๊ะโจรใต้ที่อยู่ภายใต้หน้ากาก กับความจริงที่ยากจะปฏิเสธว่าแท้จริงแล้วเป็นได้แค่โจรใต้ขี้ขลาดตาขาว เก่งแต่คอยลอบกัดเหมือนสัตว์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเลือกกัดเฉพาะผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่มีแม้อาวุธที่จะต่อสู้ เมื่อไล่เรียงแล้วพบว่าที่ผ่านมาโจรใต้ขี้ขลาดตาขาวมักลอบทำร้ายคนชรา ผู้หญิง และเด็กเล็กอายุแค่ 2 ปี 8 เดือน และเหยื่อความชั่วล่าสุดเป้าหมายก็ยังคงเป็นผู้หญิง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน แล้วจะให้เรียกหรือยกย่องโจรใต้กลุ่มนี้ว่าเป็น “นักรบ” กระนั้นหรือ? คงให้ราคามากไปกว่า “โจรใต้เมาน้ำกระท่อม ย้อมใจฮึดให้กล้า ฆ่าเด็ก ยิงผู้หญิง ทำร้ายคนชรา” มากกว่า 
 เหตุคนร้ายประกบยิงนางวนิดา ศรีแก้ว ผู้ช่วยพยาบาล

ส่วนการทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ถือได้ว่าเป็นการละเมิดหลักการมนุษยธรรม หากจะย้อนไปดูความป่าเถื่อนพบว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 โจรใต้บุกโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บหลายราย สร้างความวุ่นวายในบริเวณสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และผู้ป่วยได้รับความเดือดร้อน ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เม.ย.60 ยังก่อกวนด้วยการตัดโค่นต้นไม้ขวางถนน วางตะปูเรือใบใส่รถรีเฟอร์โรงพยาบาลเบตง ซึ่งมีผู้ป่วยผ่าตัดทางสมองทำการส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ส่งผลให้รถพยาบาลคันดังกล่าวต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนยาง และเดินทางไปส่งคนไข้ล่าช้า หากคนไข้เสียชีวิตใครรับผิดชอบ ถามว่าการกระทำดังกล่าวสมควรประณามหรือไม่? และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ช่วยพยาบาลประจำห้องฟอกไต โรงพยาบาลศูนย์ยะลาล่าสุดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส NGOs มุดหัวไปไหน กลับเพิกเฉยไม่รู้ไม่ชี้ หรือที่เงียบเพื่อเตรียมข้อมูลช่วยเหลือและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทำการปล่อยตัว นายซับรี เจะแว ทีมงูเต๊ะโจรใต้ให้พ้นผิดอีกตามเคย!! ในข้อหาถูกเจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน... นี่แหละพฤติกรรม NGOs
--------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น