‘แบดิง โกตาบารู
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558
ศาลชั้นต้นจังหวัดปัตตานี ได้มีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต ผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน
2 ราย คือ นายอาลียาสะ สาเมาะ และ นายอาสมาล เจ๊ะบา ตามคดีดำที่ 3222/57 และคดีแดงที่ 3602/58 จากกรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม กราดยิงใส่ร้านขายของชำในพื้นที่บ้านใหญ่
หมู่ 1 ตำบลคอกกระบือ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวไทยพุทธ เสียชีวิต 5 ราย
ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554
ผู้เขียนขอหยิบยกวาทกรรมของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์
ปูติน แห่งรัสเซีย“To forgive the
terrorists is up God, but to send them to God is my duty.” การอภัยโทษบาปแก่ผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นเรื่องของพระเจ้า
แต่การส่งพวกมันไปพบพระเจ้าเป็นหน้าที่ของผมเอง
ผู้ที่ทำการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยถึงแม้จะใช้คำว่า
“ผู้ก่อเหตุรุนแรง” แทนคำว่า “ผู้ก่อการร้าย”การใช้คำเรียกที่ต่างกันแต่ความโฉดชั่วของผู้ร้ายนั้นย่อมไม่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการก่อเหตุต่อผู้บริสุทธิ์
เด็ก สตรี และคนชรา ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอไม่สามารถดูแลตัวเองไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
การอภัยโทษบาปแก่ผู้ก่อการร้ายนั้นเป็นเรื่องของพระเจ้า
แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้การส่งพวกโจรใต้ฟาตอนีไปพบพระเจ้านั้นเป็นหน้าที่ของการบวนการยุติธรรม
เวรกรรมตามทันกลุ่มโจรชั่วรกผืนแผ่นดินเหล่านี้จะต้องตายตกตามกัน
ไปชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้นมา กระบวนการยุติธรรมไม่เลือกข้าง
ไม่คุ้มครองคนโฉดชั่ว สุดโต่ง ไร้ศาสนา ไม่มีแม้ความปราณี ประตูนรกได้เปิดฝาแง้มรอคอย 2 โจรใต้ฟาตอนี ฝากไปยังสมาชิกแนวร่วมเตรียมขุดหลุมรอฝังได้เลย เป็นที่น่าแปลกใจกับพฤติกรรมของโจรใต้ฟาตอนี ตอนเป็นผู้กระทำสวมบทเป็นผู้ร้ายพรากชีวิตของผู้อื่นไม่เคยยั้งคิดว่าญาติมิตรผู้เสียชีวิตอีกกี่คนต้องเสียใจเช่นไร?
กับการเสียคนที่รักไป มนุษย์ทุกคนล้วนรักตัวกลัวตายรักชีวิตของตนเองแม้กระทั่งสัตว์
คอยดูน้ำหน้าโจรใต้ในวันประหารชีวิตกันกับอารมณ์โดนปลิดชีวิตต้องดับดิ้น..
การก่อกรรมทำชั่วของ
2 โจรใต้ฟาตอนี นายอาลียาสะ สาเมาะ
และนายอาสมาล เจ๊ะบา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 ได้กระทำอย่างอุกอาจไม่ย่ำเกรงกฎหมายบ้านเมือง
ไม่กลัวเกรงต่อบาป ด้วยการใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงหมู่ชาวไทยพุทธที่กำลังไปทำบุญประกอบศาสนพิธีเนื่องในวันพระโจรใต้ก็ยังไม่ละเว้น
ที่น่าหดหู่ใจที่สุดคือกลุ่มผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนชรา
และผู้ได้รับบาดเจ็บมีเด็กรวมอยู่ด้วย
ส่อให้เห็นถึงพฤติกรรมการก่อเหตุที่ไม่เลือกเป้า จงใจก่อเหตุทำลายล้างชีวิตของผู้อื่น
เรามาย้อนเหตุการณ์ความป่าเถื่อนของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนีกระทำกับชาวไทยพุทธในวันนั้นกัน
ผู้เขียนขออภัยไปยังญาติผู้เสียชีวิตซึ่งผู้เขียนเองมิได้จงใจหรือส่อเจตนาตอกย้ำรอยแผลความเจ็บปวด
ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ผู้เขียนขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อต้องการประจานความสุดโต่งของคนไร้ศาสนา
เผยพฤติกรรมกลุ่มขบวนการที่วางแผนทำร้ายคนไทยพุทธซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในพื้นที่มาโดยตลอด
ผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ในวันนั้น
ประกอบด้วย นางพิกุล แสนหนู อายุ 40 ปี เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นางลัดดาวัลย์
ยอดแก้ว อายุ 60
ปี อดีตข้าราชการครู นายพงษ์ศักดิ์ เพชร อายุ 44 ปี ศึกษานิเทศก์ประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานีเขต 1 นายนิ่ม บุญมาก อายุ 78 ปี และ นายนิพนธ์
เสริมกลิ่น อายุ 62 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ส่วนผู้บาดเจ็บมี
ด.ช.ภูริกรณ์ คอร์ อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนปะนาเระ, นายสมเพียร
รัตน์ศรีจันทร์ อายุ 54 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านท่าข้าม
อ.ปะนาเระ, นางซิ้ม ตัณฑพงษ์ อายุ 79
ปี มารดานายก อบต.คอกกระบือ, นายพงษ์ศักดิ์ ยอดแก้ว อายุ 60 ปี ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณแขน และลำตัว นำส่งโรงพยาบาลปะนาเระ
แต่นายพงษ์ศักดิ์ฯ และ ด.ช.ภูริกรณ์ฯ อาการสาหัส ต้องนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี
นายอาลียาสะ สาเมาะ และ นายอาสมาล เจ๊ะบา ซึ่งเป็นคนร้ายก่อเหตุในขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดและผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังกินข้าวอยู่ภายในร้านบริเวณหน้าวัด และกำลังเดินเข้าวัดมหิงษาราม
เพื่อไปทำบุญเนื่องในวันพระ ได้ใช้รถยนต์กระบะ โตโยต้า สีขาว
เป็นยานพาหนะมาจอดซุ่มบริเวณดังกล่าว และฉวยโอกาสในจังหวะที่ทุกคนไม่คาดคิดด้วยการใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่กลุ่มชาวไทยพุทธก่อนจะหลบหนีไป
ยุทธการของกลุ่มขบวนการที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี
ชาวไทยพุทธในพื้นที่ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่แล้ว กลับถูกคุกคามถูกระรานก่อกวนทุกรูปแบบ
นำมาซึ่งความหวาดกลัวหวาดผวา
ครอบครัวที่ถูกกระทำจากโจรใต้ฟาตอนีต้องละทิ้งถิ่นฐานที่เคยอยู่อาศัยมานานนับตั้งแต่ปู่ย่าตายาย
จำต้องขายทิ้งที่ทำมากินถูกๆ ให้กับชาวไทยมุสลิม
และในปัจจุบันชาวไทยพุทธในพื้นที่เหลืออยู่น้อยเต็มที
นายอาลียาสะ สาเมาะ และ นายอาสมาล เจ๊ะบา ขณะนี้อยู่ในระหว่างคุมขัง พยายามโกงความตายไม่อยากไปพบกับพระเจ้าต่อรองด้วยการอุทธรณ์
หลายต่อหลายเหตุการณ์ด้วยกันที่กลุ่มโจรใต้ได้กระทำต่อชาวไทยพุทธ เด็กสตรี หรือแม้กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นนักบวชซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนายังไม่มีการละเว้น
เป็นการยั่วยุสร้างความแตกแยกระหว่างศาสนา สร้างความสลดหดหู่ให้กับชาวไทยทั้งประเทศที่ติดตามข่าวสาร...การอุทธรณ์คดีสองโจรใต้หนีความตายจะเป็นเช่นไร?
คอยติดตามการตัดสอนของศาลยุติธรรมกันครับ….
---------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น