3/24/2561

จุดเริ่มสร้างความขัดแย้งชายแดนใต้กลุ่มขบวนการใช้โรงเรียนปลูกฝังแนวความคิด


"กะ กันดา"


          ข่าวคราวเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงเข้าทำการตรวจค้นในสถาบันศึกษาปอเนาะพบเอกสารและวัตถุพยานจำนวนมาก ที่สำคัญตรวจพบสารตั้งต้นในการประกอบระเบิด รายชื่อครูสอนศาสนาที่พัวพันกับกลุ่มขบวนการ ยิ่งตอกย้ำ "ปอเนาะสีเทา" ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ให้เด่นชัดขึ้นและชี้ให้เห็นว่าจุดเริ่มต้นสร้างความขัดแย้งชายแดนใต้เกิดจากกลุ่มขบวนการใช้สถาบันการศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งบ่มเพาะปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดๆ ให้กับเด็กและเยาวชน

          กรณีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีเข้าทำการตรวจค้น โรงเรียนบากงพิทยา บ้านบากง ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก ผลการตรวจค้น พบเอกสารสำคัญและวัตถุพยานที่เชื่อถือได้ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายหลายรายการ ทั้งหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีเนื้อหาบิดเบือน และเอกสารแนวทางต่อต้านรัฐ นอกจากนี้ยังได้ตรวจพบ ถังแก๊ส, ถังดับเพลิง, ปุ๋ยยูเรีย, และเครื่องมือขุดเจาะหลุมระเบิดใต้ถนน อีกทั้งยังมีการตรวจบัญชีรายชื่อครูสอนศาสนาในโรงเรียน พบว่าบางคนมีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงและหลายคนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีหมายจับในคดีอาญา ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าศูนย์การนำอยู่ในพื้นที่บ้านบากง ซึ่งมีพยานได้เคยเข้ามาฝึกชุดปฏิบัติการขนาดเล็กในโรงเรียนบากงพิทยา

          ในเวลาต่อมายังพบหลักฐานชิ้นสำคัญจากการตรวจสอบของโรงเรียนบากงพิทยาทำการทุจริตงบประมาณของรัฐ ในโครงการอุดหนุนรายหัวนักเรียนและค่าตอบแทนครู เงินค่าเสี่ยงภัยครู เงินช่วยเหลือค่าครองชีพครูและสวัสดิการอื่นๆ ของครู รวมทั้งค่าอาหารกลางวันและอุปกรณ์การเรียนของนักเรียน ซึ่งมีครูบางคนในโรงเรียนใช้ในการต่อสู้เพื่อต่อต้านรัฐ และแอบแฝงผลประโยชน์ส่วนบุคคลจากงบประมาณแผ่นดินในการขับเคลื่อนการต่อสู้ ด้วยการบ่อนทำลายระบบการศึกษา มีการยิงครูในโรงเรียนสามัญจนต้องปิดตัวลง แล้วบังคับรัฐให้หันมาสนับสนุนแนวทางที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแอบแฝง โดยใช้ความรุนแรงบังคับวิถีให้เป็นไปตามแนวทางที่ขบวนการกำหนด ภายใต้นโยบาย โรงเรียนมลายูซึ่งเป็นหนทางหลักสู่เอกราช แต่ระหว่างทางที่ขับเคลื่อนแนวคิดรุนแรง ผู้บริหารโรงเรียนบางคนกลับได้รับผลประโยชน์เป็นผลพลอยได้จำนวนมาก

          ล่าสุดมีการเปิดเผย "เอกสารลับ" ของโรงเรียนบากงวิทยา เป็นสรุปรายงานการตรวจสอบปัญหาการทุจริตงบอุดหนุนรายหัวนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการบรรยาย "วิธีการทุจริต" เอาไว้อย่างละเอียดเริ่มจากโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนจากรัฐบาลสูงเกินจริง มีการแจ้งจำนวนนักเรียนเท็จ รับเงินอุดหนุนรายหัว อยู่ที่ปีละ 14,000 บาทต่อคน แจ้งเกินกี่คน ได้เงินเกินไปเท่าไหร่ก็คูณเข้าไปได้เลย นอกจากนี้โรงเรียนยังรับค่าเล่าเรียนกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผู้เรียน ส่วนค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน และเครื่องแบบนักเรียน ต้องมีการสั่งซื้อจากร้านค้าภายนอก ปรากฏว่าก็มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย ทำการ "จัดซื้อเท็จ" โดยร้านค้าในเครือข่ายจะทำใบเสร็จรับเงินปลอมขายให้กับโรงเรียน  นอกจากนั้นในเครือข่ายนี้ยังมีบริษัทตรวจสอบบัญชี เพื่อทำ "บัญชีงบดุลเท็จ" ให้กับโรงเรียน นี่คือวงจรอุบาทว์ทำการทุจริตงบอุดหนุนรายหัวนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบข้อมูลมา โดยอ้างตัวเลขว่ามีโรงเรียนเกี่ยวข้องราว 100 โรง ร้านค้าราวๆ 10 แห่ง รวมถึงบริษัทตรวจสอบบัญชี

          ที่กล่าวมาผู้เขียนพยายามให้ผู้อ่านมองเห็นภาพจำนวนโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำการทุจริตในการแจ้งจำนวนนักเรียนเท็จเพื่อดึงงบประมาณจากรัฐ หากเจาะข้อมูลย้อนหลังปี 56-58 พบว่ามีโรงเรียนในพื้นที่จะต้องคืนเงินอุดหนุนให้กับรัฐสูงกว่า 177 ล้านบาท! ส่อให้เห็นว่ายังมีผู้บริหารของโรงเรียนบางแห่งเห็นแก่ได้มีการเบิกเงินอุดหนุนซ้ำซ้อน ทำธุรกิจทางการศึกษาโดยไม่ยอมพัฒนาคุณภาพทางด้านการศึกษา อีกทั้งยังใช้ "ปอเนาะสีเทา" สนับสนุนกลุ่มขบวนการ มีการผ่องถ่ายงบที่เบิกเกินจริง ไปใช้ในกิจกรรมก่อความไม่สงบก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างความเดือดร้อน สร้างปัญหาให้บ้านเมือง โดยใช้เงินจากภาษีประชาชนกลับมาเข่นฆ่าประชาชนซึ่งถือว่าน่าตกใจ!! ที่สำคัญเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการใช้สถาบันการศึกษาปอเนาะหรือแม้แต่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เป็นแหล่งบ่มเพาะปลูกฝังแนวความคิดผิดๆ ทั้งในเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์ให้กับเด็กและเยาวชนต่อต้านรัฐไทยเกลียดชังคนต่างศาสนาที่อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างช้านาน หลอกใช้ให้ทำการก่อเหตุต้องหมดสิ้นอนาคต หลายรายต้องหลบหนีอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ส่วนหนึ่งต้องติดคุกหมดสิ้นอิสรภาพ.. แต่ที่น่าเสียดายมีจำนวนไม่น้อยต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร.. เพียงเพราะหลงเชื่อกลุ่มขบวนการลวงโลก    
----------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น