‘แบดิง โกตาบารู’
จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่
57/1 ม.1 บ้านดอนรัก ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของ
น.ส.เจ๊ะปาตีเมาะ แวกือจิ หลังจากมีการสืบทราบว่า
มีกลุ่มเป้าหมายหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่
ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ไม่พบพฤติกรรมต้องสงสัย
ไม่พบสิ่งผิดปกติผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ได้นำบุคคลภายในบ้านเพื่อทำการตรวจเก็บสารทางพันธุกรรม
DNA
พิมพ์ลายนิ้วมือ ได้แก่ นายมาอุเซ็น แวจิ, น.ส.ซอมารีย๊ะ มะลี, น.ส.เจ๊ะปาตีเมาะ
แวกะจิ และ ด.ช.ชาลีฟ มะลี ทารกวัย 5 เดือน ลูกชายของนายเสรี แวมามุ
ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัว
ทันทีที่กระแสข่าวได้แพร่สะพัดออกไป
กลุ่มมวลชนปีกการเมือง BRN ผู้สนับสนุนโจรใต้ ได้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน มุ่งปกป้องผลประโยชน์ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ให้ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย
การตรวจสารพันธุกรรม DNA ผู้ใกล้ชิดโจรใต้กลายเป็นประเด็นที่กลุ่มผู้สนับสนุนมุ่งใส่ร้าย
ทั้งที่ในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติไปตามขั้นตอนและปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย
ต้องการหลักฐานมัดตัวฟ้องร้องคนผิดมาลงโทษดำเนินคดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายปิดล้อมและตรวจค้น
บ้านเลขที่ 57/1
ม.1 บ.ดอนรัก ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ในครั้งนี้มีผู้นำหมู่บ้านซึ่งเป็นกำนันอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอดเวลา
และได้เดินทางมายัง สภ.หนองจิก กับผู้ถูกเชิญตัว
ความเชื่อมั่นต่อความแม่นยำ
เที่ยงตรง ของนิติวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจพิสูจน์ DNA นำไปประกอบหลักฐานในการพิจารณาพิพากษาเอาผิดต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง
ซึ่งความเชื่อมั่นต่อกระบวนการพิสูจน์ด้วย DNA มีมาตรฐานตามหลักสากลมีใช้กันทั่วโลก
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
กลับมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีคอยปกป้องโจรใต้ฟาตอนี
นำประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากล่าวอ้าง เพื่อทำลายหลักการ ด้อยค่าเจ้าหน้าที่มุ่งเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนร้าย
มากกว่าประชาชนปาตานีผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักศึกษา PerMAS สำนักสื่อ Wartani หรือแม้กระทั่งมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้ร่วมคัดค้านการตรวจสารพันธุกรรม
(DNA)
จึงเชื่อได้ว่า
การออกมาคัดค้านการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ของกลุ่มดังกล่าวมีนัยแอบแฝงซ่อนเร้น
ไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจ กลัวผู้ก่อเหตุรุนแรงจะถูกจับกุมดำเนินคดีมากกว่า โดยไม่ใส่ใจผลกระทบของคนส่วนใหญ่ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านี้ได้ไปสร้างความเดือดร้อนไว้ให้
คำถามจากสังคมและครอบครัวผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกลุ่มโจรใต้กระทำ
หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ยิ่งตอกาย้ำความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมรัฐ
การตรวจวัตถุพยานด้านนิติวิทยาศาสตร์ (DNA) จึงมีความสำคัญยิ่ง
การเก็บพยานวัตถุในที่เกิดเหตุจึงมีความสำคัญ กับการตรวจสารพันธุกรรม (DNA)
จะได้มีความแม่นยำ จับกุมผู้กระทำได้ถูกต้อง ถูกตัว
ไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าจับแพะ
ส่วนความเคลื่อนไหวขององค์กรมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมปัตตานี
ได้ออกมาผสมโรงว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง
เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็กหลังมีการเก็บสารพันธุกรรม (DNA) เด็กชายวัย 5
เดือนของทายาทผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง
พร้อมทั้งได้มีการปลุกระดมองค์กรแนวร่วม
ผกร.ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกันคัดค้านการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ในทุกรูปแบบโดยผู้ที่ถูกตรวจไม่มีการเซ็นยินยอม
ผู้เขียนเองก็มีความสงสัยว่าการตรวจสารพันธุกรรม
(DNA)
ของเด็กชายวัย 5 เดือน ในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุตามที่ได้มีการกล่าวหาหรือเปล่า
และได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองให้มีการตรวจหรือไม่?
ด้วยความสงสัยผู้เขียนได้ตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ
และได้คำตอบที่ได้รับตอกหน้ากลุ่มและองค์กรที่ทำการเคลื่อนไหวอย่างจังและได้เปิดเผยว่า
“ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่จับตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ในวันดังกล่าว ได้เซ็นเอกสารยินยอมทุกคนโดยไม่มีการบังคับขู่เข็นใดๆ จากเจ้าหน้าที่ต่อหน้ากำนันซึ่งเป็นสักขีพยาน
โดยเฉพาะ ด.ช.ชาลีฟ มะลี วัย 5 เดือน น.ส.ซอมารีย๊ะ มะลี ซึ่งเป็นแม่ เซ็นเอกสารยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจ”
นายเสรี
แวมามุ เป็นสมาชิก ผกร. ที่มีความโหดเหี้ยม คงจะจำข่าวดังเมื่อ 31 มีนาคม 2555
กับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนท์
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน ผู้เสียชีวิตที่ถูกไฟคลอก 5 ราย มี 3 พ่อลูกรวมอยู่ด้วย ขณะกำลังขับมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างลงไปจอดยังชั้นใต้ดินของโรงแรมกลับถูกย่างสดตายทั้งเป็น
ด้วยฝีมือของ นาย เสรี แวมามุ
นอกจากนี้
นายเสรี แวมามุ ยังมีคดีอื่นๆ อีกหลายคดี เช่นคดีใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กราดยิงชาวบ้านเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บ 8 คน หน้าร้านขายของชำเลขที่ 57/1 ม.8 บ้านหนองสาหร่าย ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557
จากการออกหมายจับ
นายเสรี แวมามุ ได้ถูกตั้งข้อหา 8 ข้อหา คือร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย,
ร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันสะสมกำลังพล
หรืออาวุธ หรือรวบรวมทรัพย์สิน หรือกระทำผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีการก่อการร้ายแล้วกระทำการใดๆ
อันเป็นการช่วยปกปิดไว้, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร เพื่อการก่อการร้าย
และร่วมทำมีใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้
และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
กลุ่มองค์กรเหล่านี้ทำไมไม่รณรงค์ให้กลุ่มโจรใต้เลิกก่อเหตุ
ทำไมไม่รณรงค์ให้ยุติความรุนแรง แสวงหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี
แต่กลับมาเรียกร้องโน่นนี่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อคนที่ก่อเหตุรุนแรงถึงขั้นก่อวินาศกรรม
มีผู้บาดเจ็บล้มตายทำไมไม่กล่าวถึง หรือว่าจะต้องให้ผู้ใกล้ตัว
บุคคลภายในครอบครัวของคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบบ้างจึงจะสำนึก
และหากวันนั้นมันโดนกับครอบครัวของท่านบ้าง
อยากเห็นน้ำหน้าพวกมองโลกสวยอย่างพวกมึงบ้างจะรู้สึกเช่นไร?
วันนี้ปกป้องคนที่กระทำความผิดไปเถอะ!! นั่นคือบทบาทที่กลุ่มหรือองค์กรของพวกท่านได้รับมอบหมายมา
แต่อย่างน้อยน่าจะมีจิตสำนึกของความเป็นคน รู้สำนึกรับผิดชอบชั่วดี สมองน้อยๆ
สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรชั่ว อะไรดี หรือในสมองมีแต่ความรุนแรง
เสพติดเอกราชที่พยายามเรียกร้อง ฝันไปเถอะ!!!!
การตรวจเก็บสารทางพันธุกรรม
DNA
ของน้องชาลีฟ มะลี การตรวจของลูกจะมี DNA ของพ่อบวกกัน
เมื่อตรวจของลูกจะได้ของพ่อด้วย เจ้าหน้าที่ไม่เคยมีตัวอย่าง DNA ของ นายเสรี แวมามุ มาก่อน
นายเสรีฯ เคยทำอะไรไว้จะได้เปรียบเทียบในสารบบ
ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามจับกุม แม่นยำ ตรงตัว
ซึ่งหากไม่แม่นด้วยหลักฐานฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะโดนและถูกกล่าวหาว่าเป็นการกลั่นแกล้ง
ต่อจากนี้ไปต้องดูความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการติดตามตัว นายเสรี แวมามุ มาดำเนินคดีและรับโทษต่อไป…..
-----------------------