6/12/2555

ควันหลง “โอไอซี” ใครว่าปาหี่ดับไฟใต้




ถึงชั่วโมงนี้ข่าวการเดินทางเยือนไทยของ นายซาเยด คาสเซม เอล มาสรี ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ โอไอซี ระหว่างวัน ๗ – ๑๒ พ.ค.๕๕ ที่ผ่านมา กำลังเป็นที่จับตาของประชาคมโลก  โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในโลกมุสลิม เพราะการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทยโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก ๒ หน่วยงานคือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้าและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การนำของรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน และเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก 
และจากการปฏิบัติของรัฐบาลไทยตามคำแนะนำของคณะผู้แทนโอไอซีในโอกาสเดินทางมาเยือนเมื่อปี ๒๕๕๐ ได้ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มเติมจากยุทธศาสตร์หลัก

 พูดกันตรงๆ คือ  ปัญหาไฟใต้นี้แก้มาถูกทางแต่ต้องใช้เวลา...ว่างั้น  เพราะหากจะพิจารณาถึงพื้นฐานของปัญหาและเงื่อนไขต่างๆ ในพื้นที่แล้ว  เรื่องนี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อนรอบคอบอย่างมาก  มิฉะนั้นจะไม่สามารถทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้ด้วยดีหรือที่เรียกว่าไม่ยั่งยืน

ด้วยการประสานงานเตรียมการเป็นอย่างดีทั้งในระดับของรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่  และการมุ่งมั่นจริงใจในความพยายามแก้ปัญหาจึงสามารถตอบโจทย์ของโอไอซีได้ทั้งหมด  ผลที่ได้รับคือการแสดงออกอย่างแข็งขันของผู้แทนโอไอซีด้วยการแสดงจุดยืนขององค์การฯว่า จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย  ขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์  ที่สำคัญคือไม่สนับสนุนแนวคิดในการแบ่งแยกดินแดนซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดของขบวนการ

      นี่กระมังที่เป็นสาเหตุให้ฝ่ายขบวนการซึ่งมีมือเท้าอยู่ในหลายองค์กรต้องออกมาป่าวประกาศว่าการแสดงออกของโอไอซีและรัฐไทยครั้งนี้เป็นการแสดงปาหี่หลอกคนไทยและสังคมโลก

     สำหรับกำหนดการเยือนพื้นที่ภาคใต้ของไทยของผู้แทนโอไอซีในครั้งนี้ได้ถูกหยิบบกขึ้นมาเป็นประเด็นว่าองค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มที่เป็นฝ่ายที่ทำงานจริงๆถูกปิดกั้นและปิดโอกาสในการได้ชี้แจงและให้ข้อมูลโดยตรงกับคณะผู้แทน ฯ หลายรายการถูกยกเลิกเปลี่ยนแปลง  และองค์กรในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่ได้เข้าพบกับผู้แทนโอไอซีเป็นองค์กรที่ไม่มีบทบาททำงานจริงในพื้นที่ 

   ฟังแล้วก็น่าขำที่ว่าทำไมถึงคิดว่าถูกปิดกั้น  เพราะกำหนดการเยือนในครั้งนี้เกิดจากความเห็นชอบของผู้แทนโอไอซีเอง ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทางมานั้นได้มีรายงานข้อมูลขององค์กรต่างๆ ที่ทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างครบครัน การไม่เปิดโอกาสให้เข้าพบนั้นเกิดจากข้อมูลที่ทางโอไอซีซึ่งเป็นองค์กรระดับนาๆ ชาติ ท่านเหล่านั้นท่านทราบเองถึงพฤติกรรมการมุ่งทำงานเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเหมือนที่บางองค์กรในพื้นที่ทำอยู่ในขณะนี้  ที่ขายชาติแลกเงิน ซึ่งก็ได้ถูกยกเลิกด้วยความเห็นชอบของคณะผู้แทนโอไอซีไปเนื่องจากไม่เห็นประโยชน์กับการพูดคุยกับองค์กรที่หวังผลประโยชน์

     ซึ่งในช่วงของการเยือนภาคใต้องค์กรเหล่านี้ก็ร่วมกับกลุ่มองค์กรนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่บอกว่าเป็นตัวแทนคน ๓ จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนมายื่นหนังสือเพื่อต้องการแสดงบทบาทนำและขอมีส่วนร่วมในการนำเสนอความเห็นตามแนวทางขององค์กรด้วยแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเพราะทราบข้อมูลอยู่แล้วอย่างที่กล่าวข้างต้น  การมาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ท่านที่ปรึกษาพิเศษฯ มาเพราะต้องการรับทราบและติดตามการแก้ไขปัญหาของรัฐไทย  ไม่ได้มาเพื่อให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งที่อาจใช้โอกาสนี้ในการสร้างเครดิตให้กับตนเอง  ประกอบกับเนื้อหาในเอกสารที่ยื่นต่อผู้แทนโอไอซีนั้น ก็ไม่ได้มีเรื่องของการชี้แจงข้อเท็จจริงในพื้นที่แต่อย่างใด เป็นเพียงการเสนอตนเองเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมซึ่งทุกฝ่ายทราบดีถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรบางกลุ่มและนักศึกษากลุ่มนี้ว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ 

   การเดินทางมาของผู้แทนโอไอซีเมื่อปี ๒๕๕๐ ซึ่งภายหลังได้มีการแถลงข่าวร่วมระหว่าง นายเอกเมเลดดิน อิซาโนกลู เลขาธิการโอไอซี กับ นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสที่เลขาธิการโอไอซีเดินทางเยือนประเทศไทยจากทั้งหมด ๑๘ ข้อ ซึ่งในข้อ ๖ เป็นข้อกังวลและห่วงใยของเลขาธิการโอไอซีเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของหน่วยงานด้านความมั่นคงในขณะนั้น  ในการเดินทางมาครั้งนี้หลังเวลาผ่านไป ๕ ปีด้วยความร่วมมือและจริงใจของฝ่ายความมั่นคงทำให้ข้อกังขาเหล่านั้นหมดไป  เพราะวันนี้รัฐบาทไทยได้ดำเนินการเยียวยาสร้างความเข้าใจกับผู้ได้รับผลกระทบไปจนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย  ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดจากความสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ไปตามขอบเขต     แต่เกิดความผิดพลาดตั้งแต่สถานการณ์ภาคใต้เริ่มระอุขึ้นมาก็ได้มีการตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทุกฝ่ายดำเนินการสอบสวนตามมูลเหตุ  ส่วนที่ผิดจริงต้องได้รับการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งแสดงเห็นว่ารัฐไทยมิได้ละเลยหากมีการละเมิดจริง และแสดงความจริงใจในข้อเสนอของ OIC ดังกล่าว

  ในขณะที่การเสนอแนะในเรื่องอื่นๆ ของโอไอซีเมื่อปี ๒๕๕๐ ได้รับการตอบรับโดยการปฏิบัติในทุกเรื่อง อาทิเรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษาของเยาวชนในสอดคล้องกับวิถีชีวิตโดยการสนับสนุนการเรียนการสอนในแบบทวิ  ภาษา การส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นมลายูด้วยการสนับสนุนกิจกรรมด้านต่างๆ   โดยไม่แบ่งแยก หรือการให้ความช่วยเหลือดูแลหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบแม้ว่าหัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้กระทำผิด เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการสนองตอบด้วยดีจากรัฐไทยทั้งสิ้น

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โอไอซีในฐานะองค์กรระดับนานาชาติที่ดูแลพี่น้องมุสลิมทั่วโลกเกิดความ   พึงพอใจและแสดงท่าทีในทางสนับสนุนเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีร่วมกันในอนาคต ด้วยสันติวิธีไม่ใช้วิธีการของการก่อการร้ายรวมถึงรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านที่กำลังคัดค้าน บิดเบือนอยู่ก็คาดเดาไปว่าไม่ได้ผล เราว่าท่านอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามสรุปเอาอย่างง่าย ๆ   ก็ขออธิบายว่าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบของผืนแผ่นดินผืนนี้นั้น ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ต้องทำ เพราะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมาเป็นรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี การดำเนินการใด ๆ ก็ตาม ที่น่าจะเป็นส่วนดีต่อประเทศชาติ หรือเกิดผลดีต่อประชาชน รัฐบาลทุกชุดของประเทศไทยจะกระทำและการที่บางส่วนงานมาให้ความคิดเห็นอย่างนี้ จึงอยากถามว่าท่านมีความหวังดีต่อแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศหรือเปล่า?

นอกจากนี้ต่อการที่สื่อมวลชนแขนงหนึ่งออกมานำเสนอว่าการมาเยือนของผู้แทนโอไอซีครั้งนี้เป็นการเล่นปาหี่จึงดูเป็นการดูหมิ่นองค์กรระดับโลก และเป็นการดิ้นรนของคนสิ้นหนทาง  เพราะด้วยความเข้าใจและความร่วมมือที่ดีของโอไอซี  รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยโดยเฉพาะเรื่องการดูแล  ให้สิทธิเสรีภาพกับพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามได้ออกสู่สังคมโลกให้ได้รับทราบแล้ว  ภาพของความรักความสามัคคีที่เกิดขึ้นจะทำให้องค์กรสนับสนุนจากกลุ่มประเทศมุสลิมหันไปให้การช่วยเหลือในประเทศที่มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ มากกว่า  และแน่นอนว่าองค์กรในภาคใต้ของไทยที่อ้างว่าทำงานเพื่อพี่น้องมุสลิมเหล่านี้จะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินเหมือนเช่นเคย  นี่จึงเป็นเหตุผลเดียวที่องค์กรเหล่านี้จำเป็นต้องกระเสือกกระสนแบบเอาข้างเข้าถูเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้  ซึ่งคิดดูแล้วก็น่าสงสาร  ก็ปีๆหนึ่งได้รับน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่

  เหนือสิ่งอื่นใดการออกมาตำหนิโอไอซีครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง  และยิ่งแสดงให้โอไอซีเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นตัวการสร้างภาพของความรุนแรงไปสู่สังคมโลก ใครมุ่งหวังประโยชน์จากสถานการณ์โดยการเผาบ้านตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่น  เชื่อมั้ยว่าอีกไม่นานองค์กรเหล่านี้ต้องออกมาแสดงบทบาทต่อประเด็นนี้อีกครั้ง  ถ้าอยากรู้ว่าเป็นองค์กรไหนคอยติดตามต่อไปก็แล้วกัน  แต่ที่สำคัญอยากจะฝากว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนหน่วยงานทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่ทำงานหนัก เพียงเพื่อให้ปัญหาของประเทศได้คลี่คลาย ประชาชนมีความสุข แล้วการที่ท่านมามุ่งตั้งแง่โจมตีว่าทางราชการฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ เล่น “ปาหี่” เราอยากจะถามท่านว่า ท่านทำเพื่ออะไรกันแน่! ดังนั้นเราจึงขอวิงวอน ขอร้องต่อองค์กรที่ท่านบอกว่าทำเพื่อประชาชนหรือภาคประชาชน ขอท่านได้หันกลับมาทำเพื่อประชาชนอย่างจริงจัง เลิกขัดขวาง เลิกมองภาพพจน์ว่าทางราชการ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่มุ่งแต่จะเอาเปรียบประชาชนไปทุกเรื่องเสียที ขอบคุณล่วงหน้ามาก ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น