5/18/2555

DEEP SOUTH Govt looks for OIC backing


        The government has called on the Organisation of Islamic Cooperation to condemn repeated acts of violence being carried out by insurgents in the deep South. Continual acts of terror are preventing constructive peace efforts from taking place, it says.
       
Speaking at a press conference yesterday at the end of the OIC's visit to Thailand, Sihasak Phuangketkeow, Foreign Affair Ministry's permanent secretary, said the government did not create the conflict and if there is to be peace and reconciliation in the three southernmost provinces, all sides must stop further acts of violence. "Unless all parties halt the violence, peace talks will not be realised," Mr Sihasak said. Adviser and Special Envoy of the OIC secretary-general Sayed Kassim el-Masry, said while the situation has improved in general, he is still concerned about the level of violence in recent months.
       Mr Masry was on a one-week visit to Thailand which took him to Pattani, Yala, Narathiwat and Songkhla provinces. Thailand and OIC share a common principle in the reconciliation process, and the government is rightly addressing the root cause of the problem, he said. Mr Masry hoped His Majesty the King's advice on solving the southern problems would be fully implemented. He added that the OIC does not encourage separatists and strongly condemns violence against civilians. He requested the emergency decree be lifted as it was causing problems for people living in trouble spots.
      Mr Sihasak said the time is not yet right to lift the law, adding that it is in place mainly to protect civilians.

ที่มา   :    Bangkokpost

OIC ร่วมกับ กต.ไทย ร่วมแถลงข่าวการเดินทางเยือนไทยที่ประสบความสำเร็จ ในอันที่จะกระชับความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์ระหว่างกัน



         เอกอัครราชทูตซาเยด คัสเซม เอลมาสรี ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation - OIC) ได้นำคณะผู้แทนระดับสูงของ OIC เดินทางเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๗ - ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕  และการลงพื้นที่เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงของสถานการณ์ในภาคใต้ของไทย  ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยและ  OIC ได้แถลงข่าวร่วมกันเกี่ยวกับการเดินทางเยือนประเทศไทย โดยสรุปว่า
       คณะผู้แทนระดับสูงขององค์การความร่วมมืออิสลามโลก (OIC)  นำโดย Ambassador Sayed Kassem El-Masry

5/17/2555

ยึดทรัพย์” แก๊งยาตัดท่อน้ำเลี้ยงป่วนใต้...ก่อการร้ายเพื่อผลประโยชน์


ยึดทรัพย์” แก๊งยาตัดท่อน้ำเลี้ยงป่วนใต้...ก่อการร้ายเพื่อผลประโยชน์


       
              ทหารแกะรอยแก๊งยาขึ้นบัญชีรายชื่อกว่า 200 คน พบเป็นโครงข่ายเดียวกับขบวนการก่อความไม่สงบ แถมยังมีธุรกิจนอกกฎหมายอื่นทับซ้อน ผลประโยชน์ถึงผู้นำขบวนการที่หลบซ่อนตัวในมาเลเซีย มะแซ อูเซ็ง ปีละไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เล็งใช้กฎหมายฟอกเงินยึดทรัพย์และมาตรการทางภาษี ตัดท่อน้ำเลี้ยง
          สถานการณ์ชายแดนที่ครุกกรุ่นตั้งแต่ปี 2547 ยังคงดำรงอยู่  ซึ่งในมุมมองหนึ่งดูเหมือนว่าการปฏิบัติการจะลดจำนวนลง แต่การโจมตีแต่ละครั้งกลับรุนแรงมากขึ้น  อีกทั้งยังล็อกเป้าหมายโจมตี มุ่งทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมอย่างไม่เลือกทั้งลูกเด็ก เล็กแดง  ไม่เลือกสถานที่ และเวลา  โดยไม่สนใจใยดีต่อหลักมนุษยธรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมเช่นเดียวกับการก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ของกลุ่มตน

5/14/2555

JOINT PRESS RELEASE On the Official Visit of the High-level Delegation of the Organisation of Islamic Cooperation


JOINT PRESS RELEASE
On the Official Visit of the High-level Delegation of the Organisation of Islamic Cooperation (OIC) to Thailand, 7 – 13 May 2012




 A high-level delegation of the Organisation of Islamic Cooperation (OIC) led by H.E. Ambassador Sayed Kassem El-Masry, Adviser and Special Envoy of the OIC Secretary General, paid an official visit to Thailand during 7 – 13 May 2012 at the invitation of His Excellency Dr. Surapong Tovichakchaikul, Minister of Foreign Affairs of Thailand.

 During the visit, the OIC delegation had constructive meetings with key governmental agencies and a wide range of stakeholders. The OIC delegation also visited the Southern Border Provinces of Thailand

OIC เยือนภาคใต้ไทย ชี้ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ย้ำขัดหลักศาสนา






ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC  เยือนภาคใต้ไทย ชี้จุดยืนของโอไอซีไม่มีนโยบายแทรกแซงทางการเมือง  ย้ำไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน และขอประณามการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ที่กระทำต่อประชาชนทุกศาสนิกว่าขัดกับหลักการทางอิสลาม และเห็นว่าการทำลายชีวิตหนึ่งชีวิตเปรียบได้กับการฆ่ามนุษย์ทั้งมวล ขณะที่การใช้กฎหมายความมั่นคงต้องไม่ละเมิดสิทธิ

ในโอกาสที่ นายซาเยด คาสเซม เอล-มาสรี (H.E.Mr.Sayed  Kassem El-Masry) ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC (Organization of Islamic Cooperation) พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ของไทย เมื่อวันพุธที่ 9 พ.ค.2555

5/11/2555

เมื่อเงามืดของผลประโยชน์บังตา บนอคติที่ฝังลึก ความสงบจะกลับคืนภาคใต้ได้อย่างไร


“เมื่อเงามืดของผลประโยชน์บังตา  บนอคติที่ฝังลึก  ความสงบจะกลับคืนภาคใต้ได้อย่างไร”

            ในท่ามกลางการต่อสู้ทั้งด้วยอาวุธและด้านมวลชนของขบวนการ ผกร. ในภาคใต้ของไทยและฝ่ายความมั่นคงที่สร้างความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา  ถึงวันนี้มีประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายขบวนการพยายามหาช่องทางที่จะดิสเครดิตเจ้าหน้าที่รัฐไทยให้เป็นฝ่ายตั้งรับได้อย่างเห็นผล  โดยการยืมมือองค์กรภาคประชาสังคมบางองค์กรในพื้นที่ที่พร้อมขานรับ ด้วยมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากการเสียชีวิตของคน  ซึ่งในส่วนที่ยืนยันได้ว่าเป็นโจรจริงๆ  ก็จะนิ่งเฉย  แต่หากยังยืนยันไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับโจรหรือไม่  หรือเห็นช่องทางที่จะโจมตีการทำงานของรัฐไทยได้  องค์กรเหล่านี้จะไม่รีรอที่จะออกมาเสนอหน้าสร้างผลงานอยู่ร่ำไป 

            ก่อนอื่นขอย้อนเหตุการณ์ให้ฟังซักนิด

5/03/2555

ระเบิดที่ยะลาและหาดใหญ่ : ความท้าทายที่มุสลิมควรหันมองตนเอง

               ที่มา :  ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา
           โดย : อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

             ถึงแม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะยังไม่ทราบผู้ลงมืออย่างชัดเจน แต่หลายหน่วยงาน หลายคนพุ่งเป้าความสงสัยไปที่ผู้ก่อการที่ต้องการสถาปนารัฐปาตานีจากกลุ่มบีอาร์เอ็น (แต่ไม่ควรตัดปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมความมั่นคง) 

         ผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม และมุสลิมเองคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายเหตุการณ์ที่ภาคใต้เกิดจากน้ำมือมุสลิม บางคน บางกลุ่ม โดยเฉพาะขบวนการยาเสพติด (ไม่ใช่มุสลิมส่วนใหญ่ที่รักสันติและเข้าใจหลักศาสนา) ดังนั้นหลักการศาสนากับบุคคลเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องแยกแยะ

5/01/2555

“8 ปีกรือเซะ ปลุกกระแสสร้างสถานการณ์..เพื่อใคร?”





    เหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ ค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบตก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547   เป็นจุดเริ่มต้นของไฟใต้ที่กลับคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง  และนับจากนั้นการต่อสู้ของขบวนการก่อการร้ายนำโดยขบวนการ BRN CO. ก็เริ่มขึ้น  แต่เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อตอกย้ำและปลุกระดมพี่น้องมลายูมุสลิมตลอด 8 ปีที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ

            ในช่วงเช้ามืดของวันที่  28 เม.ย.2547  กลุ่มชายฉกรรจ์ได้เข้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ จ. ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ อำเภอของ จ.สงขลา โดยใช้อาวุธเท่าที่มีจู่โจมเข้าโจมตีหน่วยงานราชการไม่ว่าจะเป็น ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ จุดตรวจ ฐานปฏิบัติการทหาร พร้อม ๆ กันถึง 11 จุด  ส่งผลให้เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเสียฃีวิตและบาดเจ็บ  ขณะที่กลุ่มคนร้ายเสียชีวิตไปถึง 107 คน และจับเป็นได้จำนวนหนึ่ง 

            แต่เหตุการณ์ในช่วงเวลาเดียวกันที่มัสยิดกรือเซะซึ่งเป็นจุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 34 คน  จากการตัดสินใจเข้ากวาดล้างในมัสยิด  เนื่องจากกลุ่มคนร้ายที่อยู่ข้างในใช้อาวุธยิงออกมาจนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ประกอบกับมีประชาชนนับพันมาล้อมเจ้าหน้าที่บริเวณชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง  หากปล่อยให้มืดค่ำตามเวลาอาจทำให้สถานการณ์พลิกผันบานปลายสร้างความเสียหายมากกว่านี้