"แบดิง โกตาบารู"
กระแสสื่อโซเชียลระส่ำอีกครั้ง
หลังจามีการแชร์คลิปพร้อมข้อความ “ช่วยกันแชร์ด้วยครับ กระจายให้มากที่สุด
คนไทยจะได้เห็นกับตา ค่ายฝึกของ พลโท ปิยวัฒน์
นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 คนนี้มันโหดร้ายขนาดไหน”
ซึ่งต่อมาพบว่ามีการแชร์คลิปดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง
เมื่อมีการตรวจสอบคลิปที่มีการแชร์ซึ่งมี
2 คลิป โดยคลิปแรก เป็นภาพการทำร้ายทหารด้วยการเฆี่ยนตีและเตะต่อย
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคลิปเก่าที่เคยนำมาแชร์เมื่อ พฤษภาคม 2560 พิจารณาจากสถานที่, เครื่องแต่งกายและภาษา
สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
และคลิปที่ 2 เป็นการรวบรวมภาพการทำร้ายร่างกายทหารที่เกิดขึ้นในอดีตหลายเหตุการณ์ ในห้วงปี 2554 – 2556 ซึ่งทุกเหตุการณ์
กองทัพได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยได้ลงทัณฑ์
ผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทางวินัยทหาร และประมวลกฎหมายอาญาทหาร ทั้งจำขัง พักราชการ
และปลดออก จากราชการแล้วหลายราย และบางรายอยู่ในระหว่างดำเนินคดี
จึงเห็นได้ว่าคลิปที่นำมาเผยแพร่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในช่วงที่ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช ดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4 แต่อย่างใด ซึ่งพลโท ปิยวัฒน์ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ตุลาคม 2559 – ปัจจุบัน ความพยายามของกลุ่มบุคคล หรือองค์กรที่พยายามทำลายความน่าน่าเชื่อถือและทำลายชื่อเสียงของ
พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4
ซึ่งได้ออกนโยบายหลายๆ
เรื่องที่มีประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่และต่อส่วนรวม อาจทำให้บุคคลบางคน
หรือบางกลุ่มเสียประโยชน์หรือเสียมวลชน จึงพยายามทำทุกวิถีทาง เลยคิดแผนชั่วทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงแม่ทัพภาคที่
4 ขึ้นมา
นอกจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีต้องการทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงแม่ทัพภาคที่
4 แล้ว จุดมุ่งหมาย อีกประการหนึ่งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพอีกด้วย
ซึ่งจากผลการกระทำดังกล่าวอาจทำให้พี่น้องประชาชนเสื่อมศรัทธา
เอนเอียงสนับสนุนกลุ่มขบวนการเป็นการแย่งชิงมวลชนกลับคืน ส่วนการขุดขุ้ยเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตขึ้นมาเพื่อเป็นการตอกย้ำ
และต้องการชี้ให้เห็นว่าค่ายฝึกของทหารมีความโหดร้าย ซึ่งภาพการทำร้ายร่างกายทหารที่เกิดขึ้นในอดีตหลายเหตุการณ์ ในห้วงปี 2554 – 2556 ซึ่งทุกเหตุการณ์
กองทัพได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยได้ลงทัณฑ์
ผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทางวินัยทหาร และประมวลกฎหมายอาญาทหาร ทั้งจำขัง พักราชการ
และปลดออก จากราชการแล้วหลายราย และบางรายอยู่ในระหว่างดำเนินคดี
ขอให้ผู้ที่บริโภคข่าวสารในสื่อโซเชียลมีเดียใช้ดุลยพินิจข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการ
หรือกลุ่มบุคคลใดก็แล้วแล้วแต่ที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
ต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นผลร้ายทั้งสิ้น “คิดก่อนแชร์
หากแชร์ไม่คิดมีสิทธิ์ติดคุก” มีโทษตามกฎหมายเข้าข่ายความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
-------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น