10/24/2555

9 ปีไฟใต้ จริงจังจริงใจแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ แสงเทียนแห่งความหวังของคนปลายด้ามขวาน





การก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งห่วงโซ่แห่งความรุนแรงที่ได้ปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อต้นปี 47   โดยกลุ่มก่อความไม่สงบได้บุกโจมตีที่ตั้งหน่วยกองพันพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ได้สังหารเจ้าหน้าที่ทหาร 4 นาย  แล้วล่าถอยไปพร้อมกับอาวุธมากกว่าสามร้อยกระบอก ขณะเดียวกันก็ลอบเผาโรงเรียนและจุดต่าง ๆ อีกนับสิบแห่งในคืนเดียวกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรอบใหม่ที่ต่อเนื่องมายาวนานเกือบ 9 ปี  ด้วยรูปแบบของสถานการณ์ที่มีการพัฒนาความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ในลักษณะการบ่อนทำลาย การก่อวินาศกรรมด้วยการลอบวางระเบิด การลอบฆ่า และลอบวางเพลิง มีผู้ได้รับบาด เจ็บเสียชีวิต ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไปทั้งผู้นับถือศาสนาพุทธและมุสลิมเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจทั้งในพื้นที่และของประเทศโดยรวมอย่างมาก  และแน่นอนว่าสถานการณ์ในภาคใต้ของไทยกำลังถูกจับตามองจากหลายฝ่ายทั้งภายในและนอกประเทศว่าบทสรุปของความรุนแรงนี้จะจบลงได้หรือไม่  เมื่อไหร่และอย่างไร

ประเด็นพื้นฐานที่มีความอ่อนไหวและถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมาใช้เพื่อขยายจุดต่างสร้างแนวร่วมในพื้นที่ประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือความแตกต่างทางศาสนา  วัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามและการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเรื่องชาติพันธุ์การเป็นคนมลา ยูปัตตานี  ทั้งนี้เพื่อสร้างความชอบธรรมในการบีบบังคับให้ออกนอกพื้นที่โดยใช้การข่มขู่ เข่นฆ่าประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ เพื่อให้ส่วนที่เหลือเกิดความหวาดกลัวจนต้องอพยพหลบหนี  โดยเฉพาะการบิดเบือนคำสอนอันดีงามของศาสนาอิสลามว่าการทำร้ายคนต่างศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่ผิด   จึงกลายเป็นสิ่งชักนำให้สถานการณ์ภาคใต้ของไทยกลับขยายใหญ่โตขึ้นตามลำดับ 

แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วแม้ความแตกต่างจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา  และถูกนำมากล่าวอ้างเพื่อใช้ความรุนแรงแต่มันมิใช่ปัญหาทั้งหมด  กรณีมุสลิมภาคใต้ของไทยนั้น กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้เรียกร้องโดยอาศัยหลักการพื้นฐานคือ การปกครองตนเองด้วยคณะบริหารของตน ซึ่งมีเป้าหมายคือ ความเป็นหนึ่งเดียวของวัฒนธรรมมุสลิม อย่างไรก็ตามในการต่อสู้โดยใช้ความรุนแรงครั้งใหม่นี้  หาได้มีกลุ่มก่อความไม่สงบใดๆ กล่าวอ้างถึงข้อเรียกร้องการปกครองตนเองอย่างชัดเจน แล้วกำหนดแผนการและขั้นตอนการนำไปสู่การปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์ เหมือนกับกลุ่ม Moro Islamic Liberation Front  ของฟิลิปปินส์แต่อย่างใด 

ในทางตรงกันข้าม  การก่อเหตุรุนแรงทุกครั้งกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยไม่เคยแม้แต่การออกมาประกาศความรับผิดชอบว่าเป็นการกระทำเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดน  ซ้ำร้ายยังใช้สื่อของกลุ่มปฏิบัติการข่าวสารทั้งในพื้นที่ประเทศไทยและในกลุ่มประเทศมุสลิมกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของรัฐบาลไทยที่ต้องการกลั่นแกล้งชาวมุสลิม  เพื่อมุ่งหวังการได้รับการบริจาคเงินช่วยเหลือซึ่งอ้างว่านำมาเพื่อใช้ในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวมุสลิมและใช้ในการต่อสู่แบ่งแยกดินแดนจากต่างประเทศ  ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนมาเป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี  แต่เป็นที่รู้กันว่าเงินส่วนนี้มิได้ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค  แต่กลับถูกแบ่งสรรปันส่วนกันระหว่างแกนนำ  จะเห็นได้จากการเกิดการแตกแยกของแกนนำขบวนการออกเป็นกลุ่มๆ  เพื่อก่อเหตุรุนแรงสร้างผลงานแล้วเรียกร้องขอรับเงินบริจาคเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน

นอกจากนี้ยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่เสมือนเป็นปัจจัยผลักดันให้สถานการณ์ความรุนแรงในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อไปที่สำคัญยังมีปัจจัยด้านการเมือง  กลุ่มอิทธิพลและกลุ่มธุรกิจผิดกฏหมายที่ความสัมพันธ์เชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกันลักษณะต่างตอบแทน  ปกป้องซึ่งกันและกัน  ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ได้ยากยิ่ง

อย่างไรก็ดีด้วยพื้นฐานการอยู่ร่วมกันภายใต้วิถีชีวิตที่แตกต่างของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีทั้งคนไทยเชื้อสายมลายู  จีน และไทย  ซึ่งได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและสำนึกเสมอว่าทุกคนเป็นพลเมืองไทยตลอดมา  ทำให้ความพยายามที่กล่าวอ้างถึงการแบ่งแยกดินแดนของขบวนการยังคงไม่ประสบความสำเร็จ  ในขณะที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ยังคงต้องสังเวยชีวิตให้กับการก่อเหตุรุนแรงต่อไป

เป็นเวลาเกือบ 9 ปีแล้วที่รัฐบาลไทยได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เหตุการณ์ในภาคใต้ของประเทศสงบลง โดยสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษมาโดยตลอดคือ การดำเนินการภายใต้การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน  ความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและประชาคมโลกเช่น สหประชาชาติ องค์การความร่วมมืออิสลาม องค์กรภาคประชาสังคมและนักวิชาการ เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามดูแล  รายงานและแนะนำการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสม่ำเสมอ ดังจะเห็นได้จากการแสดงความเห็นและจุดยืนขององค์กรระหว่างประเทศและองค์กรโลกมุสลิมที่ต่างยืนยันตรงกันว่า  ไม่เห็นด้วยกับการก่อเหตุรุนแรงที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมากและการแอบอ้างศาสนามาก่อเหตุร้ายนั้น  ไม่ใช่การกระทำของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นมุสลิม

การส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านต่างๆ  อย่างต่อเนื่องและจริงใจของรัฐบาลไทยถึงแม้ว่าจะมีประชาชนเชื้อสายมลายูอาศัยอยู่มากที่สุด  เพื่อให้ประชาชนปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในบริบททางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจใหม่ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษกิจอาเซียน  ทั้งด้านศาสนาที่ไม่กีดกันการประกอบศาสนกิจใดๆ  และให้การสนับสนุนการประกอบพิธีในวันสำคัญๆ ต่างๆ   การส่งเสริมขนบธรรมเนียม ประเพณี  วัฒนธรรม  ตลอดจนการอนุรักษ์มรดกของท้องถิ่นโดยการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษามลายูท้องถิ่นในสถานศึกษา  รวมถึงการให้ความยุติธรรมด้านคดีความที่ให้สิทธิการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน  ทั้งหมดนั้นเป็นเหตุให้ความพยายามใดๆ ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนไม่ประสบผลสำเร็จ

ตัวชี้วัดถึงการพัฒนาของสถานการณ์ในด้านดีที่สำคัญในชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้นนโยบายที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคสี่ส่วนหน้า คือ นโยบายสานใจสู่สันติ โดยพลโทอุดมชัย  ธรรมสาโรรัช ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคสี่  ที่เปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบและผู้เห็นต่างจากรัฐได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขกำลังเดินหน้าไปด้วยดี  โดยมีผู้เห็นต่างจากรัฐทยอยกันเข้ารายงานตัวกับฝ่ายความมั่นคงมากขึ้นตามลำดับ  แม้ว่าฝ่ายขบวนการเองยังคงพยายามแสดงศักยภาพโดยการก่อเหตุในพื้นที่ต่อไปเพื่อแสดงให้เห็นว่ายังคงเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ความรุงแรงให้ดำรงอยู่ได้ก็ตาม 

หากคำถามคือ เมื่อไหร่เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของไทยจะยุติลงคงหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ณ เวลานี้  แต่ด้วยการพัฒนาของสถานการณ์ที่มีสัญญาณที่ดีและความร่วมมือในการแจ้งข่าวสารของประชาชนจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดมากขึ้น  ความเบื่อหน่ายเอือมระอาของประชาชนที่มีต่อขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มุ่งสร้างเพียงความเสียหายอย่างไม่รู้จบ  การถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการเหลียวแลจากขบวนการของแนวร่วมจนยอมวางอาวุธและออกมารายงานตัว  รวมถึงองค์กรระดับชาติต่างๆ ในประชาคมโลกที่กำลังมองเหตุการณ์ในภาคใต้ของประเทศไทยอย่างเข้าอกเข้าใจ  เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งบอกเหตุได้ว่าเค้าลางแห่งความสงบสันติกำลังเริ่มปรากฏขึ้น  สำคัญที่สุดคือต้องบูรณาการการทำงานอย่างจริงจังของทุกองคาพยศทั้งระดับพื้นที่และระดับชาติ  ไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแก้ปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว  รับรองว่าอีกไม่นานความสงบจะกลับคืนมาสู่ภาคใต้อีกครั้ง...รับรอง
---------------------------------------------

ซอเก๊าะ   นิรนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น