สถานการณ์ใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดความความรุนแรงดังเหมือนกับไฟที่กำลังลุกโชนไม่มีทีท่าว่าจะมอดไหม้ลงในขณะนี้
ล้วนแล้วแต่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างสถานการณ์ทั้งสิ้น อ้างความชอบธรรมในเรื่องการแบ่งแยกดินแดน
นำเอาประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์มาเป็นประเด็นหลัก โดยใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องต่อรองในการก่อเหตุรุนแรงบนซากศพและคราบน้ำตาอย่างไม่รู้จบสิ้น
และท้ายสุดของการกระทำซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของสันดานโจรใต้ก็คืออ้างความชอบธรรมต่าง
ๆ นา ๆ ก็จะโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐโดยมีกระบอกเสียงทางการเมืองที่อยู่ในรูปของ
NGOs เช่น กลุ่ม PerMAS
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น, สถานีวิทยุชุมชนทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย,
สื่อในสังคมออนไลน์ และมูลนิธิต่าง ๆ เช่น มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
มูลนิธิทนายความมุสลิม ที่ฉากหน้ามีวัตถุประสงค์อุทิศตนเพื่อสังคมแต่เบื้องหลังปกป้องโจรชั่ว
มีผลประโยชน์ชั่วแอบแฝงเพื่อตนเองและพวกพ้อง
แทนที่น่าจะเป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐแต่กลับมาคอยจ้องจับผิด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายพยายามทำทุกวิถีทางทุ่มเททั้งกำลังกายและใจถึงแม้แต่แลกด้วยชีวิต
เพื่อปกป้องคุ้มครองดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อให้สถานการณ์ยุติลงด้วยความสงบสุขโดยเร็ว
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ชนะกลุ่มโจรใต้ชั่วที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนคนไทยด้วยกันอย่างไร้มนุษยธรรม ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เบื่อหน่ายต่อความสุดโต่งของกลุ่มโจรใต้ชั่วเหล่านี้สุดทน
จึงแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ และแม้แต่ในกลุ่มโจรด้วยกันที่มองไม่เห็นแสงสว่างในความสำเร็จของอุดมการณ์ต้องอยู่อย่างหลบ
ๆ ซ่อน ๆ จึงยอมให้ข่าวสารกับเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การจับกุมตัว นายมูฮำหมัดชอบรี
หะยีมามุ ได้ในที่สุด
ตามที่เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗
เวลาประมาณ ๐๑๐๐ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๔๓ ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าว(ลับ)
กองกำลังทหารพราน หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ประจำจังหวัดปัตตานี
และกองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุม
นายมูฮำหมัดชอบรี หะยีมามุ ซึ่งเป็นผู้การก่อเหตุรุนแรงที่สำคัญ
เป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา
ข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และมีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ/มือประกอบระเบิด ในพื้นที่
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานีตามหมายจับ ป.วิอาญา จากเหตุลอบวางระเบิดหน้าร้านข้าวต้มน้องเฟิร์น
อำเภอเมืองปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๕ คน และ ได้รับบาดเจ็บ ๒๕ คน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ปี ๒๕๕๐
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ร่วมก่อเหตุ
๓ คน ให้การซัดทอดว่านายมูฮำหมัดซอบรีหะยีมามุ เป็นผู้ประสานงานและวางแผนจัดหาระเบิดแสวงเครื่องขับรถจักรยานยนต์ประกอบระเบิดไปจอด
ณ ที่เกิดเหตุและเป็นผู้กดระเบิดจากผลการซักถาม
นายซาการียา โต๊ะตาหยง ให้การซัดทอดว่า นายมูฮำหมัดซอบรี หะยีมามุ เป็นมือประกอบระเบิดและยังเคยร่วมกับ นายมูฮำหมัด กาซอก่อเหตุลอบวางระเบิด
ณ โรงแรมซีเอส ปัตตานี เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๕๕
นายอับดุบฆอเล็บ สาแมให้การซัดทอดว่า นายมูฮำหมัดซอบรีฯ กับพวก ๓ คน
ร่วมก่อเหตุวางระเบิด หน้าสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ พื้นที่ อำเภอเมือง
จังหวัดปัตตานี
และ
นายดอเลาะ บากา ให้การว่า
เมื่อปี ๓๙ เคยร่วมฝึกทดสอบสมรรถภาพร่างกายกับนายมูฮัมหมัดซอบรีฯ ณ ปอเนาะญีญาด
อำเภอยะหริ่ง
เป็นยังไงครับท่านผู้อ่าน ดังสุภาษิตที่ว่า
“ไม่มีสัจจะและอุดมการณ์ในหมู่โจร” เมื่อถึงเวลาเอาตัวรอดก็ซัดทอดกันเอง
ชัดเจนแจ่มแจ้งไม่มีข้อกังขาใช่ไหมครับ
สำหรับเหตุผลที่เจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มโจรชั่วที่สร้างบาปบริสุทธิ์เข่นฆ่าพ่อแม่พี่น้องประชาชน
สร้างสถานการณ์ให้ไฟใต้ร้อนระอุอยู่ทุกวันนี้
แต่สำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์และญาติพี่น้องของเหยื่อกลุ่มโจรใต้ชั่วเหล่านี้
คงจะสะใจที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้กระทำผิดได้
แต่ในขณะเดียวกันอาจจะมีกลุ่มคนชั่วอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในคราบนักบุญใจบาปของรูปแบบมูลนิธิต่าง
ๆ ที่ให้การสนับสนุนโจรใต้อาจจะเดือดร้อนแทน
ก็จะออกมาแสดงบทบาททำหน้าที่ปกป้องโจรชั่วผู้น่าสงสารเหล่านั้น
หลับหูหลับตาแหกปากร้องตะโกนบิดเบือนข้อเท็จจริง
ว่าเจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิ์บ้างไม่ยุติธรรมบ้าง ซึ่งเป็นบทบาทดั้งเดิมในการเล่นละครใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ
ระวังให้ดีอัลเลาะห์ท่านจะลงโทษคนชั่วที่ไร้ศาสนากลุ่มนี้แน่ ๆ
คงอีกไม่นานเกินรอ
แหวะอก BRN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น