จากเหตุการณ์สลด
คนร้ายไม่ทราบจำนวน ยิงใส่จุดตรวจ ชรบ.
ม.5 ต.ลำพะยา และจุดตรวจ อส.ชุด ชคต. บ้านทุ่งสะเดา ม.5 ต.ลำพะยา
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 15 ราย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย เมื่อ 5
พ.ย.2562 เวลา 22.15 น. น่าเชื่อว่า
เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จชต.
หลายฝ่ายประณามเหตุรุนแรงครั้งนี้ และกดดันกลุ่มการเมือง
ภาคประชาสังคมให้ออกมาแสดงจุดยืนหรือร่วมประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
จนปรากฏการออกมาแถลงการณ์ดังนี้
คุณอังคณา นีละไพจิตร
อดีตนักสิทธิมนุษยชน
เหตุการณ์ยิงชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)ทำให้มีผู้เสียชีวิต15
ศพและบาดเจ็บอีก 4 คน ที่ลำพะยาเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อคนทั่วประเทศ
ชรบ. อรบ. และ อส. ถือเป็นกองกำลังติดอาวุธฝ่ายพลเรือน
ที่จัดตั้งโดยกระทรวงมหาดไทย โดยคาดหวังให้ประชาชนปกป้องตัวเอง
ทำหน้าที่คุ้มครองหมู่บ้าน
รวมถึงเป็นกำลังเสริมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ
ต้องยอมรับว่ากองกำลังพลเรือนเหล่านี้เป็นอาสาสมัคร
ได้รับการฝึกฝนน้อยทั้งเรื่องการใช้อาวุธ
และขาดอุปกรณ์ต่างๆในการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ทุกฝ่ายคงต้องถามตัวเองว่า
#นอกจากการออกมาประณามผู้ก่อเหตุ และสร้าง #FakeNews #เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อนักปกป้องสิทธิการสร้าง #IOเพื่อสร้างความเกลียดชังนักสิทธิมนุษยชน
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการโยนความผิดให้คนทำงานสิทธิ ทั้งที่ #รัฐเองมีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิในชีวิตของบุคคลทุกคน (รัฐดูแลประชาชนทั้งประเทศ คุณอังคณา ดูแลใคร )
กลุ่มนักศึกษา PerMAS ขอเรียกร้องให้การเมืองนำการทหารและทบทวนการติดอาวุธให้พลเรือน
ตลอดระยะเวลา 15ปี ตราบใดที่แนวนโยบายเป็นไปตามแนวคิดความมั่นคง
การทหารนำการเมืองนั้นไม่สามารถแสวงหาทางออกของความขัดแย้งได้
ทั้งยังปิดกั้นการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
และจำเป็นที่รัฐไทยต้องทบทวนแนวนโยบายและเปิดพื้นที่ทางการเมืองโดยคำนึงถึงการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน
ในการนี้ทาง PerMAS จึงขอเสนอข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.รัฐไทยต้องทบทวนการติดอาวุธให้พลเรือน
การพยายามดึงพลเรือนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาวุธ
และขอให้คู่ขัดแย้งหลักคำนึงถึงหลักกฎหมายมนุษยธรรมสากล (International
Humanitarian Law)
2.ให้รัฐไทยและคู่ขัดแย้งหลักทบทวนปฏิบัติการที่อาจเป็นเงื่อนไขขยายเวลาการทำสงคราม
และให้กลับสู่การแสวงหาทางออกของความขัดแย้งด้วยวิธีการทางการเมือง
เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและเพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองอย่างเสรี
3.ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆร่วมกันผลักดันให้เกิดการเจรจาเป็นวาระแห่งชาติ
ที่อยู่บนหลักการสากลและเคารพเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง
(นักศึกษากลุ่มนี้ พยายามจะแบ่งแยกดินแดนไทยตลอดเวลาโดยใช้คำว่า รัฐไทย ที่จริงควรจะเรียกว่าประเทศไทย )
วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุจงใจทำลายกระบวนการสันติสุข
ซึ่งรัฐบาลเองต้องเดินหน้าต่อไปเรื่องการเจรจาสันติภาพและความสงบให้เกิดขึ้น แต่ ยืนยันว่ากฎหมายความมั่นคง เช่น
กฎอัยการศึกหรือ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควร ได้รับการทบทวนพิจารณาค่อยๆ
ยกเลิกออกไปอย่างมีขั้นตอน และกำลังที่เสริมก็ควรเป็นกำลังในพื้นที่
(ขึ้นต้นดูดีลงท้ายก็ให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงซึ่งกฎหมาย 3 ฉบับนี้มีไว้ปราบโจร
ไม่ใช่หรือ)
นี่เป็นคำแถลงการณ์
ของคนที่อยู่คนละบ้าน
แต่มุ้งเดียวกัน
อยู่กันคนละที่ ทำหน้าที่คนละอย่าง แต่คำพูดที่ออกสื่อ เหมือนกันยังกับแพะชนแกะ
เหมือนเป็นพวกเดียวกัน
พยายามยกสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดูเป็นสงครามทั้งๆ
ที่เป็นแค่เหตุรุนแรงและกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่ การกล่าวอ้าง
กำลังประชาชนที่เป็นจิตอาสา รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านให้กลายเป็นกองกำลังติดอาวุธ
พยายามเชื่อมโยงกฎหมายมนุษยธรรมสากล (IHL)เข้าใช้ในพื้นที่
จชต.และจะขอยกเลิกกฎหมายความมั่งคง เพื่อให้โจรใต้ก่อเหตุสะดวกโยธิน อยากจะบอกว่า แผ่นนี้ดินเป็นของประชาชนคนไทย
จะมาแบ่งแยกไม่ได้
ประชาชนทั้งประเทศไม่มีวันยอม
คนไทยพุทธ ไทยมุสลิม ในพื้นที่ ส่วนใหญ่ ประกาศไปแล้วว่า ไม่ต้องการยกเลิกกฎหมายความมั่นคงและต้องการให้คงกำลังทหารไว้
เพื่อดูแลพื้นที่ให้ความอบอุ่น ปลอดภัยกับพี่น้องต่อไป จำไว้นะทั้ง ๓ กลุ่ม
ที่อยู่มุ้งเดียว
*******************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น