6/19/2563

กลุ่มองค์กรที่สร้างความสับสนในสังคมและหากินบนความเสียหายของบ้านเมือง ถ้าไม่สามารถทำงานอย่างสร้างสรรค์ได้ ก็ควรที่จะต้องยุติและยุบเลิกองค์กรกันได้แล้ว



            สถานการณ์โลกปัจจุบัน ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่า2019 หรือโควิด-19 ในหลายประเทศยังมีผู้ติดเชื้อและคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น บางประเทศเริ่มมีการระบาดรอบใหม่อีกครั้ง  ในขณะที่ประเทศไทย สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ เพราะความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน ที่ร่วมด้วยช่วยกันด้วยปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท จนสามารถฝ่าวิกฤตินี้มาได้เป็นอย่างดีต่อเนื่องจนถึงวันนี้

          แต่เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสที่มีคนจุดขึ้น เพื่อผลประโยชน์หลายด้านด้วยกัน  กระแสที่ว่านั้นก็คือ การเปิดประเด็นว่ามีการอุ้มตัว นายวันเฉลิมฯ ผู้หลบหนีคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ  ซึ่งคนทั่วไปแทบไม่มีใครรู้จักเลยด้วยซ้ำว่า นายวันเฉลิม คนนี้ เป็นใครมาจากไหนและมีความสำคัญอย่างไร จึงต้องมีการอุ้มตัวกันเกิดขึ้น และที่หน้าแปลกใจมากก็คือ เหตุการณ์การอุ้มตัวดังกล่าว เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา  ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไรก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้  แต่กลับมีการเปิดประเด็นโจมตีกล่าวหาใส่ร้ายประเทศไทยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

          การเปิดประเด็นการอุ้มตัวนายวันเฉลิมฯ ดังกล่าว มีประโยชน์กับกลุ่มไหน หรือไม่อย่างไรบ้าง..
            กลุ่มแรก  ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มองค์กรที่กำลังเรียกร้องให้เกิดกฎหมายการอุ้มหายและซ้อมทรมาน “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหาย พ.ศ..” อย่างมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และดูเหมือนว่าเหตุการณ์และกระแสดังกล่าวจะพอเหมาะพอดี สอดคล้องต้องกันอย่างน่าสนใจ  อีกคำถามต่อมาก็คือ กฎหมายอุ้มหายฯ มีความสำคัญอย่างไร กับกลุ่มองค์กรนี้ กฎหมายพิจารณาความคดีอาญา ที่มีใช้อยู่ในบ้านเมืองนี้ ยังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องเหล่านี้ใช่หรือไม่.. เพราะจริงๆ แล้ว.. กฎหมายพิจารณาความคดีอาญา ได้มีบทบัญญัติในความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย จนถึงการฆ่าผู้อื่น มานานแล้วมิใช่หรือ..
    
            กลุ่มต่อมา  น่าจะเป็นกลุ่มสำคัญที่สุดในการจุดประเด็นการอุ้มตัวนายวันเฉลิม เพื่อให้เกิดผลกระทบกับความรู้สึกของผู้คนในสังคม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกออกแบบและสร้างเรื่องราวมาจากกลุ่มนี้โดยตรง  เพื่อใช้เครือข่ายต่างๆ ในการขับเคลื่อนโดยมีผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นสำคัญ และกลุ่มแนวร่วมต่างๆ ก็จะมีผลประโยชน์ของกลุ่มเป็นจุดร่วมในการเคลื่อนไหวอย่างสอดประสานเชื่อมโยงกัน

          กลุ่มสุดท้าย ที่มีการใช้กระแสดังกล่าวในการเคลื่อนไหว คือกลุ่มแนวร่วมการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งมีทั้งนักการเมือง และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในพื้นที่  ที่เคลื่อนไหวสอดรับกับทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมาแล้วอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเชื่อถือและกดดันขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในทางกลับกันก็ให้การสนับสนุนกลุ่มองค์กรที่ต่อต้านอำนาจรัฐอย่างชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง

          วันนี้  คนไทยร่วมด้วยช่วยกันเพื่อฝ่าวิกฤติเอาชนะโควิด-19 จนได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ  ต่างจากกลุ่มองค์กรเหล่านี้ ที่คอยแต่จะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อหากินบนความเสียหายของบ้านเมือง จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลองค์กรเหล่านี้ (พม.) ด้วยว่า องค์กรที่สร้างความสับสนให้สังคมแบบนี้สมควรที่จะมีอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไปหรือไม่  รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง (กห.) ขออย่าได้นิ่งเฉย ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมและความเสียหายที่กลุ่มองค์กรเหล่านี้ได้ทำต่อบ้านเมืองด้วยว่า มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ประการใดกับพฤติกรรมการทำร้ายบ้านเมืองในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง.. ประเทศไทยให้เสรีภาพแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ทุกคนจึงต้องปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขตของสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่อ้างเสรีภาพแล้วสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ส่วนรวมอยู่ร่ำไป..


-------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น