ย้อนกลับไปเมื่อ
10 ปี ก่อน เวลาประมาณ 02.00 น. ของคืนวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2547 (ค.ศ.2004) ได้มีกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย
จำนวนราว 60 คน บุกเข้าปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์
อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
กองกำลังดังกล่าวได้สังหารเจ้าหน้าที่ทหารไป 4 นาย
ก่อนหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืน M-16 และอาวุธปืนสั้นรวม 437 กระบอก ซึ่งค่ายทหารที่ถูกโจมตีดังกล่าวเป็นแค่กองพันทหารพัฒนาที่มาสร้างความเจริญให้กับพื้นที่
3 จังหวัดชายแดนใต้ มิใช่หน่วยสู้รบแต่อย่างใด
โดยข้อเท็จจริงสถานการณ์ความไม่สงบที่มาจาก
“รากเหง้า” การแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จุดเริ่มต้นแท้จริงไม่ได้มาจากการ “ปล้นปืน” กองพันพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส อย่างที่สังคมไทยส่วนหนึ่งเข้าใจ แต่ปัญหาความไม่สงบ
เนื่องจากความพยายามแบ่งแยกดินแดนของขบวนการโจรใต้ในชื่อต่าง ๆ เช่น บีเอ็นพีพี พูโล
มูจาฮีดีน บีอาร์เอ็น ได้จัดตั้งวิธีการต่อสู้มายาวนานแล้ว ดังนั้นปัญหาการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือความไม่พอใจของกลุ่มเห็นต่างจากรัฐจึงมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่มีอุดมการณ์
ไม่ใช่โจรใต้ที่อ้างตัวเป็นนักรบ เป็นตัวแทนชาวปาตานีเหมือนสมัยนี้
ทั้งนี้กลุ่มโจรใต้ยังใช้ยุทธศาสตร์เน้นความรุนแรงเพื่อสร้างความหวาดกลัวกับประชาชนในการควบคุมมวลชน
รวมทั้งปลุกระดมนำเยาวชนไปเป็นแนวร่วมในการก่อเหตุ โดยใช้ความเป็นชนชาติมลายู ศาสนา และประวัติศาสตร์
บวกกับความไม่เป็นธรรมเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ในขณะที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ใช้ยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นยุทธศาสตร์หลัก
โดยมี 6 ยุทธศาสตร์รอง อาทิ
การเสริมสร้างความเข้าใจ การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ การป้องกันและการแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อน
การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ความขมขื่นของประชาชนในพื้นที่
ใครกันแน่ที่เป็นผู้กระทำ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมิใช่หรือ?
ที่ไปปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547
แล้วนำอาวุธปืนดังกล่าวมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่
ก่อนหน้านี้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุขไม่เดือดร้อน และหวาดระแวงต่อกัน กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างบาดแผลให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันระหว่างชาวไทยพุทธ
และชาวไทยมุสลิม ต้องการสร้างความแตกแยก
ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่
นำความสันติสุขกลับสู่พื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ กลุ่ม BRN หรือ PULO แม้แต่กลุ่มแนวร่วมอีกหลายกลุ่ม
เคยทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่แห่งนี้บ้าง นอกจากวางระเบิด เข่นฆ่าพี่น้องที่เป็นคนไทยด้วยกัน เลือดสีเดียวกัน
พี่น้องที่นับถือศาสนาเดียวกัน 10 ปี ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นับตั้งแต่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547
เราได้อะไรจากกลุ่มโจรใต้ พวกนี้บ้าง นอกจาก เสียงปืน เสียงระเบิด รอยเลือด
และคราบน้ำตาแห่งความสูญเสีย
กลุ่มนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่า ปัญญาชนอย่าง
PerMAS
คนทั่วไปต่างรู้ดีว่าเป็นปีกหนึ่งของขบวนการ BRN ในการเคลื่อนไหวงานการเมืองและมวลชนจัดตั้ง
จากหลักฐานที่ปรากฏทำให้ยืนยันได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันทั้งมิติทางทหารเป็นการต่อสู้ในทางลับ
และมิติทางการเมืองเป็นการต่อสู้ทางเปิด ชักนำนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชน
ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีการแก้ปัญหาของภาครัฐ โดยการใช้เวที Bicara Patani ในการขับเคลื่อนตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 200 เวที ปัจจุบันได้จัดไปแล้ว 48 เวที มีข้อสังเกตการจัดเวที Bicara
Patani ของกลุ่ม PerMAS มีเจตนาแอบแฝง วัตถุประสงค์อำพราง เพื่อเปิดทางให้ชุดปฏิบัติการทางทหารของกลุ่ม BRN เข้าพื้นที่ได้โดยเสรี จากนั้นจะมีการก่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตามมาหลังจากจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรมในบางพื้นที่เชื่อมโยงถึงระดับแกนนำของ BRN ใช้กิจกรรมของ
PerMAS อำพรางการประชุมในการวางแผนก่อเหตุให้กับสมาชิก
ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่ม PerMAS บางส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในพื้นที่
และจัดกิจกรรมปลุกระดม อย่างเช่น นายนูรมาน ดอเลาะ
อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา
มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา 38 จุด เมื่อ 25 ตุลาคม
2554 ทำหน้าที่สังเกตการณ์และนำระเบิดเข้าพื้นที่ นายสุไฮมิง ดุลละสะ ประธาน PerMAS
คนปัจจุบัน เคยร่วมจัดกิจกรรมแอบแฝงเพื่อชี้นำความเป็นเชื้อชาติมลายูปาตานี
ให้กับเยาวชนในสถานศึกษาศาสนาทุกระดับ จะเห็นว่าแกนนำของกลุ่มแอบอ้างตัวมาโดยตลอดว่าเป็นตัวแทนของนักศึกษาในสามจังหวัดภาคใต้
แต่แท้จริงแล้ว ก็แค่กลุ่มๆหนึ่ง ที่ต้องการแบ่งแยก เพื่อเอกราชปาตานี เอากลุ่มนักศึกษามาบังหน้า
ซึ่งการแสดงออกของพฤติกรรมนายคนนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
การเคลื่อนไหวมีวาระแอบแฝง ซ่อนเร้นผลประโยชน์
ทำเพื่อตัวเอง เหตุใดจึงมองไม่เห็นความทุกข์ของคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้
ใครกันแน่ที่ต้องสูญเสีย ใครกันที่ต้องเจ็บปวดกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ใครกันที่ต้องทนรับความขมขื่นที่กลุ่มโจรกลุ่มนี้มอบให้.....
“ครบรอบ 10 ปีที่ขมขื่น”
ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับจากน้ำมือโจรใต้ที่ผูกเนคไทใส่สูทเสนอหน้าในเวทีการพูดคุยสันติภาพจอมปลอมที่คุยไปฆ่าผู้คนไป......อนิจจาประชาชนที่ต่างตั้งตารอคอยสันติภาพ
.........ตนไทยปลายด้ามขวาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น