12/31/2560

เมื่อทหารสร้างรอยยิ้ม NGOs ไทย บอกว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก

"กะ กันดา"

           ตามที่องค์กร HAP, มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน CCF, กลุ่มด้วยใจ (Hearty Support Group) และ สลาตันเนเจอร์ (Selatan Nature) ได้จัดประชุมเครือข่ายปกป้องคุ้มครองเด็กขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 ณ สำนักงานกลุ่มด้วยใจ โดยเนื้อหาการประชุมมีการกล่าวถึงกรณีภาพเจ้าหน้าที่ทหารถืออาวุธไปทำการสอนหนังสือหรือทำกิจกรรมร่วมกับเด็กตาดีกาในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด ซึ่งเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมดังกล่าวได้ชี้นำสังคมให้เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก โดยมีการเตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอสู่สาธารณะ อีกทั้งรายงานไปยังองค์กรต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
          นับเป็นความพยายามขององค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสิทธิส่งท้ายปี และพยายามหยิบยกประเด็นที่มีความอ่อนไหวในเรื่องของความรู้สึกชี้นำสังคมให้เห็นด้วย และคอยจับผิดเจ้าหน้าที่ในการสอนนักเรียนตาดีกาว่าแต่งกายอย่างไร? ในระหว่างสอนถืออาวุธและมีการบังคับเด็กหรือไม่? องค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มมีความย่ามใจหลังจากก่อนหน้านี้เคยเปิดประเด็นการซ้อมทรมานในพื้นที่ จชต. จนถูกหน่วยงานภาครัฐฟ้องร้องดำเนินคดีมาแล้ว ในข้อหาจัดทำรายงานเสนอต่อสาธารณชนอันเป็นเท็จ อีกทั้งนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ แต่มีการถอนฟ้องและสั่งไม่ฟ้องในเวลาต่อมาเนื่องจากทางรัฐต้องการให้กลับตัวมาช่วยแก้ปัญหา


          องค์กรภาคประชาสังคมเหล่านี้รู้หรือไม่ว่าปัญหาความไม่สงบใน จชต. ผู้ก่อเหตุรุนแรงส่วนหนึ่งที่ก่อเหตุร้ายรายวันเป็นใครมาจากไหน? รู้หรือแกล้งไม่รู้ ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงส่วนหนึ่งมาจากจากการบ่มเพาะเด็กและเยาวชนที่ศึกษาอยู่ในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา), สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานศึกษาธิการภาค 8 ในพื้นที่ 3 จชต.และ   จ.สงขลา มีมากกว่า 2,489 แห่ง มีผู้เรียน 408,890 คน ซึ่งในอดีตเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงตาดีกา หรือสถาบันศึกษาปอเนาะเหล่านี้เลย กลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มขบวนการทำการบ่มเพาะเด็กและเยาวชน ปลูกฝังอุดมการณ์ที่ผิดๆ บิดเบือนประวัติศาสตร์ปัตตานี บิดเบือนหลักคำสอนศาสนา อีกทั้งยังใช้สถานศึกษาเหล่านี้ ในการเก็บซุกซ่อนอาวุธปืน เป็นที่หลบซ่อนตัว และใช้เป็นสถานที่ประกอบวัตถุระเบิด


          ตั้งคำถาม!! ไปยังองค์กรภาคประชาสังคม จะป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนซึ่งเปรียบเสมือนผ้าขาวเหล่านี้ ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มขบวนการได้อย่างไร? ในเมื่อเป้าหมายกลุ่มขบวนการต้องการบ่มเพาะ สร้างคนดีให้กลายเป็นคนไม่ดี เราจะนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนธุระไม่ใช่..ได้หรือ? ในเมื่อมีเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ที่ถูกหลอกให้เข้าสู่วังวนความชั่วร้าย ต้องหมดสิ้นอนาคตบางรายถึงต้องตายและมีจำนวนไม่น้อยต้องติดคุก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้กลุ่มขบวนการบ่มเพาะหน่อพันธุ์ที่ไม่ดี มีวิธีเดียวเท่านั้น   คือเจ้าหน้าที่ทหารจะต้องเข้าไปในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา), สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา มีความจำเป็นที่ต้องพบปะบุคลากรครู เจ๊ะกู เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ป้องกันการสร้างความเกลียดชังเพิ่ม ไม่ให้สร้างความแตกแยกในสถานศึกษา อีกทั้งยังให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ตามโอกาสที่เอื้ออำนวย ล่าสุดจะมีการจัดตั้ง“ชมรมตาดีการะดับตำบล” ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมของผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ คณะกรรมการมัสยิด ผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้าน ผู้ปกครองเด็กนักเรียนตาดีกา และผู้ที่มีอุดมการณ์ที่จะสร้างเด็กให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม อีกทั้งยังเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เป็นการเสริมสร้างให้คนในชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขในสังคมที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และมีอุดมการณ์รักชาติร่วมกันพัฒนาชาติไทยสืบไป

          เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นในการพกพาอาวุธไว้เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่ไม่คาดฝันเป็นการเตรียมความพร้อมในทุกโอกาส เอาไว้ปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์  และป้องกันตนเองในขณะเดินทางเพื่อพบปะนักเรียน บุคคลากรครูในสถานศึกษา แต่ไม่ได้ใช้อาวุธในการสอน หากมีภาพเด็กและอาวุธหมายถึงเด็กร้องขอที่จะศึกษา ไม่ต่างจากกิจกรรมวันเด็ก แต่จากการชี้ให้สังคมเกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็กขององค์กรภาคประชาสังคม หากพิจารณาสาเหตุอาจมาจากกลุ่มขบวนการไม่สามารถบ่มเพาะเด็กและเยาวชนอีกต่อไปได้เหมือนดั่งเช่นในอดีตที่ผ่านมา อีกทั้งยังเสียมวลชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าไปปฏิบัติ  ในสถานศึกษาของเจ้าหน้าที่ทหาร จึงใช้ภาคประชาสังคมเคลื่อนไหวกดดันผ่านสื่อและองค์กรต่างๆ
          อยากจะรู้เหมือนกันองค์กรภาคประชาสังคมใดบ้างที่ออกมาสร้างเงื่อนไขและต้องการสิ่งใดกันแน่!! ช่วยตอบเสียงดังๆ ให้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนตาดีกา, สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาได้ยินกันถ้วนหน้าทีว่า แท้จริงแล้วองค์กรภาคประชาสังคมเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ หรือมีหน้าที่สนับสนุนกลุ่มขบวนการในการสร้างความเกลียดชังและใช้ความรุนแรง คอยปกป้องผู้กระทำความผิด ให้พ้นผิด มุ่งส่งเสริมให้มีการบ่มเพาะต้นกล้าที่ไม่ดีในสถานศึกษาไว้เข่นฆ่าประชาชน หลังจากนี้ไปขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันจับตาและสอดส่องกลุ่ม NGOs ทาสขบวนการที่จะเคลื่อนไหวต่อไป   
----------------------



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น