หน้าเว็บ

5/08/2558

ความพยายามของ PerMAS กับการช่วยเหลือผู้กระทำผิด

อิมรอน

การเคลื่อนไหวของสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปาตานี หรือ PerMAS ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานการเมืองของกลุ่มขบวนการ BRN ในห้วงที่ผ่านมาได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อหน่วยงานความมั่นคงพอสมควร มีความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐในรูปแบบต่างๆ หากโอกาสได้เอื้ออำนวยเปิดช่องโหว่ให้โจมตีโดยอาศัยสถานะความเป็นนักเรียน นักศึกษาเรียกร้องความสนใจจากบุคคลทั่วไปอย่างได้ผล

วิวัฒนาการที่สำคัญของการเคลื่อนไหวคงหนีไม่พ้นการหยิบยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นตัวชูโรงในการขับเคลื่อน มีการปลุกกระแสปาตานีนำอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นที่กำลังสูญหายให้สังคมกลับย้อนคืนสู่วิถีอิสลาม แล้วใส่ร้ายป้ายสีว่ารัฐไทยเป็นผู้ทำลาย จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ การแปลอัลกุรอ่านให้เป็นภาษาไทย หลังจากนั้นจะมีการเคลื่อนไหวกดดันเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการโดยการกล่าวอ้างศาสนา อย่างเช่นการเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดเสรีภาพในการคลุมญีฮาบในไทย โดยในยุคปัจจุบันมีการพัฒนานำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด นายฟัรดี ซาและ เลขาธิการกลุ่ม PerMAS ได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อด้วยการเผยแพร่ข้อมูลเป็นภาษาไทย และภาษามลายูว่าการถูกคุกคามของนักศึกษาปาตานี ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2558 ซึ่งจะเป็นการเฝ้าติดตาม ตรวจค้น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 10 เหตุการณ์ ด้วยกัน อาทิเช่น สำนักงานกลุ่ม PerMAS จังหวัดยะลา, หอพักนักศึกษาในจังหวัดนราธิวาส, บ้านเช่าย่านบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง กทม. และการจัดกิจกรรมของนักศึกษา PerMAS ในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งกรณี นสพ.ไทยรัฐ นำเสนอข่าวสารมีนัยว่า กลุ่ม PerMAS มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย โดยการเผยแพร่ภาษามลายูเพื่อต้องการสื่อไปยังสมาชิกกลุ่ม และเครือข่ายในต่างประเทศ


ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่ นายฟัรดี ซาและ เลขาธิการกลุ่ม PerMAS ได้นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนตั้งใจสื่อให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีการคุกคามนักศึกษา มีการใช้วาจาก้าวร้าวในลักษณะบีบบังคับนักศึกษา และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ความจริงย่อมเป็นความจริงถึงแม้ว่ากลุ่ม PerMAS จะทำการโฆษณาชวนเชื่อชี้นำให้ประชาชนชาวปาตานีหรือประชาชนทั่วไปให้เห็นคล้อยตามกับการบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ตราบใดที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการเลือกปฏิบัติถึงแม้จะถูกกดดันการปฏิบัติหน้าที่จากองค์กรภาคประชาสังคมแนวร่วมขบวนการ หรือแม้แต่กลุ่ม PerMAS ที่ทำการเคลื่อนไหวทุกครั้งที่มีการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนยุติธรรม

อย่างเช่นกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้สนธิกำลังร่วมทำการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายต่อผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณ ถนน ณ นคร อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส จำนวน 4 เป้าหมาย คือ หอพักบริเวณเยื้องโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์, หอพักนักศึกษาบริเวณกำปงตาโก๊ะ, หอพักนักศึกษาบริเวณวิทยาลัยสารพัดช่าง และหอพักนักศึกษาซอยนรากุล ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถาม

และในเวลาต่อมาได้ปรากฏว่ากลุ่ม PerMAS ซึ่งเป็นปีกการเมืองของขบวนการ BRN ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐในทันทีโดยการออกแถลงการณ์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และคุกคามเยาวชนนักศึกษา อ้างว่าการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่บริเวณหอพักนักศึกษา นักกิจกรรม รวมทั้งควบคุมตัวเยาวชนนักศึกษาเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายมูฮัมหมัด เซาฟีร อาแซ ผู้ช่วยผู้ประสาน PerMAS พร้อมนักศึกษา ม.รามคำแหงร่วมแถลงการณ์ให้มีการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก และปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดทันที, เครือข่ายนักศึกษามุสลิมอยุธยา Ayutthaya Muslim Student Network ได้รวมตัวถือป้ายปล่อยตัวเพื่อนเรา“Free Patani Student”คืนอิสรภาพแก่นักศึกษา หยุดคุกคามนักศึกษา แด่สันติภาพปาตานี เช่นเดียวกับนักศึกษา มอ.ปัตตานี ออกแถลงการณ์คัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามการทำกิจกรรมของนักศึกษา

กระแสเรียกร้องของกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามของกลุ่ม PerMAS ในการปลุกเร้าในเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีกทั้งมีการประสานงานกับกลุ่มนักศึกษาสถาบันต่างๆ ให้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเพื่อกดดันในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งมีความพยายามให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

แต่ในเวลาต่อมาคำสารภาพของผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้ฉีกหน้า PerMAS โดยผลการซักถาม นายอัมรีย์ วรรณมาตร ได้ให้การยอมรับว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณถนน ณ นคร ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

นายรีดวน สุหลง ให้การยอมรับว่าเคยผ่านพิธีสาบานตน (ซุมเปาะห์) และเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องเข้าไปก่อเหตุที่ ถนน ณ นคร ส่วนนายอิสมาแอ เจ๊ะโซะ ยอมรับทำหน้าที่เป็นคนนำชุดระเบิดชนิดขว้างเข้าไปในร้านต้นท้อน แต่โชคดีระเบิดไม่ทำงาน

คำสารภาพทั้งหมดของผู้ต้องสงสัยที่กลุ่ม PerMAS พยายามปกป้องเรียกร้องว่าเจ้าหน้าที่มีการคุกคามนักศึกษา น่าสมเพชสิ้นดี นี่หรือผู้บริสุทธิ์...สุดท้ายคือโจรใต้ฟาตอนี..เป็นความจงใจวางแผนอย่างแยบยลยืมมือสะอาดของนักศึกษากลุ่มอื่นๆ ให้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวจนเป็นแฟชั่น

อีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่ง นายฟัรดี ซาและ เลขาธิการกลุ่ม PerMAS ได้กล่าวถึงคือการตรวจค้นบ้านเช่าย่านบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง กทม. ของเจ้าหน้าที่

สืบเนื่องมาจากการก่อเหตุได้มีคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย เมื่อ 26 พฤษภาคม 2556

หลังจากนั้นได้มีการแกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดจนกระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ทำการก่อเหตุวันดังกล่าวเป็นกลุ่มคนร้ายจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นายอิดริส สะตาปอ, นายอัฟฟาฮัม สะอะ, นายคัมภีร์ ลาเต๊ะ, และนายนายอิบรอเฮง แวแม ยังหลบหนีการจับกุมอีกหนึ่งคนคือ นายฮาเล็ม มะลี

เมื่อ 20 มีนาคม 2558 ศาลอาญากรุงเทพ ได้พิพากษาตัดสินจำเลย 4 คน ให้จำคุกตลอดชีวิตแต่ให้การยอมรับสารภาพ คงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 66 ปี 8 เดือน และปรับคนละ 60 บาท  โดยโทษจำคุกให้คงเหลือ 50 ปี

ที่กล่าวมาเป็นแค่สองเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างให้เห็น ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ นายฟัรดี ซาและ เลขาธิการกลุ่ม PerMAS ได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลเป็นภาษาไทย และภาษามลายูกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่คุกคามนักศึกษาปาตานี ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุของเจ้าหน้าที่เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการซักถาม เป็นการปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายทุกประการ ไม่มีการซ้อมทรมาน ไม่มีการบังคับขู่เข็ญใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญที่สุดคือผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุสร้างสถานการณ์ต่อหน้าพ่อแม่ และผู้นำศาสนา

เป็นความพยายามของกลุ่ม PerMAS ที่มีการประสานงานไปยังกลุ่มนักศึกษาสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อให้ออกมาทำการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิด ซึ่งแน่นอนบุคคลที่กลุ่ม PerMAS ช่วยเหลือคือพวกเดียวกันเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ภายใต้การสั่งการของขบวนการ BRN ส่วนกลุ่ม PerMAS ทำงานการเมืองมีหน้าที่ในการปลุกระดมมวลชนหาแนวร่วม และยังทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งในปัจจุบันนี้คือหลอกกลุ่มนักศึกษาให้ทำการเคลื่อนไหวกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต่อกรณีมีการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย หรือผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ทำการก่อเหตุ พร้อมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข...นี่คือหน้ากากที่แท้จริงของกลุ่ม PerMAS ที่ใครๆ ต่างคิดว่าเคลื่อนไหวเพื่อชาวปาตานี...แท้จริงกระทำเพื่อกลุ่มขบวนการ BRN….
----------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น