"กะ กันดา"
ข่าวคราวเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงเข้าทำการตรวจค้นในสถาบันศึกษาปอเนาะพบเอกสารและวัตถุพยานจำนวนมาก
ที่สำคัญตรวจพบสารตั้งต้นในการประกอบระเบิด รายชื่อครูสอนศาสนาที่พัวพันกับกลุ่มขบวนการ
ยิ่งตอกย้ำ "ปอเนาะสีเทา" ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ให้เด่นชัดขึ้นและชี้ให้เห็นว่าจุดเริ่มต้นสร้างความขัดแย้งชายแดนใต้เกิดจากกลุ่มขบวนการใช้สถาบันการศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งบ่มเพาะปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดๆ
ให้กับเด็กและเยาวชน
กรณีเมื่อวันที่ 27 มกราคม
2561 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีเข้าทำการตรวจค้น โรงเรียนบากงพิทยา บ้านบากง ตำบลบางเขา
อำเภอหนองจิก ผลการตรวจค้น
พบเอกสารสำคัญและวัตถุพยานที่เชื่อถือได้ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายหลายรายการ
ทั้งหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีเนื้อหาบิดเบือน และเอกสารแนวทางต่อต้านรัฐ
นอกจากนี้ยังได้ตรวจพบ ถังแก๊ส,
ถังดับเพลิง, ปุ๋ยยูเรีย, และเครื่องมือขุดเจาะหลุมระเบิดใต้ถนน
อีกทั้งยังมีการตรวจบัญชีรายชื่อครูสอนศาสนาในโรงเรียน
พบว่าบางคนมีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงและหลายคนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีหมายจับในคดีอาญา ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าศูนย์การนำอยู่ในพื้นที่บ้านบากง
ซึ่งมีพยานได้เคยเข้ามาฝึกชุดปฏิบัติการขนาดเล็กในโรงเรียนบากงพิทยา
ในเวลาต่อมายังพบหลักฐานชิ้นสำคัญจากการตรวจสอบของโรงเรียนบากงพิทยาทำการทุจริตงบประมาณของรัฐ
ในโครงการอุดหนุนรายหัวนักเรียนและค่าตอบแทนครู เงินค่าเสี่ยงภัยครู
เงินช่วยเหลือค่าครองชีพครูและสวัสดิการอื่นๆ ของครู
รวมทั้งค่าอาหารกลางวันและอุปกรณ์การเรียนของนักเรียน
ซึ่งมีครูบางคนในโรงเรียนใช้ในการต่อสู้เพื่อต่อต้านรัฐ
และแอบแฝงผลประโยชน์ส่วนบุคคลจากงบประมาณแผ่นดินในการขับเคลื่อนการต่อสู้
ด้วยการบ่อนทำลายระบบการศึกษา มีการยิงครูในโรงเรียนสามัญจนต้องปิดตัวลง
แล้วบังคับรัฐให้หันมาสนับสนุนแนวทางที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงแอบแฝง
โดยใช้ความรุนแรงบังคับวิถีให้เป็นไปตามแนวทางที่ขบวนการกำหนด ภายใต้นโยบาย
โรงเรียนมลายูซึ่งเป็นหนทางหลักสู่เอกราช แต่ระหว่างทางที่ขับเคลื่อนแนวคิดรุนแรง
ผู้บริหารโรงเรียนบางคนกลับได้รับผลประโยชน์เป็นผลพลอยได้จำนวนมาก
ล่าสุดมีการเปิดเผย "เอกสารลับ" ของโรงเรียนบากงวิทยา
เป็นสรุปรายงานการตรวจสอบปัญหาการทุจริตงบอุดหนุนรายหัวนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งมีการบรรยาย "วิธีการทุจริต"
เอาไว้อย่างละเอียดเริ่มจากโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนจากรัฐบาลสูงเกินจริง
มีการแจ้งจำนวนนักเรียนเท็จ รับเงินอุดหนุนรายหัว อยู่ที่ปีละ 14,000 บาทต่อคน
แจ้งเกินกี่คน ได้เงินเกินไปเท่าไหร่ก็คูณเข้าไปได้เลย นอกจากนี้โรงเรียนยังรับค่าเล่าเรียนกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผู้เรียน
ส่วนค่าหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน และเครื่องแบบนักเรียน
ต้องมีการสั่งซื้อจากร้านค้าภายนอก ปรากฏว่าก็มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย ทำการ
"จัดซื้อเท็จ"
โดยร้านค้าในเครือข่ายจะทำใบเสร็จรับเงินปลอมขายให้กับโรงเรียน
นอกจากนั้นในเครือข่ายนี้ยังมีบริษัทตรวจสอบบัญชี เพื่อทำ
"บัญชีงบดุลเท็จ" ให้กับโรงเรียน นี่คือวงจรอุบาทว์ทำการทุจริตงบอุดหนุนรายหัวนักเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบข้อมูลมา
โดยอ้างตัวเลขว่ามีโรงเรียนเกี่ยวข้องราว 100 โรง ร้านค้าราวๆ 10 แห่ง
รวมถึงบริษัทตรวจสอบบัญชี
ที่กล่าวมาผู้เขียนพยายามให้ผู้อ่านมองเห็นภาพจำนวนโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำการทุจริตในการแจ้งจำนวนนักเรียนเท็จเพื่อดึงงบประมาณจากรัฐ
หากเจาะข้อมูลย้อนหลังปี 56-58 พบว่ามีโรงเรียนในพื้นที่จะต้องคืนเงินอุดหนุนให้กับรัฐสูงกว่า
177 ล้านบาท! ส่อให้เห็นว่ายังมีผู้บริหารของโรงเรียนบางแห่งเห็นแก่ได้มีการเบิกเงินอุดหนุนซ้ำซ้อน
ทำธุรกิจทางการศึกษาโดยไม่ยอมพัฒนาคุณภาพทางด้านการศึกษา อีกทั้งยังใช้ "ปอเนาะสีเทา"
สนับสนุนกลุ่มขบวนการ มีการผ่องถ่ายงบที่เบิกเกินจริง ไปใช้ในกิจกรรมก่อความไม่สงบก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างความเดือดร้อน
สร้างปัญหาให้บ้านเมือง โดยใช้เงินจากภาษีประชาชนกลับมาเข่นฆ่าประชาชนซึ่งถือว่าน่าตกใจ!! ที่สำคัญเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการใช้สถาบันการศึกษาปอเนาะหรือแม้แต่ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด
(ตาดีกา) เป็นแหล่งบ่มเพาะปลูกฝังแนวความคิดผิดๆ ทั้งในเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์ให้กับเด็กและเยาวชนต่อต้านรัฐไทยเกลียดชังคนต่างศาสนาที่อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างช้านาน
หลอกใช้ให้ทำการก่อเหตุต้องหมดสิ้นอนาคต หลายรายต้องหลบหนีอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ
ส่วนหนึ่งต้องติดคุกหมดสิ้นอิสรภาพ..
แต่ที่น่าเสียดายมีจำนวนไม่น้อยต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร.. เพียงเพราะหลงเชื่อกลุ่มขบวนการลวงโลก
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น