2/17/2555

นักรบฟาตอนี โยนบาปจนเป็นสันดาน กล้าทำชั่วแต่ไม่กล้ารับผิด


เหตุการณ์ที่บ้านกาหยี ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  กรณีคนร้ายลอบยิง M-79 ใส่ฐานทหารพรานแล้ววางแผนให้ชาวบ้านเป็นโล่ห์กำบังใช้รถไปรับเพื่อหนีเอาตัวรอด  แต่กลับมาเจอการติดตามของเจ้าหน้าที่แล้วเกิดการปะทะกันขึ้นจนต้องหนีเอาตัวรอด ส่วนหนึ่งถูกยิงตายในรถรวมทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องด้วย  กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ทั้งฝ่ายขบวนการและเจ้าหน้าที่กำลังตอบโต้กันไปมาถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ในขณะที่มีการแพร่กระจายข่าวสารแบบบิดเบือนแบบอย่างน่าขำของโจรกระจอกเหมือนหมาจนตรอกอย่างที่เคยทำจนชินชาว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำ ซึ่งหากมองในแง่ของผู้ที่บังอาจยกระดับตัวเองจากโจรเป็นนักรบแล้ว  นี่เป็นการกล่าวอ้างอย่างไร้ยางอายยิ่งกว่าการกล่าวอ้างจากสนามรบใดๆ


ก่อนเกิดการยิงปะทะกันระหว่างนักรบขี้ยากับเจ้าหน้าที่ทหารได้เกิดเหตุการใช้ M-79 ยิงเข้าใส่ฐานของทหารพรานในเวลาค่ำมืด  จนเกิดการไล่ติดตามจนมาพบรถคันที่เกิดเหตุที่ถูกเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบซึ่งรถคันดังกล่าวก็หยุดแต่ได้ถอยหลังจากจุดที่ถูกเรียกในลักษณะถอยตั้งหลัก  จากนั้นทั้งชาวบ้านที่รอดชีวิตและทหารก็ให้การตรงกันว่าได้ยินเสียงปืนจากบริเวณป่า 2-3 นัด หลังจากนั้นจึงถูกยิงมาที่รถทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย  ภายหลังได้ตรวจค้นพบอาวุธปืน AK-47 จำนวน 1 กระบอก และ ปืนพก .45 มม. อีก 1 กระบอกอยู่ในรถ 

ส่วนของชาวบ้านที่อยู่ในรถก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่อย่างไร  แต่ที่แน่ๆ เหล่านักรบฟาตอนีผู้กล้าที่เอาชาวบ้านมาเป็นโล่ห์กำบังได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการวิ่งหนีหางจุกตูด  พร้อมกับกระจายข่าวสารตามสันดานในทันทีว่าเจ้าหน้าที่ฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์  น่าขำที่อุปโลกเรียกตัวเองเป็นนักรบ แต่ทิ้งชาวบ้านที่ตัวเองเอาปืนไปบังคับให้เขาร่วมมืออย่างไม่ตั้งใจด้วยและเมื่อถูกตอบโต้กลับทิ้งให้ต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อซึ่งเรื่องทำนองนี้ใครก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่ขบวนการหน้าตัวเมียนี้ก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านมาโดยตลอดเพราะชาวบ้านเค้าไม่มีใครอยากจะร่วมมือด้วย  เลยต้องอาศัยวิชามารบังคับขู่เข็ญแล้วมาบอกว่าชาวบ้านเห็นดีเห็นงามด้วย
ในส่วนของเจ้าหน้าที่หากมองแบบเป็นกลางก็น่าเห็นใจเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  แต่ที่ได้ตัดสินใจทำไปเพราะด้วยสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานทำให้ต้องตอบโต้เพราะเคยโดนยิงจนตายมาแล้ว  อย่างไรก็ดีก็ต้องรอผลการสืบสวนและการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้งว่าใครเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร  ถึงจะสามารถฟันธงได้

ข้างฝ่ายความมั่นคงโดยพลตรีอัคร  ทิพย์โรจน์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้ออกมาชี้แจงตามข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตามลำดับอย่างไร  และในทันทีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีก 2 คณะ  เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ  นอกจากนี้ในขั้นต้นได้ให้การช่วยเหลือทุกทางอย่างไม่มีเงื่อนไขทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าบุคคลเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับคนร้ายหรือไม่อย่างไร  ซี่งดูแล้วก็ยังดีกว่าวิ่งหนีตายแบบนักรบจอมปลอมเป็นไหนๆ

ดังนั้นความพยายามปล่อยข่าวบิดเบือนอย่างน่ารังเกียจในหลายช่องทางว่าเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่จงใจทำร้ายพี่น้องประชาชน  โดยให้เหตุผลหน้าด้านๆ ว่าเป็นความเห็นของพี่น้องมลายูมุสลิมจึงเป็นการเอาตัวรอดเพื่อให้หลุดพ้นจากความผิดพลาดแบบอ่อนหัดของขบวนการ  เพราะในความเป็นจริงแล้วพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขาทราบดีว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองของเขาสงบสุข  แต่เขาไม่สามารถทำได้เพราะมีพวกโจรมาบงการโดยใช้ลูกกระสุนปืนข่มขู่อยู่เท่านั้นเอง 

กระแสการออกมาแก้ตัวพร้อมป้ายสีเจ้าหน้าที่ของพวกขี้ขลาดตาขาวจนถึงขณะนี้ยังคงออกมาหลายรูปแบบและต่อเนื่อง  น่าจะเป็นการกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตนเองและรักษามวลชนไว้  แต่เชื่อมั้ยว่าถึงวันนี้ไม่มีใครเค้าอยากจะร่วมมือกับขบวนการจอมปลอมนี้แล้ว  อย่าว่าแต่ประชาชนในพื้นที่เลย  พวกเดียวกันเองยังกัดกันไม่เลิกเพราะผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว   มิหน่ำซ้ำยังหลอกลวงเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติให้หลงผิดเข้ามาร่วมขบวนการด้วยอุดมการณ์จอมปลอม  หลอกและบังคับชาวบ้านให้ร่วมมือด้วยการข่มขู่คุกคาม  หลอกแม้กระทั่งพวกเดียวกันเองเพื่อให้ตนเองเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองที่ได้รับบริจาคแบบขลาดเขลา  อย่างนี้ยังมีหน้าจะมาบอกว่าทำเพื่อพี่น้องมลายูมุสลิมอีกเหรอ  น่าสงสารพี่น้องเราจริงๆ  ยังมีอีกแล้วจะเล่าให้ฟัง    
ซอเก๊าะห์นิรนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น