หน้าเว็บ

2/25/2562

องค์กรสิทธิมนุษยชนควรตรวจสอบคุณภาพชีวิตของเด็กปอเนาะ


"แบมะ ฟาตอนี"


คำถามจากแบบรัวๆ จากสังคม ณ นาทีนี้ที่ยิงคำถามต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยปละละเลยไร้การตรวจสอบสถานที่พักอาศัยเด็กหญิง ที่ถูก อดีต ขรก.ครู วัย 65 ปี กระทำอนาจาร-ข่มขืน ถึงแม้ว่า สช.จังหวัดยะลา จะออกมายืนยันสถานที่พักอาศัยเด็กหญิงดังกล่าวไม่ได้เป็นโรงเรียนตาม พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชน เป็นเพียงสถานที่พักให้กับเด็กที่อดีตครูนำมาอุปการะเลี้ยงดู

หลายคนเมื่อเห็นภาพสถานที่พักอาศัยเด็กหญิงของอาจารย์โซะ ไม่ว่าจะเป็นที่นอน ที่อาบน้ำ ห้องน้ำห้องส้วมต่างยอมรับไม่ได้ สุขอนามัยไม่ผ่าน จากคำบอกเล่าของเด็กอาหาร 3 มื้อของทุกวันคือข้าวต้ม ต้องซื้อของในสถานที่พักอาศัยเด็กหญิงเท่านั้น ของที่บ้านจัดหามาให้ต้องเททิ้ง!! ซ้ำร้ายยามค่ำคืนมีการใช้แรงงานเด็กทำงานหนักให้ขนหินขนทราย แม้กระทั่งเด็กเล็กก็ไม่เว้น!! ในการสร้างห้องน้ำเป็นแรงงานเด็กทั้งสิ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้อาจารย์โซ๊ะเปิดโรงเรียนเถื่อนขึ้นมาได้อย่างไรเป็นปีๆ อีกทั้งงบประมาณได้มาจากไหน?

โรงเรียนอาจารย์โซะ คือโรงเรียนเถื่อนไม่เข้าข่ายโรงเรียนตาม พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชนเป็นแค่สถานที่พักอาศัยเด็กหญิง ตามที่ สช.จังหวัดยะลาได้ออกมายืนยัน จึงอดสงสัยต่อไม่ได้ว่ายังมีโรงเรียนแบบเดียวกันนี้อีกสักกี่โรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตกสำรวจ ไม่มีการขออนุญาตให้ถูกต้องหรือจงใจปล่อยปละละเลยไม่มีการตรวจสอบปล่อยให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยมาตามแก้ทีหลัง

การจัดการเรียนการสอนที่ดีส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา การบริหารจัดการต่างๆ ภายในโรงเรียนย่อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนและครูผู้สอน คุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่รัฐอุดหนุนเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนที่มีความเท่าเทียมและเข้าถึง ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลามีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สถาบันการศึกษาปอเนาะ และศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เป็นจำนวนมาก จึงอยากให้องค์กรสิทธิมนุษยชนควรเข้าไปตรวจสอบคุณภาพชีวิตของเด็กในโรงเรียนเหล่านี้มีสภาพเป็นอยู่กันอย่างไร? อีกทั้งในหอพักที่หลับที่นอน ห้องน้ำห้องส้วม เรื่องอาหารการกินถูกสุขอนามัยหรือไม่ และประเด็นการร้องเรียนในเรื่องการใช้แรงงานเด็กในยามค่ำคืนมีจริงมั๊ยและผิดกฎหมายหรือไม่!!

หากเป็นจริงจะดำเนินการอย่างไรนั้นเป็นหน้าที่ขององค์กรสิทธิมนุษยชนที่ควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สช.จังหวัด สช.อำเภอ พัฒนาชุมชน สาธารณสุขจังหวัดหรือหน่วยงานอื่นๆ ในการเข้าไปแก้ไขปัญหาคงไม่เกินศักยภาพขององค์กรหากจะทำจริงๆ ต่างกับการตรวจสอบประเด็นการซ้อมทรมานที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุคงจะยากกว่ากันเยอะ!! สุดท้ายโอล่ะพ่อกลายเป็นข้อมูลเท็จมีแต่เสียงก่นด่าไม่คุ้มเสีย หันมาช่วยกันตรวจสอบโรงเรียนที่มีการทุจริตโกงกินงบ โรงเรียนที่ไม่มีการพัฒนาการศึกษาเปิดขึ้นมาบังหน้า แต่เบื้องหลังเพื่อธุรกิจไม่เคยทำอะไรเพื่อครูและนักเรียนดีกว่ามั๊ย!! หากทำได้เช่นนั้นจริง องค์กรสิทธิมนุษยชนคงจะได้รับเสียงปรบมือสรรเสริญเยินยอจากพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนและคนไทยเจ้าของภาษีทั้งประเทศที่เคลื่อนไหวเพื่อส่วนรวมเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
--------------------------

2/24/2562

บทเรียนครูกระทำอนาจารข่มขืนศิษย์ภัยใกล้ตัวที่สังคมควรตระหนัก...

"Ibrahim"

          ข่าวมาแรงและเป็นที่สนอกสนใจของประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ณ เวลานี้คงไม่มีข่าวใดจะมาแย่งพื้นที่สื่อ กรณี อาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอดีตข้าราชการครูสอนภาษาอังกฤษและยังเป็นนักจัดรายการสถานีวิทยุชื่อดังในจังหวัดยะลา วัย 65 ปี ได้กระทำอนาจาร-ข่มขืนเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 5 ราย ล่าสุดมีการแจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์ท่านดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังถูกแจ้งดำเนินคดีหายตัวไปเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
            พฤติกรรมของอาจารย์ท่านดังกล่าวถือได้ว่าช็อกความรู้สึกของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน ความรุนแรงในพื้นที่เกิดขึ้นสิบกว่าปีที่ว่าเลวร้ายแล้ว ยังมาถูกซ้ำเติมจากคนเช่นนี้อีกซึ่งเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่น่าเกิดขึ้นจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูอาจารย์ เรื่องราวของอาจารย์โซะ เชื่อกันว่าไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นกับผู้เสียหาย 5 รายนี้เท่านั้น แต่คาดว่าคงมีอีกหลายรายที่โดนกระทำอนาจารและถูกข่มขืนแต่ไม่กล้าปริปากเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้เนื่องเพราะความอาย อีกทั้งไม่กล้าไปแจ้งความเอาผิดด้วยเหตุผลบางประการ ยิ่งทำให้อาจารย์ท่านนี้ได้กระทำการละเมิดต่อเหยื่ออย่างย่ามใจ
          เหตุการณ์ครูกระทำอนาจาร-ข่มขืนศิษย์เกิดขึ้นและมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งซึ่งเกิดจากความใกล้ชิดและไว้เนื้อเชื่อใจที่ศิษย์มีต่อครู ยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วนอกจากอาจารย์โซะ ยังมีเหตุการณ์ทำนองนี้อีกหรือไม่ที่ไม่เป็นข่าว การกดขี่ทางเพศโดยแอบอ้างศาสนา เป็นครูสอนศาสนาบังหน้าเอาเด็กบำเรอกาม กระทำอนาจารชำเราเด็กแล้วจับซุมเปาะฮ์ให้เกรงกลัวต่อบาป ทำมิดีมิร้ายกับเด็กอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจกลับอ้างว่าได้บุญ ขณะเดียวกันครอบงำสังคมให้มีความเชื่ออย่างผิดๆ หากร้องเรียนโวยวายจะเป็นบาป
เรียกร้องให้องค์กรภาคประชาสังคม กลุ่ม CSO และ NGOs ออกมาเคลื่อนไหวกดดันการกระทำของคนบางคนที่ทำลายภาพลักษณ์องค์กรครู การออกแถลงการณ์เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องกล้าล้วงลึกตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่จ้องจับผิดการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการรายงานซ้อมทรมานเท็จที่ไม่มีแม้มูลความจริง เอาเวลามาทำการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ในหอพักนักเรียนดีกว่ามั๊ย น่าจะมีประโยชน์เพื่อส่วนรวมในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตนักเรียนมุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนการสอน อีกทั้งหามาตรการป้องกันมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ใช่ตื่นตัวตอนไฟไหม้ฟาง ออกแถลงการณ์แค่กระดาษใบเดียวแล้วเป็นอันเสร็จสิ้น ..
บทเรียนกรณีครูกระทำอนาจารข่มขืนศิษย์เป็นภัยใกล้ตัวที่สังคมควรตระหนัก โดยเฉพาะผู้ปกครองซึ่งใกล้ชิดบุตรหลานต้องหมั่นสังเกตเอาใจใส่สอบถามสารทุกข์สุกดิบ อย่าชะล่าใจปล่อยบุตรหลานไว้ในเอื้อมมือครูโดยลำพัง อีกทั้งหน่วยงานรัฐต้องเข้มงวดกวดขันมาตรฐานโรงเรียน และหอพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด อำเภอในพื้นที่ จชต. ที่ควบคุมโรงเรียนเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบหลายพันโรงต้องมีบทบาทสำคัญ ประชาชนทุกคนควรมีส่วนร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสการกระทำผิดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการพลเรือน ครูอาจารย์ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน หรือบุคคลทั่วไปซ้ำเติมปัญหาชายแดนใต้ทำร้ายสังคม ร่วมกันสร้างสันติสุขที่ยั่งยืนคืนความสุขให้ท้องถิ่น อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้ความหลากหลาย แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ดั่งที่เคยเป็นมาช้านานในอดีต
-------------------------

2/21/2562

แฉพฤติกรรม อาจารย์โซะ ลวงละเมิดทางเพศขยี้กามเด็กที่ยะลา

"Ibrahim"
           เรื่องอื้อฉาวชายแดนใต้จากซีรีย์ดราม่าอุสตาซกินนมเด็ก งาบเงินอุดหนุนการศึกษา ค่าอาหารกลางวัน บรรจุนักเรียนผี งุบงิบเงินเดือนครูและค่าเสี่ยงภัยมากกว่าปีละ 4,000 ล้านบาท ลามมาถึงภัยใกล้ตัวแอบอ้างศาสนาใช้เด็กบำเรอกาม กับพฤติกรรม อาจารย์โซะ อีกทั้งยังมีอุสตาซซาตานกินเด็กในปอเนาะหญิงอีกมาก ด้วยการบังคับเด็กอมนกเขา บำเรอกามสนองตัณหาในปอเนาะ ในหอพักนักเรียนหญิงอีกจำนวนมาก ที่เด็กไม่กล้าพูดถูกซุมเปาะฮ์ให้กลัวบาป
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.62 สถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ได้ออกหมายจับที่ 63/2562 นายมะยูโซะ เซ็น หรือ อาจารย์โซะ อายุ 65 ปี เจ้าของสถานที่พักรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษ และสอนศาสนา เป็นข้าราชการครูบำนาญ เป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง อยู่บ้านเลขที่ 4 ถนนสิโรรส ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารและพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่ออนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม
พฤติกรรมของ อาจารย์โซะ จากการให้ปากคำของเด็กผู้เสียหาย นำเด็กจากโรงเรียนของตนเองออกมา อ้างว่าพามาออกรายการวิทยุที่ สวท.ยะลา แล้วให้เด็กโทรบอกผู้ปกครองเปิดวิทยุรอฟังเสร็จแล้วบอกเด็กว่าขอแวะไปบ้านซึ่งอยู่ในโครงการยะลาซิตี้ เพื่อจะไปให้อาหารแมว เมื่อมาถึงบ้านก็จะให้เด็กตอบคำถามภาษาอังกฤษ แล้วก็ลงโทษหากตอบผิด โดยให้มาตอบที่ข้างหู วิธีลงโทษคือหยิก บิด แถวหน้าอกหรือด้านล่างลงไปในครั้งแรกจะกระทำแบบนี้เพื่อดูท่าทีเด็กก่อน (เหยื่อทั้ง 5 คนให้การตรงกันในพฤติกรรม)
เหยื่อทั้ง 5 คน 1 คนโดน 5 ครั้ง 1 คนโดน 3 ครั้ง อีก 3 คนโดนครั้งแรก ล่าสุดก่อเหตุเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมากับเหยื่อคนที่โดนมา 5 ครั้ง ในจำนวนนี้ถูกข่มขืนกระทำชำเราจำนวน 2 ราย การเลือกเหยื่อของ อาจารย์โซะ จะเลือกเหยื่อที่มีนิสัยเรียบร้อยไม่พูดมาก คนที่โดนมากสุดคือล่วงละเมิด กระทำชำเราและข่มขืน เสร็จแล้วจะให้เงิน 200 บาทแล้วบังคับให้เด็กซุมเปาะฮ์ (สาบาน) ว่าจะไม่นำเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวไปบอกใคร!!!!
ความรุนแรงในพื้นที่ที่ว่าเลวร้ายแล้ว ยังไม่ได้มากไปกว่าคนแบบนี้เท่าใดนัก เป็นภัยใกล้ตัวกับบุตรหลานของเรา พฤติกรรมของ อาจารย์โซะ ไม่ได้เพิ่งเกิดกับผู้เสียหายแค่ 5 รายนี้เท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดมานานแล้วเคยกระทำกับเหยื่อ 12 ปี คาดว่ามีกว่าครึ่ง 10 ที่โดนข่มขืน และเรื่องนี้เป็นที่รู้กันแต่ไม่สามารถเอาผิดได้เนื่องจากผู้ปกครองไม่กล้าออกมาแจ้งความ
พฤติกรรมของ อาจารย์โซะ ยังเคยขนเด็ก 100 กว่าคน จากโรงเรียนดรุณฯ อ.มายอ จ.ปัตตานี แล้วมาข่มขู่ ผอ.สช.และเจ้าหน้าที่ สช.อำเภอมายอเพื่อขอเบิกเงินอุดหนุนจากรัฐ อีกทั้ง อาจารย์โซะ เคยนำนักเรียน 150 คน มาเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่บ้านน้ำใส เจ้าหน้าที่เคยเชิญตัวมาซักถาม กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตงบประมาณรัฐบรรจุนักเรียนผีโรงเรียนปอเนาะของ นายเซ็ง มะลี
ที่กล่าวมาคือพฤติกรรมของนายมะยูโซะ เซ็น หรือ อาจารย์โซะ ที่เปิดสถานที่พักรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษ และสอนศาสนาบังหน้า เราต้องขอคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ถูกมารศาสนาเหล่านี้แอบอ้างศาสนาเอาเด็กบำเรอกาม กระทำอนาจารชำเราเด็กแล้วจับซุมเปาะฮ์ให้กลัวบาป ทำมิดีมิร้ายกับเด็กอย่างไรก็ได้กลับอ้างว่าได้บุญ ขณะเดียวกันหากร้องเรียนโวยวายจะเป็นบาป นอกจากนี้ยังมีอุสตาซจำนวนมากแสวงประโยชน์หากินอันมิชอบ ทั้งเงินอุดหนุนการศึกษา ค่าอาหารกลางวัน นมโรงเรียน ปีละมากกว่า 4,000 ล้านบาท วอนไปยังองค์กรภาคประชาสังคม NGOs ควรตรวจสอบโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนเหล่านี้อย่างจริงจังด้วย อย่าสนใจแต่เรื่อง รายงานการซ้อมทรมานเท็จ ที่คอยจ้องจับผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่รัฐให้การดูแลประชาชนทุกเชื้อชาติทุกศาสนาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

คลิปวีดีโอ อาจารย์โซะ ถูกออกหมายจับ 
------------------------------
ขอบคุณคลิปวีดีโอจากข่าวด่วนชายแดนใต้


2/19/2562

ใคร?.. คือผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ PerMAS

 "แบมะ ฟาตอนี "

ตลอดระยะเวลา 15 ปีไฟใต้ที่ลุกลามแผดเผาทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันของประชาชนในพื้นที่ จชต. ถึงแม้บางช่วงเหตุการณ์เสมือนจะสงบไร้เหตุแต่ยังคงคุกกรุ่นพร้อมที่จะลุกโชนขึ้นมา หลายชีวิตต้องพบจุดจบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้นำศาสนา หรือแม้กระทั่ง ผกร.เอง ผู้คนต่างปรับตัวเพื่อสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ และแทบทุกครั้งที่เกิดเหตุปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาทของ "องค์กรนักศึกษา" เป็น "ผู้เล่น" หนึ่งในปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และดูเหมือนจะเป็น "ผู้เล่น" ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามในมุมมองของฝ่ายความมั่นคง
การส่งผ่านจากรุ่นสู่รุนของ "องค์กรนักศึกษา" ในนามกลุ่ม PerMAS ในปัจจุบันนี้ย่างเข้าสู่รุ่นที่ 5 มีการคัดเลือกประธานและคณะผู้บริหารองค์กรขึ้นมาเป็น "ผู้เล่น" กำหนดยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหว จัดเวทีเสวนาปลุกกระแสความเป็นมลายูปาตานี เพื่อหาแนวร่วมในการกำหนดใจตนเองแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย
แต่เอาเข้าจริงๆ "ผู้เล่น" เหล่านั้นที่ขึ้นมาเป็นทีมบริหารของ PerMAS กลับต้องเป็นหุ่นเชิดของใคร? บางคนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นตัวจริงเสียงจริงที่คอยชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ PerMAS ว่าจะเดินไปในแนวทางไหนและเคลื่อนไหวอย่างไ?
อย่างเช่นเมื่อ 11 ม.ค.62 ที่ผ่านมา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นายอับดุลฮากิม โต๊ะแล กรรมการบริหาร PerMAS เป็นผู้ตั้งคำถาม พล.อ.อุดมชัยฯ หน.คณะพูดคุยสันติสุข ว่าการพูดคุยฯ ได้เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพความจริง กลับไม่ยอมให้นักศึกษาจัดเวทียืนยันข้อเรียกร้อง แต่ปัดเป็นเรื่องปัญหาภายใน ไม่ให้แตะเรื่อง "เอกราช" ดังนั้นจะเสมือนเป็นเงื่อนไขปิดกั้นผู้เห็นต่างต่อการมาร่วมเวทีพูดคุยเพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมืองหรือไม่? 

นายอาเตฟ-หลวง ต. ริมทะเลสาบลูเซิร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อปี 60
ผู้อยู่เบื้องหลังให้นายอับดุลฮากิม โต๊ะแล ตั้งคำถาม พล.อ.อุดมชัยฯ คือนาย อาเตฟ โซ๊ะโก อดีตเลขาธิการของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) อดีตประธาน PerMAS และเป็นแกนนำผู้ก่อตั้ง PerMAS รุ่นแรกร่วมกับ นายตูแวดานียา ตูแมแวแง
เมื่อ 24 ม.ค.62 นายอาเตฟ  โซ๊ะโก พร้อมด้วยนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พบปะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนึ่งจากส่วนกลาง พระรูปนี้มีชื่อเล่นว่า หลวง ต. เป็นพระสายธรรมกาย ซึ่งได้เดินทางมาร่วมพิธีศพพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี ที่ถูก ผกร. สังหาร การพบปะของ นายอาเตฟและนางอังคณา มีความน่าสนใจ เป้าหมายเพื่อดึงพระสายธรรมกายมาสนับสนุนงานการเมือง จชต. มีการตกลงและรับข้อเสนอของ นายอาเตฟ โดยจะส่งนักบวชสายวัดพระธรรมกาย ลงพื้นที่ จชต. จัดกิจกรรมกับชาวไทยพุทธ เพื่อชี้นำให้เห็นถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา จชต. การพบปะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้น นายอาเตฟ เคยพบกับ หลวง ต. ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อปี 60 และได้ถ่ายภาพร่วมกันที่ทะเลสาบลูเซิร์น

นายอาเตฟ-หลวง ต.- นางอังคณา ณ สนามบินแห่งหน่งหนึ่งในภาคใต้ ปี 62
        นายอาเตฟ  โซ๊ะโก ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการกำกับยุทธศาสตร์ The Patani และเป็นที่ปรึกษา PerMAS คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยขับเคลื่อน PerMAS มีพี่ชายชื่อ นายอารีฟ หรือฮาริฟ โซะโก สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ  มีภรรยาชื่อ ยุสรีฮา เปาะดาโอ๊ะ ซึ่ง ยุสรีฮา เป็นลูกสาวของ นายบราเฮง เปาะดาโอ๊ะ เจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.นราธิวาส และฟอกเงินให้ นายบราเฮง ด้วยการตั้งมูลนิธิเด็กกำพร้าบังหน้า จุดประสงค์และเป้าหมาย ของ "อาเตฟ" คือแบ่งแยกดินแดนมุ่งไปสู่ "เอกราช" หรือไม่ได้จริงๆ ขอแค่เขตปกครองพิเศษก็เอา ข้อมูลเชิงลึกการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ที่จะถึงนี้ PerMAS กำลังรณรงค์ให้เยาวชนมุสลิม 3 จชต. ที่มีสิทธิเลือกตั้งมาสนับสนุนการลงคะแนนเสียงแก่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งเพื่อมุ่งเข้าสู่ทิศทางการแก้ปัญหา จชต. ด้วยการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ.. น่าสนใจ!! และน่าติดตามต่อความพยายามของ นายอาเตฟ ที่กระทำทุกวิถีทางเพื่อมุ่งไปสู่แนวความคิดของตนเอง โดยไม่ใส่ใจความต้องการของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไร?



-------------------

2/17/2562

เห็นใจญาติ ผกร.ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว

"Ibrahim"

จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาหลังหมู่บ้านไอร์ลาฆอ ม.5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น นำไปสู่การปะทะกับกองกำลังติดอาวุธจำนวนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่บริเวณที่พักชั่วคราว จากการปะทะคนร้ายเสียชีวิต 2 ราย จากการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคล ทราบชื่อคือ นายอายิ ยามา และนายสุกรี มามุ ซึ่งทั้งสองคนมีหมาย ป.วิอาญา ที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัว
ขอแสดงความเห็นใจต่อญาติของ ผกร. ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป ญาติและครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตที่เกิดจากการกระทำของ นายอายิ ยามา และนายสุกรี มามุ ครอบครัวของผู้สูญเสียเหล่านั้นเคยเสียใจและช้ำใจแค่ไหน? ที่ต้องเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
เราเข้าใจความรู้สึกและสภาพจิตใจของผู้ที่สูญเสียดี ไม่ว่าจะเป็นใครย่อมอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เมื่อคนในครอบครัวต้องจากไป ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำ หรือแม้กระทั่งครอบครัวของ ผกร. ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ยิ่งเกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์กับการนำเสนอข่าวสารออกไปยิ่งตอกย้ำภาพความรุนแรง
จากข้อมูลที่ได้รับหรือแม้กระทั่งการแถลงข่าวในการปิดล้อมจับกุมในห้วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการวางแผนในการปฏิบัติโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก มีการเชิญตัวผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งบุคคลในครอบครัวมาช่วยเกลี่ยกล่อมให้ผู้กระทำผิดทำการมอบตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง การปฏิบัติอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และระมัดระวังเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่ถึงอย่างไรเสียเราในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตั้งแต่เกิด ขอแสดงความเสียใจและเห็นอกเห็นใจต่อญาติ ผกร. ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวในครั้งนี้ เนื่องจากถูกขบวนการหลอกใช้ ผู้สั่งการเสพสุขอยู่เมืองนอก ไม่เคยเหลียวแล พอทีกับความความรุนแรงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผู้ที่ยังอยู่วังวนควรทบทวนใหม่ วางอาวุธกลับมาอยู่กับครอบครัวดูแลลูกเมีย อย่าตกเป็นเบี้ยล่างให้ขบวนการหลอกใช้ กลับมาพัฒนาบ้านเกิดเพื่อสร้างสันติภาพ สันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ร่วมกันให้ลูกหลานของเราสืบไป...
*****************

2/16/2562

ตายแบบไหนที่เรียกว่า "ซาฮีด"



การเสียชีวิตของแนวร่วมฯ ทั้ง 2 คน ในเหตุการปะทะกันในเขต อ.จะแนะ จ.นราธิวาส กำลังถูกเป็นเครื่องมือถ่ายทอดสถานะ ให้เป็นนักรบแห่งพระเจ้า ผู้ปกป้องศาสนาอิสลาม เป็น ซาฮีดที่สมบรูณ์ ซึ่งเป็นเครื่องหลอกล่อ ให้มวลชนที่ถูกหลอกให้เข้าใจผิด ยอมพลีชีพเพื่อสำเร็จใน ซาฮีด

ในความเชื่อว่า พระองค์อัลลอฮ์ จะทรงยกโทษบาปทั้งปวง ที่เคยกระทำมาในชีวิตได้เข้าถึงดินแดนสวรรค์ของพระองค์อัลลอฮ์ จึงเป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนยินดีในผลที่ได้นั้น เป็นภาระหน้าที่สำคัญอันยิ่งใหญ่ ในการยินดีพลีชีพ เพื่อปกป้องศาสนาอย่างสุดชีวิต หัวหน้าโจร จึงยกฮาดิษข้อนี้มากล่าวอ้าง กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งความจงรักภักดีต่อพระเจ้า นำมาหลอกมวลชน ว่าสงครามครั้งนี้คือ "การปกป้องศาสนาอิสลาม"

นับเป็นความเข้าใจผิดที่ร้ายแรงที่สุดที่มุสลิมทุกคนต้องรับทราบ และต้องหยิบยกขึ้นมาอธิบายให้ได้เข้าใจตรงกันว่า การตายของของกลุ่มแนวร่วมฯ ที่ต่อต้านรัฐไม่ใช่การตายเพื่อปกป้องศาสนาอิสลาม แต่ตายเพื่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะครอบครองพื้นที่ 3 จชต. และสถาปนาตัวเองเป็นราชวงศ์ใหม่ เพื่อเสวยสุขเป็นพระราชาแห่งประเทศ ตามความฝันลมๆ แล้งๆ

ประเทศนี้ไม่มีสงครามศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม รักใคร่กลมเกลียวกัน รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมและไม่เคยกีดกั้นสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและการประกอบศาสนกิจ เพราะฉะนั้นการตายครั้งนี้และที่ผ่านมา ล้วนเป็นการตายของ "คนหลงผิด" ถูกหลอกเป็นเครื่องมือต่อต้านรัฐ เพื่อบรรลุในจุดหมายที่ต้องการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ด้วยการร่วมกันใช้กลอุบายเรื่องราวในอดีต และอาศัยศาสนาเป็นเครื่องมือหลอกล่อมวลชน ให้เขามาเป็นเบี้ยล่าง ส่งไปตายแทน เป็นบันไดศพให้พวกคนชั่ว เหยียบขึ้นไปเสวยอำนาจ แนวร่วมฯ พวกนี้จึงตายเพื่อคนชั่ว เมื่อเป็นดังนี้ ไม่ถือเป็นการซาฮีด และย่อมไม่ได้รับภาคผลของการเป็นซาฮีด (ชะฮาดะฮฺ) แต่อย่างใดเลย และตายขณะที่ละเมิดต่อคำสอนของศาสดา เรื่องการฆ่าคนบริสุทธิ์ ย่อมตกศาสนา กลายเป็นคนนอกศาสนาไปในที่สุด หลุดออกไป อยู่นอกการอนุมัติทั้งปวง ของพระองค์อัลลอฮ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวมุสลิมทั้งหลาย เกรงกลัวยิ่งนัก ไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานะนั้นอย่างแน่นอน เพราะจะต้องถูกเขี่ยลงนรก วิญญาณจึงไม่มีโอกาส ได้เข้ารับการพิพากษา ในวันกียามะห์แต่จะหายสาปสูญไปในไฟนรกตลอดกาล.....

"พวกเขาจึงไม่ใช่นักรบเพื่อศาสนา นักรบแห่งพระองค์อัลลอฮ์ หรือวีรบุรุษ แต่เป็นนักรบเพื่อคนชั่วที่ใคร่ได้อำนาจเท่านั้นเอง"
........................................................................................

ตายแบบไหนที่เรียกว่า "ซาฮีด"

"ซาฮีด" ในข้อชี้ขาดของโลกนี้และโลกหน้า คือ ผู้ตาย"ซาฮีด" ในสมรภูมิ (เพื่อปกป้องและเชิดชูธงชัยแห่งศาสนาอิสลามให้สูงส่ง) ข้อชี้ขาดของโลกนี้คือ ไม่มีการอาบน้ำศพ และไม่มี การละหมาดให้ตามทัศนะของปวงปราชญ์ (ญุมฮูรุ้ลอุละมาอฺ) และข้อชี้ขาดของโลกหน้านั้น คือ ผู้ตาย"ซาฮีด" นั้นจะได้รับอานิสงค์เป็นกรณีพิเศษ ถือเป็นผู้ตาย"ซาฮีด" ที่ได้รับภาคผลของการเป็น"ซาฮีด"  (ชะฮาดะฮฺ) ที่สมบูรณ์ (อัลฟิกฮุล อิสลามี่ย์ ว่า อะดิ้ลล่าตุฮู ; วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลี่ย์, 2/559 , ดารุ้ลฟิกร์ , ดามัสกัส ; 1989)
----------------------------

โจรใต้หลอกใช้เยาวชน ...



"บีอาร์เอ็น" หลอกใช้ "เด็กและเยาวชน" เข้าร่วมขบวนการเป็นแนวร่วม RKK ทำการก่อเหตุมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางว่าจริงหรือ? อีกทั้งยังมีบุคคลบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวปกป้องสถาบันการศึกษาปอเนาะว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใช้เป็นแหล่งปลูกฝังแนวความคิด ความเชื่อ ด้วยการบิดเบือนประวัติศาสตร์ปัตตานี รวมทั้งบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาให้กับกลุ่มเป้าหมาย"เด็กและเยาวชน

ตอบโจทย์ "บีอาร์เอ็น" หลอกใช้ "เด็กและเยาวชน" เช่นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 เจ้าหน้าที่จับกุมนายซอมะ สะมะแอ และนายอิบรอเฮ็ม อุมา ซึ่งเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธเยาวชน หรือ RKK ที่แฝงตัวเข้ามาประชุมวางแผนเพื่อก่อเหตุร้ายในช่วงเดือนรอมฎอน ในพื้นที่หมู่บ้านไอปาแย หมู่ 8 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และอีก 8 คนได้เล็ดลอดหลบหนีไป อีกทั้งยังมีอีกหลายคดีที่ "เด็กและเยาวชน" ถูกหลอกใช้ในการก่อเหตุ

เมื่อ"เด็กและเยาวชน"เหล่านี้ได้ลงมือก่อเหตุจะมีคดีความติดตัวถูกออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ หมดสิ้นอนาคต ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อมีการติดตามจับกุมนำไปสู่การปะทะเกิดการสูญเสีย หรือถูกจับกุมส่งตัวฟ้องศาลตามกระบวนการยุติธรรม กลุ่มขบวนการไม่เคยสนใจและให้การช่วยเหลือใดๆ

ผลสุดท้ายคนที่เสียใจคือพ่อแม่ผู้ปกครองและครอบครัว กลุ่มขบวนการไม่ได้ใส่ใจหรือแยแสใดๆต่อความเดือดร้อนที่"เด็กและเยาวชน"เหล่านั้นได้รับเพียงแค่หลอกใช้ให้ทำการก่อเหตุ โน้มน้าวให้ประพฤติชั่วเข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย เพื่อผลประโยชน์ของขบวนการ เพื่อสนองตัณหาอุดมการณ์ที่ลวงหลอกของแกนนำโจรใต้..ซึ่งเป็นได้แค่ฝันไม่มีวันที่จะเป็นจริง
-------------------

2/15/2562

บทวิเคราะห์ผู้นำรุ่นใหม่"บีอาร์เอ็น"

"แบมะ ฟาตอนี"

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ซึ่งได้เกิดเหตุร้ายถี่มาก รูปแบบการก่อเหตุคนร้ายทำการป่วนเมืองด้วยคาร์บอม ลอบยิง ทำลายเสาไฟฟ้า แต่ข่าวที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจคือข่าวลอบระเบิดรูปปั้นนางเงือกสมิหลา จังหวัดสงขลา และเหตุการณ์สังหารเจ้าอาวาสและพระลูกวัดรัตนานุภาพ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
จากการกระทำดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อภาพลักษณ์ของขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งได้ถูกประณามรอบทิศจากบุคคล องค์กรผู้ที่ไม่ต้องการความรุนแรง สาเหตุมาจากอะไร? บีอาร์เอ็นถึงได้ใช้ความรุนแรงรอบใหม่ทั้งๆ ที่การพูดคุยสันติสุขยังคงเดินหน้า
ข่าวที่ตามมาพร้อมๆ กับเหตุความรุนแรงก็คือ สาเหตุของความรุนแรงมาจากการเปลี่ยนตัวผู้นำบีอาร์เอ็นคนคนใหม่ จาก "นายดูนเลาะ แวมะนอ" เป็น "นายสะมะแอ คอซรี" หรือ สะมะแอ คอซารี "ผู้รู้" ต่างวิเคราะห์ความเป็นไปได้กรณีเปลี่ยนตัว นายดูนเลาะ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้ากดดันของทางการมาเลเซียให้พูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทย
หากเป็นเช่นนั้นจริงจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นย่อมเกิดจากการสั่งการของผู้นำรุ่นใหม่บีอาร์เอ็นที่ฝักใฝ่ความรุนแรงที่ยังด้อยประสบการณ์และไม่รอบคอบในการตัดสินใจ พากันจม จนนำไปสู่การเสียมวลชนและเสียภาพลักษณ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ท่ามกลางกระแสเปลี่ยนตัวผู้นำ"บีอาร์เอ็น"ยังมีข่าวสอดแทรกการก้าวขึ้นมาของ "นายนิเซ๊ะ นิฮะ" เลขาธิการบีอาร์เอ็นคนใหม่ ซึ่งมีบทบาทในการเคลื่อนไหวสร้างความรุนแรงในพื้นที่ในห้วงที่ผ่านมา นายนิเซ๊ะ เป็นคนหัวรุนแรงเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2554 วีรกรรมที่ผ่านมาของนายนิเซ๊ะ ไม่ธรรมดา เป็นแกนนำกลุ่ม ผกร.ระดับสูง อดีตเคยดำรงตำแหน่งประธานชมรมนักศึกษามุสลิม มหาวิทยาลัยรามคำแหง (PNYS) พฤติกรรมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเหตุการณ์ เป็นแกนนำการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่แถบภาคอีสาน เป็นการ์ดและร่วมเคลื่อนไหวการเมืองต่อต้านอำนาจรัฐขับไล่รัฐบาล อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับชมรมทนายความมุสลิมร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมสร้างกระแสการเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"นายนิเซ๊ะ นิฮะ" มี "นายกูเนียวัน อุตรสินธุ์" บุคคลใกล้ชิดนิยมความรุนแรงเหมือนกันเป็น"หัวหมู่ทะลวงฟัน" ซึ่งนายกูเนียวัน น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์สังหารเจ้าอาวาสและพระลูกวัดรัตนานุภาพ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส  นายกูเนียวัน เคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552 และยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกลุ่ม ผกร.จริง อีกทั้งยังเคยผ่านพิธีซูมเปาะ ขณะศึกษาอยู่ที่เมืองบันดุง อินโดนีเซียเคยเป็นประธานชมรม PMIPTI (Persatuan Mahasiswaislam Patani (Seletan Thailand) Di Indonesai)
       เหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมาในห้วงการเปลี่ยนผ่านผู้นำรุ่นใหม่ของ "บีอาร์เอ็น" ย่อมส่งผลให้เห็นแล้วว่า "นิยมความรุนแรง" มีความสุดโต่งและไม่ต้องการสันติสุข ผลที่ตามมาที่พี่น้องไทยพุทธ-มุสลิม ผู้บริสุทธิ์ได้รับ ต้องบาดเจ็บล้มตาย อีกทั้งยังมีพฤติกรรมฆ่าพระ-ยิงอิหม่าม วางแผนชั่วเพื่อโยนผิดสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้องสองศาสนาต้องอยู่อย่างหวาดผวา หวาดระแวงต่อกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนคับแค้นใจ บีอาร์เอ็นแถลงการณ์ผ่านยูทูบ "ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตลอด 15 ปีไฟใต้ เป็นผลงานของตนเอง" เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 แบบหน้าด้านๆว่า "เพราะพวกตนก่อความไม่สงบ พี่น้องในพื้นที่ จชต.จึงมีชีวิตที่ดีขึ้น" เห็นด้วยครับ!!และถ้าไม่มีกลุ่ม บีอาร์เอ็น พี่น้องในพื้นที่ จชต.คงมีชีวิตที่ดีขึ้นอีกเป็นสิบเท่า แต่ บีอาร์เอ็น ก่อเหตุฆ่า/ยิงผู้บริสุทธิ์ ลอบวางระเบิดผู้เคราะห์ร้ายไปทั่วพื้นที่ และเป็นผลงานของผู้ก่อการดี คิดได้ไง!! ถ้าคนฟัง/คนอ่านไม่พิการทางสมอง...คงมีคนเห็นด้วยกระมัง?


------------------

2/13/2562

สื่อโจรใต้“อวย”ซาฮีด อายิ ยามา ฆ่าพระเป็นวีรบุรุษ

"แบมะ ฟาตอนี"

ตามคาด! สื่อโจรใต้ปลุกกระแสข่าวชาวบ้านนับร้อยแห่ศพ"คนร้ายถูกวิสามัญ"อ้างชอบช่วยเหลือชาวบ้าน รักครอบครัว เป็นแบบอย่างที่ดีอีกทั้ง "ซาฮีด" ให้เป็นวีรบุรุษ
กรณีเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้าย 2 ศพ บนเทือกเขาช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพไปพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ก็ได้มอบศพให้ญาตินำตัวไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยหนึ่งใน 2 ผู้เสียชีวิตคือ นายอายิ ยามา ถูกนำมาฝังที่บ้านเกิด เพจ Suara Patani ซึ่งเป็นเพจแนวร่วมของขบวนการก่อความไม่สงบ ได้รายงานว่า สมเกียรติ! ประชาชนนับร้อยแห่เคลื่อนศพ "กองกำลังฝ่ายปาตานี" อ้างชาวบ้านในพื้นที่ได้กล่าวว่า "ซาฮีด (อายิ ยามา) เป็นคนที่ยำเกรงคนหนึ่ง และเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน เป็นคนที่รักครอบครัว ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน และเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้าน"และยกให้ นายอายิ ยามา "ซาฮีด" คือวีรบุรุษของเราทุกคน
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตผู้ร่วมแห่ขบวนเคลื่อนศพ นายอายิ ยามา ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่ขับมอเตอร์ไซต์ไปทำพิธีที่กูโบร์ การ "ซาฮีด" (อายิ ยามา) คือวีรบุรุษเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? อย่าลืมว่ากลุ่มขบวนการต่อสู้กับรัฐไทยเพื่ออะไร? เพื่อแบ่งแยกดินแดน เพื่อเอกราชใช่หรือไม่? ที่สำคัญผู้ตายเป็นกลุ่มที่ลงมือฆ่าพระอย่างเลือดเย็น สมควรแล้วหรือกับคำว่า "วีรบุรุษ"
         พฤติกรรมวีรบุรุษ บีอาร์เอ็น นายสุกรี  มามุ เป็นแกนนำระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป วิ อาญา ในคดี ยิงนายธะพล ชูส่งแสง ครูโรงเรียนบ้านบอเกาะ ม.2 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา เหตุเกิดบ้านดอเฮะ ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ส่วนวีรบุรุษอย่าง นายอายิ ยามา เป็นแกนนำระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิฯ อาญา ในคดี ร่วมกับพวกยิงนายมะยูโซ๊ะ บาโด และครอบครัวเสียชีวิต 4 ศพ ที่บ้านน้ำตก ม.5 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ขณะที่นายมะยูโซ๊ะ และครอบครัวเดินทางไปร่อนทอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 61 ยังไม่นับรวมเหตุการณ์ที่ลงมือฆ่าพระอย่างเลือดเย็น
เมื่อมีการตีความหมายการตายของ นายอายิ ยามา ว่า"ซาฮีด" ถือว่าเป็นบาปต่อผู้ตาย ผู้นำศาสนาในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากผู้ที่ตายไปแล้วย่อมไม่รู้ การไม่อาบน้ำศพ แห่ศพ เป็นคนละประเด็นกันตามแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการ เป็นการกระทำที่ผิดหลักศาสนา อย่านำเรื่องศาสนาซึ่งมีความละเอียดอ่อนและอ่อนไหวต่อความรู้สึกมาเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม หากมีการ"ซาฮีด"ทุกครั้งที่คนร้ายตาย จะเป็นบรรทัดฐานในการกระทำต่อๆ กันไปอย่างผิดหลัก ทำลายศาสนาและความศักดิ์สิทธิ์ของคำว่า"ซาฮีด"โดยไม่รู้ตัว
--------------------------

ความใฝ่ฝันของบีอาร์เอ็นหลังแบ่งแยกดินแดน



ความใฝ่ฝันของบีอาร์เอ็นหลังแบ่งแยกดินแดน คงไม่มีอะไรมากไปกว่า "การอยากมีอำนาจ" เป็นของตัวเองสำหรับพวก "แกนนำ" ถ้าทำสำเร็จคนที่จะได้ผลประโยชน์จริงๆ นับหัวได้มีไม่กี่คนหรอก!! ที่มีการวางตัวไว้เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ส่วนระดับล่างๆ ที่เป็นแนวร่วมก็จนเหมือนเดิม.. ถูกหลอกใช้ให้ระดับแกนนำเหยียบขึ้นไปเป็นใหญ่
"บีอาร์เอ็น" ตามข้อมูลที่เราทราบกันว่าก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2503 และในปี 2511 ได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธปลดแอกอิสลามปัตตานี แต่ในปี 2520 เกิดความแตกแยกภายในองค์กร นำไปสู่การแยกตัวเป็น บีอาร์เอ็นกลุ่มต่างๆ ที่มีชื่อว่า บีอาร์เอ็นคอร์ออร์ดิเนต บีอาร์เอ็นคองเกรส และบีอาร์เอ็นอูลามา
จะเห็นได้ว่าขณะที่การแบ่งแยกดินแดนยังไม่สำเร็จตามแผนบันได 7 ขั้น "บีอาร์เอ็น" ยังมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นภายในองค์กรขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์หรอกหรือ? แนวร่วมที่ไม่ใช่ระดับแกนนำอย่าไปหวังว่าจะได้สบาย ทุกวันนี้คนที่สั่งการเสวยสุขอยู่เมืองนอก ส่วนแนวร่วมที่ถูกหลอกใช้ทำการก่อเหตุต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่ได้อยู่กับลูกเมียและครอบครัว เงินทุกวันนี้เอามาจากไหน? ถ้าไม่ใช่เงินที่ทำมาค้าขายแบบสุจริต? ไหนจะซื้ออาวุธ ไหนจะค่าบริหารองค์กรไหน ค่ากินค่าอยู่ ... เงินที่ได้มาจากท่อน้ำเลี้ยงผิดกฎหมายเป็นหลัก แต่บีอาร์เอ็นกลับใช้ความรุนแรง"เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์"เพื่อมา"เรียกร้องความเป็นธรรม" มันตลกสิ้นดี
เราในฐานะประชาชนชาวปาตานีจะมั่นใจได้อย่างไรว่าภายหลังแบ่งแยกดินแดนสำเร็จชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราจะดีขึ้น และเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า"บีอาร์เอ็น"จะดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ดีกว่ารัฐบาลไทยที่ให้พวกเราอยู่ทุกวันนี้ ที่ผ่านมา"บีอาร์เอ็น"เคยให้อะไรกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวร่วมที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่ออุดมการณ์เขาเหล่านั้นบาดเจ็บล้มตายหรือถูกจับกุมต้องติดคุกติดตารางครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังใคร? คือคนดูแล..

*****************

2/07/2562

ทำไม? กลุ่ม “มาราปาตานี” ออกแถลงการณ์ขอระงับการพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลไทย

 

      ทำไมมาราปาตานี ถึงได้ออกแถลงการณ์ขอระงับการพูดคุยทั้งปวงกับตัวแทนรัฐบาลไทย  ที่นำโดย พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หัวหน้าคณะพูดคุยฯ คนใหม่ จนกว่าการเลือกตั้งของไทยจะเสร็จสิ้น มาราปาตานีนั้นต้องการดิสเครดิต พล.อ.อุดมชัย ที่มองว่าการพูดคุยต้องคุยกับทุกกลุ่ม มิใช่ให้ความสำคัญเฉพาะมาราปาตานีอย่างเดียว(เหมือนคณะพูดคุยชุดเดิม) จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ โดยอ้างว่า พล.อ.อุดมชัย ไม่ต้องการพูดคุยกับมาราปาตานีทั้งคณะ จริงๆแล้วที่นัดหมายมีขั้นตอนการพูดคุยโดยเลขาฯคณะพูดคุยประสานงานอยู่แล้ว


      พล.อ.อุดมชัย ทราบดีว่าการพูดคุยจะได้ผลเป็นรูปธรรมต้องคุยกับกลุ่ม BRN เป็นหลัก จึงทำให้กลุ่มมาราปัตตานียิ่งไม่พอใจที่มะสุกรีพยายามแยกตัวออกมาพูดคุยเป็นการเฉพาะ นอกจากนั้น พล.อ.อุดมชัย เปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกกลุ่มทั้งในพื้นที่ จชต.และ กทม. เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมและเปิดกว้าง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การรวบรวมข้อมูลที่จะไปเสนอให้เวทีพูดคุยอย่างเป็นทางการต่อไป


...................................................

فغئانس اوسهامغئوناكن كانق-كانق سبائي فريسي اونتوق برتاهن.





 حال فرتمفوران دتمفة 3 موقيم تلوق كافور، دايره يأريغ، ويلاية فطاني مثببكن 2 فنجاهة ماتي دان مسيتاكن اكن 1 سنجات افي AK-47 دان 1 فيستول 9 ميليميتر دان 1 فئاواي ترساكية دان بودق فرمفوان يغ برعمور 8 تاهون ترساكية 1 اوراغ ايت اخارا سدمكين اداله كسينمبوغن درفد فنجاهة برفاكين منيرو فئاواي تنتراهيتم اونتوق منيمبق فئاواي سوكاريلاوان مغكلكن نئري منيغئل دونيا 4 فئاواي سماس منجائ كن اوليه مريك ايت اكن كسلامتن سكوله كبغسأن كمفوغ بوكؤ، دايره يأراغ دان كمدين فئاواي-فئاواي برتمفوراكن فنجاهة يغ برهمفيردغن مسجدكروسيك دان دافة مغاوالكن اكن 1 فنجاهة دان ملاريكنديري 1 اوراغ يغد معلومكن اوليه سومبربريتاعوام اكن بهواسث فنجاهة ايت تله ملاريكن ديري اونتوق تيغئل دكاواسن ايت مك مغهنتركن اكن فئاواي اونتوق ممريقسادان مثببكن برلاكوث فرتمفوران سهيغئ مغعاقيبتكن كروئين سدمكين
دري فمريقسأن كدوا-دوا كماتين ايت مندافتيكن اكن سجارهث منجادي اي فنئانسن يغ برتيغكهلاكو ئانس دان ممفوثأي سجومله 7 ورن تغكف يأيت عبدالله  ثمن، 30 تاهون دغن ورن تغكف اونتوق 6 فروسدورجناية دان عبدالله  خيءلوغ، 38 تاهون يغ ساكية درفد برتمفوركن اكن فئاواي دان برسمبوه اي درومه يغ ترسبوت دان ممفوثأي اي اكن 1 ورن تغكف فروسدورجناية فئاواي تله مغيكوتي فروسدوردالم فغواتكواسأن اونداغ-اونداغ دان فد فغفوغن ايت فنجاهة تله منيمبقكن دهولويغ مثببكن سوكاريلاوان تنتراهيتم تهيئتا  بواغام يغ براد دباوه يونية ترتنتوتنتراهيتم 43 ترساكية دان كمدين ممبريتاهوكفدايمام دان فميمفين كمفوغ اونتوق ممبنتوبرونديغ تتافي فنجاهة منولق اونتوق مثرهكنديري دان مغئوناكن اي اكن سنجات اونتوق منيمبقكن اكن فئاواي سهيغئ مثببكن برتمفوردان منيغئلكن دونياث كدوا-دوا فنجاهة ممفوثأي سجارة جناية يغ منخيفتاكن باثق كروئين ددالم كهيدوفن دان هرتابندا دان فد هاري ايت جوئ دي مغئوناكن اوراغ-اوراغ درومه دان كانق-كانق فرمفوان منجادي فريسي يغ مثببكن كانق-كانق فرمفوان ايت ترساكية اين دافة دليهتكن اكن بهواسث كدوا-دوا فنجاهة يغ ملاكوكن فمبونوهن دان فغبومن اوراغيغ تيدق برساله يغ تنفاتاكوت اكن دوسااتواونداغ-اونداغ سهيغئ دوسامغتسي اكن كدوا-دواث ممبونوه اوليه كدوا-دواث اكن 4 اوراغ اغئوتاسوكاريلاون يونية فرليندوغن موقيم فرأخن دسكوله كبغسأن كمفوغ بوكؤدان ملاريكنديري سمفي اخيرجالن، ايمام دان فميمفين ائام داتغ اونتوق برونديغ دغندي تتافي منولق اي دان مغئوناكن كدوا-دواث اكن سؤراغ بودق فرمفوان كخيل سبائي فريسي اونتوق برتاهن تنفا برمرؤه يغ ممباوا كفدكروئين سدمكين
كامي ايغين مغئوناكن كات-كات استري سوكاريلاوان يونية فرليندوغن مقيم يغ منيغئل دونيا، يغ بركات اي“ساي تيدق فيكيراكن بهواسث سوامي اكن ماتي،
بهكن سموافركاراتله دقضاءكندي ” كران سسياف يغ تله ملاكوكن سباراغ فربواتن، مك فد سوات هاري فربواتن ايت اكن كمباليث اونتوق اخارااين، فغاره كسلامتن دالم نئري ويلاية ك-4 مثوروهكن اونتوق مغومفولكن باهن شكسي دان فمريقسأن دان بوقتي سنجات افي دان ملواسكن حاصيلث كفد كومفولن يغ تيغئل سرتادغن ممبنتو دان مثمبوهكن اكن بودق فرمفوان يغ ساكية دغن سئرادان ممريقساكن تيغكه لاكوتوان رومه اداكه برستوجواي دان ممبري فرليندوغن اي اكن فارافنجناية؟ اتوتياد، اونتوق منروسكن فروسيديغ اونداغ-اونداغ ماريله كيت برليهة اكن بهواسث سيافكه يغ فرلوممبايركن كرمااين لائي؟
..............................

เด็กฝึกการต่อสู้ หลังปอเนาะ?



          ต่อกรณีที่ ผู้จัดการออนไลน์ เผยแพร่ข่าว เมื่อ 29 ม.ค. 2562 เวลา 19:10 กรณี  นายกการศึกษาปอเนาะฯ ยันเด็กถูก จนท.คุมตัว ไม่ได้ฝึกร่างกาย ระบุเป็นการเล่นของเด็กกัมพูชา สืบเนื่องมาจาก  เมื่อ 29  ม.ค. 62  พ.อ.สมคิด    คงแข็ง ผบ.ฉก.ทพ. 42  นำกำลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้น จับนักเรียนปอเนาะที่เป็นชาวกัมพูชา ที่ไม่มีหนังสือเดินทาง และหนังสือเดินทางหมดอายุ     หลังจากเข้ามาฝึกร่างกายต่อสู้ด้วยมือเปล่า บริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะ มัดรอสาตูลฟาละห์ เลขที่ 4 หมู่ 4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการฝึกร่างกายด้วยมือในปอเนาะ จึงเฝ้าดูพฤติกรรมจนมั่นใจและนำมาสู่การปิดล้อมจับกุม พบผู้ต้องสงสัย 14 คน หนังสือเดินทางหมดอายุ และบางคนไม่มีหนังสือเดินทาง  จึงได้นำมาสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งความคืบหน้าคดีมีดังนี้

          เมื่อวันที่ 28  ม.ค. 62  ฉก.ทพ.42 ได้เข้าควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัย จำนวน 14 คน เป็นชาวไทยมุสลิม 3 คน (บาบอ กับผู้ช่วย) เป็นชาวกัมพูชา 11 คน (เยาวชน 3 คน) และนำไปควบคุมตัวที่ ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร
          เมื่อ 30  ม.ค. 62  ปล่อยตัวชาวกัมพูชา 3 คน ชาวไทยมุสลิม (บาบอ) 1 คน ส่วนชาวกัมพูชา 3 คน ซึ่งเป็นเยาวชน ต้องดำเนินคดี  ข้อหาอยู่เกินกำหนด (over stay) 2 คน และหลบหนีเข้าเมือง 1 คน    โดยได้ส่งตัวเข้าสู่กระบวนการกฎหมายเด็กฯ
          เมื่อ  3  ก.พ. 62  ดำเนินการ ส่งตัวชาวกัมพูชา 8 คน  ชาวไทยมุสลิม 2 คน กลับไปที่ สภ.มายอ  รวม 10 คน และแจ้งข้อหา ชาวกัมพูชา อยู่เกินกำหนด 7 คน อีก 1 คน ยังไม่เกินกำหนดฯ มอบให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รับตัวไป ผลักดันกลับประเทศต้นทาง  ส่วนชาวไทย มุสลิม 2 คน ได้รับการปล่อยตัว
           เมื่อ  4  ก.พ. 62  ส่งตัวชาวกัมพูชาทั้ง 9 คน ฟ้องศาลฯ ต่อไป
          สำหรับ เหตุผลและความจำเป็นที่ จนท.รัฐ ต้องบังคับใช้กม.ในพื้นที่ต่อ กลุ่ม ผกร.หรือ ผู้ต้องสงสัยภายใต้อำนาจ กม.พิเศษ ซึ่งจนท.ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังในทุกขั้นตอน และต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันการตอบโต้ซึ่งมีกรณีตัวอย่างมาโดยตลอด  สำหรับในครั้งนี้ จนท.ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า บุคคลต้องสงสัยเป็นใคร มีอาวุธหรือไม่ รู้เพียงพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่า อาจเป็นการฝึกของ ผกร. ทั้งรูปแบบและท่าทาง ซึ่งไม่ใช่ท่าออกกำลังกายและไม่ใช่เวลาที่บุคคลทั่วไป จะมาออกกำลังกาย
          ฉะนั้นการดำเนินการในครั้งนี้ จนท.รัฐ ไม่ได้มีเจตนาหรือ อคติต่อสถาบันปอเนาะแห่งนี้ เพราะทราบดีว่าสถาบันปอเนาะ  คือ ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตในด้านศาสนาและวัฒนธรรมอิสลาม เพื่อเสริมสร้างให้ชุมชนมีความรู้และความประพฤติที่ดีงามในการดำรงชีพอย่างสันติสุขและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุผลใดในการเข้าดำเนินการต่อสถานศึกษาศาสนาเหล่านี้  เพียงแต่เป็นการป้องปรามการกระทำที่อาจทำให้เกิดความไม่สงบ เรียบร้อยในพื้นที่ เท่านั้น