แบมะ
ฟาตอนี
กรณี น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
และทำหนังสือเปิดผนึกถึงแม่ทัพภาคที่ 4 โดยกล่าวหาว่า
เจ้าหน้าที่ได้ทำการซ้อมทรมาน นายอาดีล สาแม ในขณะเข้าติดตามจับกุม เมื่อ 26
เมษายน 2557 เวลา 12.30 น.
เป็นเหตุให้ นายอาดีล สาแม ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสลบ
ก่อนที่ญาติจะนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา พร้อมกับได้อ้างว่า
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ออกใบรับรองแพทย์ว่าถูกทำร้ายร่างกายจริง
ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อกระแสหลัก และสื่อทางเลือก
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรเป็นหนึ่งในหลายๆ
องค์กรที่เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยได้พยายามนำประเด็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชน
และเสนอรายงานสู่องค์กรระหว่างประเทศ
โดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านทั้งๆ ที่สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งกรณี
นายอาดีล
สาแมซึ่งได้แสดงเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงที่สร้างความเสียหายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายด้วยความทุ่มเทเสียสละ
ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐและทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีสากล
การเคลื่อนไหวขององค์กรภาคประชาสังคมNGOs ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการตั้งเป้ามุ่งกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาคและไม่ได้รับความยุติธรรม โดยขาดสามัญสำนึกของความถูกต้องของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนอย่างหน้าด้านๆ สร้างความโดดเด่นเพียงเพื่อขอรับแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากองค์กร
NGOs ระหว่างต่างประเทศ
กลับกลายเป็นช่องทางทำมาหากินของเหลือบฝูงใหญ่ที่แฝงกายซ่อนเร้นทำมาหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
องค์กรเหล่านี้ไม่เคยสำนึกถึงบุญคุณผู้ที่เสียสละปกป้องดูแลรักษาผืนแผ่นดินถิ่นเกิด
หาช่องจังหวะความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการนำข้อมูลไปฟ้ององค์กรระหว่างประเทศ
เพื่อยกระดับปัญหาจังหวัดชายแดนใต้นำไปสู่ปัญหาสากล
การต่อสู้แบบ non-violent มีกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม
NGOs ได้ทำการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะมูลนิธิผสานวัฒนธรรม, ศูนย์ทนายความมุสลิม,
กลุ่ม PerMAS, HAP,insouthและอีกหลายองค์กรแนวร่วมที่มีพฤติกรรมส่อไปในลักษณะสนับสนุนเกื้อกูลต่อการดำเนินการทางด้านทหารของกลุ่ม
BRN ปกป้องการกระทำทุกรูปแบบมีการติดตามตรวจสอบการละเมิดสิทธิ
การกล่าวหาเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมานซึ่งต่างกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในห้วงที่ผ่านมา
องค์กรเหล่านี้กลับนิ่งเฉยกลับทำตัวทองไม่รู้ร้อน ธุระไม่ใช่ซึ่งหากการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อทำงานด้านสังคมจริงๆ
ทำไมต้องเลือกปฏิบัติ และเน้นสนับสนุนแนวทางการก่อเหตุสร้างความรุนแรงของกลุ่มขบวนการ
BRN อย่างชนิดสุดโต่ง
เมื่อได้เข้าไปดูความเคลื่อนไหวของ
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดยมี น.ส.พรเพ็ญ
คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิ ได้มีการออกแถลงการณ์ยุ่งเกี่ยวไปทุกเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าติดตามถึงสาเหตุของการเปิดแนวรบกับกองทัพในครั้งนี้มีอะไรซ่อนเงื่อนและมีความกล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างยิ่งที่กล้านำข้อมูลผิดๆ
มากล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่รู้มีความหมิ่นเหม่ที่จะโดนฟ้องกลับจากการบิดเบือนความจริงที่ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับหน่วยงานภาครัฐในครั้งนี้
หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจริงถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ต้องดำเนินการกับองค์กรภาคประชาสังคมเหล่านี้เสียบ้างที่ไม่มีความความย่ำเกรงนำข้อมูลเท็จไปร้องเรียนยังองค์กรระหว่างประเทศ
ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งและเป็นการ“ขายชาติ”
ความรู้สึกนึกคิดของผู้เขียนเองก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูซะทีเดียว
ในบางเรื่องหากหน่วยงานความมั่นคงมีการปฏิบัติที่ไม่ชอบธรรม
ไม่ถูกต้องในส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย
แต่หากเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติด้วยความทุ่มเทเสียสละแล้ว
เกิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยความไม่ตั้งใจ ก็สามารถให้อภัยกันได้ จากปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังโหมระอุอยู่ทุกวันนี้
และยังไม่มีทีท่าจะดับลงสักที เกิดจากอะไร?
ไม่ใช่เป็นเพราะจากองค์กรภาคประชาสังคมเหล่านี้หรือ ที่เป็นหอกข้างแคร่ คอยหยิบยกข้อผิดพลาดเล็กๆ
น้อย นำไปขยายผลสื่อไปยังต่างชาติให้เข้ามาก้าวก่ายปัญหาของประเทศชาติของเราเอง
และพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือให้กับกลุ่มขบวนการ BRN ในการเรียกร้องต่อสู้ PataniMerdeka เพื่อแยกตัวเป็นอิสระออกจากรัฐไทย
อยากเรียกร้องไปยัง
น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม
แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่ใช่ว่าเอะอะขึ้นมาตั้งป้อมจะออกแถลงการณ์เพียงอย่างเดียวเพื่อสร้างกระแสให้เป็นข่าวให้สื่อสารมวลชนนำไปเสนอ
หยุดคิดสักนิดมองปัญหาให้รอบด้าน หาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ตรวจสอบแหล่งที่มาอย่าตกเป็น
“แนวร่วมมุมกลับ”ให้กับโจรใต้ผู้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
เพราะที่ผ่านมามีหลายองค์กรที่ตกเป็นเครื่องมือให้กับขบวนการ BRN ทำการเคลื่อนไหวสร้างผลกระทบเชิงลบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ต่อจากนี้ไปคงจะได้เห็นการทำงานขององค์กรอิสระทั้งหลาย
ที่ทำหน้าที่ของตนภายใต้กรอบของความถูกต้อง สร้างสรรค์ พอที่จะยอมรับได้
ไม่ใช่การตั้งธงมุ่งทำลายล้างสร้างความเสียหายต่อหน่วยงานความมั่นคงดั่งเช่นที่เป็นมา
@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น