หน้าเว็บ

9/29/2557

นาย ชินทาโร่ ฮารา พฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง

พิราบ ขาว

  ในกรณี นายชินทาโร่ เขียนบทความลงในเว็บไซต์ deepsouthwath,org เมื่อ 5 ก.ค.57 นั้นเพื่อไม่ให้  ผู้เข้าใช้เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์เกิดความเข้าใจผิดและนำไปเผยแพร่สร้างการรับรู้ในวงกว้างที่ไม่ถูกต้องมากยิ่งขึ้นผู้เขียนจึงขอชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้



          ประเด็นแรก นายชินทาโร่ เขียนว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องการที่จะจับตัวเขาโดยไม่ได้แจ้งเหตุผลไม่ว่าจะเป็นการกักขังไว้ 7 วันตามกฎอัยการศึก หรือจับตามประมวลกฎหมายอาญาหรือเนรเทศออกนอกประเทศจากการที่ได้รับรายงานว่า วิจารณ์การทำงานของ คสช.ในสื่อ ซึ่งในกรณีนี้ นายชินทาโร่   อาจเข้าใจผิด หรือจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเจ้าหน้าที่ ให้เชิญมาเพื่อตักเตือนและสร้างความเข้าใจเท่านั้นไม่ได้คิดจะจับกุมและกักขังซึ่งความจริงในวันที่ 18 ก.ค.57 ก็ไม่มีการกักขังและกระทำที่รุนแรงใดๆทั้งสิ้นซึ่งนายชินทาโร่ ก็รู้ดีแต่ทำไมหลังการพบปะพูดคุยจึงเขียนบิดเบือนเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด

ประเด็นที่ 2 เขียนว่า เจ้าหน้าที่แสดงออกถึงความไม่ชอบตนทางใบหน้าอย่างชัดเจน และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าการกระทำของเขาสามารถถูกจับกุมได้ ในเรื่องนี้ถ้าเป็นผมก็ฝืนยิ้มไม่ออกเหมือนกันในการที่จะพูดคุยกับผู้ที่คิดร้ายกับประเทศของตนแล้วต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มพูดคุย เจ้าหน้าที่ แสดงออกตรงไปตรงมาการที่จะให้เสแสร้งปากอย่างใจอย่างคงไม่ใช่ ในหลายครั้งที่ท่าน ไปร่วมกิจกรรมซึ่งเขาคิดดีทำดีผมก็เห็นท่านยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุขมาก ถ้านายชินทาโร่ อยากได้ความรู้สึกที่ดีๆจากท่านจะต้องเลิกคิดทำลายประเทศไทยก่อนจึงจะได้รับสิ่งนั้น



         ประเด็นที่ 3 เขียนว่าได้หยุดดำเนินการใดๆ ผ่านสื่อตั้งแต่มีการยึดอำนาจการปกครองใช้เฉพาะ ทางเฟสบุ๊คส่วนตัวเท่านั้นเรื่องนี้เป็นการบิดเบือนความจริงเพราะหลัง 22 มิ.ย.57 นายชินทาโร่ ยังมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เช่น

         เมื่อ 27 มิ.ย.57 นาย ชินทาโร่ คณะกรรมการที่ปรึกษา PKL เข้าร่วมเสวนาเรื่อง ปาตานี คือรัฐหนึ่งที่สูญหาย (Bicara Nusantara : PataniSebuah Negara Yang Hilang) ที่โรงแรมฮาบีบ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน มซ. ซี่งจัดโดยองค์กรภาคประชาสังคม มซ. โดยศูนย์ศึกษาความยั่งยืน (PusatKajian Lestari : PKL) มีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ 1) นายอะห์มัด ฟัตฮีอัลฟาตอนี คณะกรรมการอิสลามและประเพณีมลายูรัฐกลันตัน,2) และ 2) นายตูแวดานียา ตูแวแมแง        ผอ.สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) โดยมีนายฮัมบาลี  ฮามะ จากศูนย์ศึกษาความยั่งยืน(PKL)เป็นผู้ดำเนินรายการ

         เมื่อ 11-13 ก.ค.57 ร่วมกับกลุ่ม PerMAS เคลื่อนไหวจัดกิจกรรมโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพเยาวชนเพื่อสันติภาพ ที่หาดกะโล๊ะการ์โป จ.ปัตตานี และเมื่อ 17 ก.ค.57 ร่วมเสวนาเวทีสาธารณะครั้งที่ 3 ในหัวข้อ ปลุกพลังคนหนุ่มสาว วัฒนธรรมการคิดแบบใหม่ ที่ห้องรัฐศาสตร์ ชั้น 3 มอ.ปัตตานี



         เมื่อ ๔ ส.ค.๕๗  นาย ชินทาโร่ ใช้ Facebook : Hara Shintaro เผยแพร่ข้อความแสดงความคิดเห็น ๓ ประเด็น คือ ๑) กลุ่ม BRN ยึดกรอบไม่เจรจาทางลับ ดังนั้นควรพิจารณาว่าจะเปิดเผยเกี่ยวกับการพูดคุยในระดับใด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด แต่ต้องมีความชัดเจนว่า จะมีการพูดคุย มิฉะนั้น จะไม่มีกลุ่มใดเข้าร่วม, ๒) หน.คสช. ควรมีการพูดคุยตามที่ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ เสนอแนะ และ ๓) ไม่มีใครทราบโครงสร้างภายในของ BRN รวมทั้งการยอมรับคำสั่งแกนนำของสมาชิกในพื้นที่ แม้สมาชิกรุ่นใหม่จะไม่เชื่อฟังแกนนำใน มซ. จึงไม่เสียหายที่จะมีการพูดคุยกับกลุ่มที่พร้อมก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่ 3 จชต. และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษมานานแล้วเช่น กฎอัยการศึก ตั้งแต่ปี 2547 ดังนั้นการเคลื่อนไหวใดๆ หรือการแสดงผ่านสื่อใดๆก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศย่อมมีความผิดทั้งนั้นทั้งก่อนและหลังการยึดอำนาจของ คสช. แต่ก่อนนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อำนาจเต็มตามที่กฎหมายกำหนดเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุขให้มากที่สุดพยายามที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากที่สุด  แต่ในปัจจุบันคนในประเทศมีความคิดแตกแยกขาดความสามัคคีประเทศ ขาดเสถียรภาพความมั่นคงเริ่มสั่นคลอน เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและมีความมั่นคงมากขึ้น จึงมีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องเชิญตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมล่อแหลมและกระทบต่อความมั่นคงมาตักเตือน ซึ่งที่ผ่านมามีการเชิญตัวไปทั่วทั้งประเทศไม่ได้เฉพาะเจาะจงนายชินทาโร่ เท่านั้น เมื่อเข้าใจและตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดใดๆก็จะให้กลับบ้าน ขอให้รับทราบว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายไทยให้ความยุติธรรมกับคนทุกชาติ ศาสนา จะไม่ควบคุมกักขังผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ไม่มีความผิดอย่างแน่นอน


          ประเด็นที่ 4 เขียนว่าการจัดกิจกรรมของผู้นำศาสนาในการละหมาดฮายัตเพื่อขอความสันติสุขในห้วงเดือนรอมฎอนจัดโดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ก่อและสร้างสรรค์แล้วยังเป็นการดูถูกและทำลายความตั้งใจที่ดีๆของผู้นำศาสนาอิสลามอีกด้วย สุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่ามือไม่พาย อย่าเอาเท้าลาน้ำ เมื่อไม่คิดจะทำก็อย่าขัดขวางผู้อื่นที่ต้องการปฏิบัติในสิ่งที่ดีๆนอกจากนี้ยังอาจทำให้ผู้อื่นที่อ่านข้อมูลเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่อีกด้วยเพราะความจริงเจ้าหน้าที่เป็นเพียงผู้สนับสนุนและช่วยเหลือผู้ปฏิบัติในแนวทางสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรง


ประเด็นที่ 5 เจ้าหน้าที่  ยื่นเอกสารให้ดูส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวของนาย ชินทาโร่ เมื่อ 24 มี.ค.56 ต่อผู้ฟังชาวปัตตานีไม่ต่ำกว่า 3,000 คนว่าชาวบ้านควรให้การสนับสนุน BRN ในขบวนการเจรจาอย่างต่อเนื่องเพื่อกดดันองค์กรไม่อย่างนั้นเขาอาจทิ้งโต๊ะเจรจาได้ แต่ในรายงานมีเพียงชาวบ้านควรให้การสนับสนุน BRN  ในกรณีนี้ผู้เขียนเห็นว่าไม่ว่าประโยคใดก็ไม่ควรพูดต่อที่ชุมชนการพูดในลักษณะปลุกระดมชี้นำเช่นนี้เป็นเสมือนผู้รับใช้ BRN หรือผู้สนับสนุนขบวนการ BRN ในปีกทางการเมืองเพราะประชาชนสนับสนุน BRN มากขึ้นจะทำให้ศักยภาพและอำนาจการต่อรองของ BRN มากขึ้นด้วย

ประเด็นที่ 6 เจ้าหน้าที่ ถามว่าจะมีความสุขไหมถ้าคนต่างชาติที่กระหายเลือดได้มายังประเทศของท่านและทำเช่นเดียวกับท่าน นายชินท่าโร่ ตอบว่าเขามีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ถามต่อว่าคุณจะมีความสุขไหมถ้าผมทำสิ่งเหล่านั้นในประเทศของคุณเช่นเดียวกับที่คุณทำในประเทศของผม นายชินทาโร่ ตอบว่า จะมีความสุขมากและเคารพในสิทธิของเขา จากแนวคิดและคำตอบของนายชินทาโร่ จะเห็นว่ายึดในหลักสิทธิของบุคคลเป็นหลักโดยไม่แยกแยะว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย การที่นายชินทาโร่เคารพ


ในสิทธิของคนที่จะไปบ่อนทำลายชาติตนเองยุยงสร้างความแตกแยกและความสามัคคีในชาติตนเองแล้วไม่คิดจะขัดขวางถ้าคนในประเทศใดเป็นเช่นนี้มากๆ ประเทศนั้น ชาตินั้น คงอยู่ไม่ได้ต้องล่มสลายอย่างแน่นอน 

คงไม่มีประเทศใด  อยากให้ผู้ที่คิดแบบนี้อยู่ในประเทศของตน และอีกประการหนึ่งการกระทำเช่นนี้ในประเทศไทยเป็นการกระทำที่ผิด
กฎหมายโดยเฉพาะในห้วงของการประกาศใช้กฎอัยการศึก และบริหารจัดการบ้านเมืองโดย คสช.จะมีความเข้มข้นมากขึ้น



พฤติกรรมของนายชินทาโร่ที่ผ่านมาเช่นเข้าร่วมเวที BICARA PATANI ซึ่งเป็นที่รู้กันดีแล้วว่าดำเนินการขับเคลื่อนโดยกลุ่ม PerMAS ชึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายสนับสนุนขบวนการ BRN ในปีกทางการเมืองมีสมาชิกของกลุ่ม PerMAS บางคนมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรง การเคลื่อนไหวของกลุ่ม PerMAS   ในการเรียกร้องต่างๆ อ้างว่าทำเพื่อความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะชนโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงและจงใจไม่ตรวจสอบความจริงก่อนนำเสนอข้อมูลปลุกกระแสสร้างความแตกแยกในสังคมให้ประชาชนมุสลิมเกียจชังเจ้าหน้าที่รัฐ ออกมารวมกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐเพื่อเป้าหมายการกำหนดใจตนเองและปลุกระดมให้เยาวชนเห็นด้วย ตัวอย่างที่นายชินทาโร่เข้าร่วมเคลื่อนไหว กับกลุ่ม PerMAS เช่น

เมื่อ 11 มี.ค.56 ร่วมเสวนาปาตานีในหัวข้อ 28 กุมภากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ   หรือกระบวนการพูดคุยประนีประนอม ณ ศูนย์ประสานงาน Insouth ถ.โรงเหล้า อ.เมือง จ.ปัตตานี และ เมื่อ 23 มี.ค.56 เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ 28 ก.พ. สัญญาณบวกหรือลบต่อขบวนการสันติภาพปาตานี ณ หอประชุมสำนักงานอธิการบดี มอ.ปัตตานี นอกจากที่กล่าวมาแล้ว นายชินทาโร่ยังมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงอีกหลายเรื่องขอนำมาบอกกล่าวพอสังเขปดังนี้


          เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการ BRN กล่าวคือ ได้เผยแพร่คำแปลของกลุ่ม BRN ผ่าน Youtube      เสนอเงื่อนไข 5 ข้อก่อนการเจรจากับรัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 29 เม.ย.56 คำแปลฉบับชั่วคราวและคำประกาศ จากขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานีรวมทั้งแปลเนื้อหาในวีดีโอภาษามลายูออกสู่สาธารณะชน

          กล่าวว่าในหนังสือที่มีการลงนามเพื่อสันติภาพเมื่อวันที่ 28 ก.พ.56 ซึ่งมี 3 ฝ่ายด้วยกัน แต่การร่างหนังสือนั้นร่างโดยรัฐบาลไทยเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นส่วนฝ่าย BRN และรัฐมาเลเซียไม่ได้มีส่วนในการร่างหนังสือการลงนามนั้นเลย

เมื่อ 7 มี.ค.57 กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรปฐมนิเทศโครงการอบรมนักผลิตสื่อ Wartani ที่ มอ.ปัตตานี ว่าหากคนไทยหรือรัฐไทยไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา จชต. ทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อ 10 ปีมาแล้วควรปล่อยดีกว่าแต่หากรัฐบาลไทยยังต้องการจะปกครองพื้นที่ จชต. ควรจะรับผิดชอบเพราะในสายตาของชาวต่างชาติปัญหาที่เกิดขึ้น 10 ปีไม่เคยมีความจริงใจในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด


         เมื่อ 17 ก.ค.57 วิทยาลัยประชาชน จัดเวทีเสวนาสาธารณะ (Forum Rakat) ครั้งที่ 3 หัวข้อ ปลุกพลังหนุ่มสาว วัฒนธรรมการคิดแบบใหม่ ณ ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี มีนายฮารา ชินทาโร่ เป็นวิทยากร มีการและเปลี่ยนความคิดเห็นแนวคิดเยาวชนและสื่อออนไลน์

          จากพฤติกรรมของ นายชินทาโร่ ที่ผ่านมามีแต่เรื่องร้ายๆ ตำหนิการทำงานของ จนท. วิพากษ์วิจารณ์นโยบายการปฏิบัติงานของรัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคงทำลายความน่าเชื่อถือการทำงานของ จนท.และปลุกระดมทางความคิดนักศึกษาและบุคคลทั่วไปให้เห็นด้วยหรือสนับสนุนการเรียกร้องเอกราช มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย เข้าข่ายเป็นผู้บ่อนทำลายชาติไทย ซึ่งโดยหลักกฎหมายหลักสากล และโดยมารยาทแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่คนต่างชาติที่เป็นผู้อาศัยพักพิงมาเป็นอาจารย์อัตราจ้างพึงกระทำ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ในการขอวีซ่าเพื่อเข้ามาทำธุรกิจหรือทำงานเท่านั้นกรณีคนต่างด้าวเข้ามาเคลื่อนไหวเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือเคลื่อนไหวนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ในการขอวีซ่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่สมควรกระทำและโดยหลักสากลแล้วไม่มีประเทศไหนจะยินยอมให้คนต่างด้าวเข้ามาเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวในประเทศของตนผมไม่เคยได้ยินหรือเห็นเรื่องที่ นายชินทาโร่ ปฏิบัติในเรื่องดีๆ สร้างสรรค์ สร้างความสามัคคีของคนในชาติไทย สร้างความเจริญและพัฒนาประเทศไทยเลย



          นาย ชินทาโร่ ใช้บทบาทความเป็นครูที่มอบความรู้ให้กับนักศึกษาใช้ความศรัทธาที่นิสิตนักศึกษามีให้มาแสวงประโยชน์ปลุกระดมชี้นำนักศึกษาและใช้เล่ห์เหลี่ยมของความเป็นนักวิชาการในแสดงวาทะกรรมและเขียนข้อความ สื่อสู่สาธารณชนให้เห็นด้วย และคิดคล้อยตามที่ตนต้องการ ซึ่งในสถานะความเป็นครูควรมีจรรยาบรรณการกระทำในลักษณะนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องขอให้คุณผู้อ่านและประชาชนในสังคมได้ช่วยกันเฝ้ามองและตรวจสอบบุคคลผู้นี้ด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น