การพูดคุยสันติภาพระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ
สมช.
กับผู้แทนของฝ่ายขบวนการที่กำลังมีการรวบรวมตัวแทนจากหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนำอย่าง
BRN หรือกลุ่มที่กำลังเข้าร่วมพูดคุยอย่าง PULO และ BIPP ที่มีอันต้องสะดุดกึกลงภายหลังจากที่มีการกำหนดวันพูดคุยครั้งที่
4 ในช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลหลายกรณี
ทั้งด้วยความไม่พร้อมของฝ่ายขบวนการที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกันเองและความต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมทั้งของบุคคลและกลุ่มต่างๆ
ที่พยายามยกระดับตนเองให้มีบทบาทในการพูดคุยสันติภาพ
ด้วยคาดหวังให้เกิดการยอมรับหากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ของไทยตามที่ขบวนการฝันไว้
ทำให้เกิดความไม่ลงตัวจนไม่สามารถกำหนดจุดยืนของขบวนการได้ นั้นเป็นเหตุผลหนึ่ง
อีกเหตุผลคงหนีไม่พ้นความวุ่ยวายทางการเมืองภายในกรุงเทพมหานครซึ่งเปรียบเหมือนศูนย์รวมอำนาจของรัฐบาลไทยทำให้คณะพูดคุยของฝ่ายไทยซึ่งประกอบกันขึ้นจากหลายส่วนงานจำเป็นต้องสะสางเรื่องวุ่นวายให้จบลงเสียก่อนก็อาจเป็นมูลเหตุอีกประการหนึ่ง
แต่อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญและน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การพูดคุยสันติภาพของสองฝ่ายต้องเกิดอาการชะงักงันหรืออาจถึงมีอันต้องพังพาบลงคือ
ข้อเสนอสุดโต่ง 5
ข้อของฝ่ายขบวนการที่ยากต่อการยอมรับเพราะหมิ่นแหม่ต่อความมั่นคงอย่างยากที่จะกล่าว
และเป็นที่รู้ๆ กันว่าข้อเสนอทั้ง 5
ข้อที่หลับหูหลับตาเสนอแบบไม่ต้องการให้ได้รับการยอมรับนั้น ฝ่ายขบวนการรู้ดีอยู่แล้วว่า
ถึงอย่างไรก็คงไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลไทย
จึงอาศัยเป็นความชอบธรรมที่จะกล่าวหาว่า
รัฐบาลไทยไม่มีความจริงใจที่จะใช้แนวทางสันติ
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าฝ่ายรัฐบาลไทยก็เงียบไปจริงๆ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดตามที่ยกตัวอย่างข้างต้น
เลยเข้าทางขบวนการที่จะใช้วิธีสร้างความรุนแรง
ลอบสังหารทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์แบบไม่เลือกเป้าหมายเพื่อยกระดับเหตุการณ์ไปสู่สังคมโลกต่อไป
แต่ในช่วงประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป้าหมายอ่อนแอโดยเฉพาะไทยพุทธกลับถูกลอบทำร้ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันไปหาปูเปรี้ยวที่โดนถล่มยิงเสียชีวิตไป 4 รายที่ปัตตานี
ชาวบ้านที่กำลังหาของป่าถูกซุ่มยิงบาดเจ็บไป 7 ราย
สองสามีภรรยาวัยชราซ้อนท้ายจักรยานยนต์ถูกคนร้ายยิงจนเสียชีวิตทั้งคู่ขณะกำลังกลับจากกรีดยางที่สุคิริน
นราธิวาส หรือล่าสุดคนส่งขนมปังก็ถูกประกบยิงขณะกำลังส่งของที่เมาะมาวี ปัตตานี
เสียชีวิตไปอีกราย ยังไม่รวมพี่น้องมุสลิมที่โดนด้วยเช่นกันถึง 3
รายซ้อนแม้แต่เด็กอายุเพียง 2
ขวบก็พลอยรับเคราะห์ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำอย่างไร้ซึ่งจิตสำนึกของบรรดาโจรที่กล้าเรียกตัวเองว่านักรบไปด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพี่น้องมุสลิมที่โดนลอบสังหารล้วนเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ชนวนเหตุสังหารอาจเกิดจากถูกตามเช็คบิลหลังการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นวังวนอุบาทว์ขัดแย้งกันเอง
และไม่เกี่ยวกับเหตุก่อความไม่สงบ และเด็ก 2 ขวบนี่ก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน
การลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างถี่ยิบครั้งนี้หนักหนาจนหลายฝ่ายจับตามองเห็นถึงความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของสมาชิก
BRN ว่า ทำเกินกว่าที่จะกล่าวอ้างว่าต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่น้องมุสลิม
รวมทั้งฝ่ายที่ขับเคลื่อนงานมวลชนและการเมืองของขบวนการก็กำลังถูกสมาชิกติดอาวุธที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก่อเหตุสะเปะสะปะทำให้เสียมวลชน
งานนี้นัยว่ากลุ่มขบวนการเสียรังวัดด้านมวลชนไปเยอะ
ขณะที่ชาวไทยพุทธที่เรียกตัวเองว่า “เครือข่ายชาวไทยพุทธสนับสนุนกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้"
ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง และเรียกร้องให้ BRN รับข้อเสนอของรัฐบาลไทยที่จะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์และควบคุมสมาชิกของตนไม่ให้ก่อเหตุทำร้ายประชาชนอีกต่อไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงนี้ต้องไปถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนซึ่งคอยถือหางสนับสนุนขบวนการและแนวร่วมอยู่ด้วย
อาการ “เถียงไม่ออก” จึงเกิดขึ้นกับองค์กรเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่จะทำให้โอกาสในการได้รับเงินสนับสนุนจากการบิดเบือนสถานการณ์ในภาคใต้ร่วมกับขบวนการต้องลดน้อยลงหรืออาจพาลไม่ได้รับเลย
เดือดร้อนซิทีนี้
วิชามารแบบเก่าๆ จึงถูกงัดออกมาใช้แบบหน้าด้านๆ อีกครั้ง
เริ่มด้วยเว็บไซต์ patanipost.net ของ
PULO กลุ่มนายซาซูดิน คาน ได้ลงข้อความกรณีคนไทยพุทธถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ขณะเดินทางกลับจากการหาของป่าที่ จ.นราธิวาส ว่าเนื่องจากรัฐบาลไทยใช้คนหาของป่าเป็นสายสืบให้อยู่เสมอเพื่อหาสถานที่พักพิงของนักต่อสู้ปาตานี และเหตุการณ์ครั้งนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมไปกับกลุ่มชาวบ้านด้วยโดยระบุว่าการก่อเหตุต่อนักล่าอาณานิคมสยามจะดำเนินต่อไป
ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะเกิดความสงบสุข ขณะที่เว็บเพจ Jihad pattani
merdeka islamku ซึ่งเพิ่งจะเริ่มเปิดใช้เมื่อไม่นานมานี้และเป็นกระบอกเสียงของโจรเช่นเดียวกันระบุว่า
เหตุยิงประชาชนมุสลิมในพื้นที่ อ.สายบุรี, อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และ เด็กอายุ 2 ขวบบาดเจ็บด้วยนั้นเป็นนโยบายฆ่าชาวมลายูของนักล่าอาณานิคมสยามที่มีอย่างต่อเนื่อง
คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าบิดเบือนอย่างไรนะครับ
เพราะได้ให้รายละเอียดและเบื้องลึกของเหตุการณ์ไว้ข้างบนแล้ว
การบิดเบือนข้างต้น โดยเฉพาะการนำเสนอของกลุ่มนายซาซูดิน คาน ซึ่งเป็นรู้กันว่าเป็นกลุ่มที่ไม่ยอมรับแนวทางการใช้สันติวิธีหรือการพูดคุย
ขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มที่ไม่มีบทบาทในการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้มากนัก
แต่กลับแสดงบทบาทเหมือนกับว่ากลุ่มของตนมีศักยภาพที่จะกำหนดความเป็นไปของสถานการณ์ในพื้นที่ได้การกระทำเยี่ยงนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามยกระดับให้กลุ่มของตนมีความสำคัญขึ้นมาเพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่งซึ่งในภาวะที่ความขัดแย้งภายในของขบวนการที่กำลังรุนแรงเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากแล้ว
การบิดเบือนเข้าข้างตัวเองโดยหวังผลทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้
ในระดับของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำแล้ว “นับว่าเป็นความพยายามที่ไร้ยางอายโดยแท้”
ซอเก๊าะ นิรนาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น