7/04/2555

ปอเนาะ “เบ้าหลอมแห่งอิสลาม”



              ยุทธศาสตร์การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนตามแผนบันได 7 ขั้นขององค์กรนำในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมความเชื่อได้อย่างสุดประมาณ และจะหยั่งรากฝังลึกต่อไปในพื้นที่นี้อีกอย่างยาวนานแม้ว่าวันหนึ่งการต่อสู้ด้วยอาวุธจะหมดไปก็ตาม นั้นคือ ยุทธศาสตร์การสร้างแนวร่วมเพื่อใช้เป็นมวลชนสนับสนุน โดยใช้ความแตกต่างทางอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์และศาสนามาบิดเบือน ซึ่งส่งผลให้เกิดการแตกแยกแบ่งฝ่ายระหว่างประชาชนทั้งสองศาสนาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่าการบิดเบือนทั้งมวลมุ่งหวังจุดประกายให้สถานการณ์ลุกลามจนนำไปสู่การเข้ามาแทรกแซงขององค์กรระหว่างประเทศแล้วเข้าสู่กระบวนการแบ่งแยกดินแดนต่อไป 

             ในช่วงที่ผ่านมาการแสวงหาแนวร่วมของผู้ก่อเหตุรุนแรงมักมุ่งเป้าหมายไปที่เยาวชนทั้งในนอกและในสถานศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามหรือ “ปอเนาะ” ซึ่งจากข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายความมั่นคงได้จากกระบวนการด้านการข่าว ยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือแนวร่วมในระดับปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นเยาวชนในสถานศึกษา โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้อาศัยช่องว่างทางการศึกษา แอบแฝงเข้าไปในสถานศึกษาดังกล่าวในภาพของครูสอนศาสนาอิสลาม (อุสตาซ) ใช้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเป็นสถานที่ดำเนินการปลุกระดมบ่ม
เพาะด้วยการนำประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลามมาบิดเบือน เพื่อให้เกิดความคิดความเชื่อที่แตกต่าง จนนำไปสู่การเลือกข้างและเยาวชนส่วนหนึ่งจะถูกคัดเลือกเข้ารับการฝึกเป็นกองกำลัง RKK เพื่อใช้ในการก่อเหตุรุนแรง โดยการปฏิบัติข้างต้นอยู่ภายใต้การให้การสนับสนุนของผู้บริหารสถานศึกษาบางรายทั้งที่เต็มใจและถูกกดดัน ข่มขู่ให้จำยอม ซึ่งที่ผ่านมาจากการเข้าปิดล้อมตรวจค้นของฝ่ายความมั่นคงในโรงเรียนหลายแห่ง ก็สามารถตรวจพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุรุนแรง อาทิ อาวุธปืน ระเบิดหรืออุปกรณ์ประกอบ ซึ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดคือ การเข้าปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนอิสลามบูรพาเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ที่สามารถตรวจยึดหลักฐานสำคัญได้จำนวนมากจนนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงและการระงับใบอนุญาติโรงเรียนในที่สุด 

           นี่คือ.....ความจริงที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย 

ล่าสุดจากการเข้าปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่ง ที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ของเจ้าหน้าที่ ก็สามารถตรวจยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงและพบปุ๋ยยุเรีย สารประกอบระเบิดในเสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ตลอดจนพบสารทางพันธุกรรม (DNA) ที่ตรงกับ DNA ของคนร้ายที่พบในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เชิญตัวอุซตาสอีก 7 คนมาซักถามเพื่อหาความเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงอีกด้วย 

            แต่ไม่ว่าผลการตรวจสอบหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงผลเสียในการที่ผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าวยอมให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้เป็นปลกุระดมบ่มเพาะและเก็บซ่อนอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุรุนแรง ความเชื่อถือของพ่อแม่ผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาในโรงเรียนนั้นๆ ก็จะลดน้อยลง เพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกตนเองต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงแน่นอน ชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาที่สร้างสมมาอย่างยาวนานก็จะพลอยหม่นหมองไปด้วย 

            สำหรับโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่งที่ได้ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ ทราบว่าหลังจากนี้ฝ่ายความมั่นคงจะมีการจัดทำประวัติของครูและอุซตาสทุกคนเพื่อควบคุมการดำเนินงานและการเรียนการสอนของโรงเรียนอย่างเข้มข้น รวมทั้งการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับยาเสพติดที่เป็นปัญหาของสถานศึกษาส่วนมาก โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าดำเนินการกับโรงเรียนแห่งนี้ในลักษณะโครงการนำร่อง 

             การดำเนินการทั้งหมดนี้อาจมองว่าสร้างความยุ่งยากและส่งผลด้านชื่อเสียงให้กับสถานศึกษาอยู่พอสมควร แต่หากมองอย่างเป็นเหตุเป็นผลแล้ว มาตรการนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล 

            ในยุคเริ่มต้นของปอเนาะ เจ้าของปอเนาะหรือบาบอทุกท่าน ต่างเริ่มต้นสร้างโรงเรียนปอเนาะมาด้วยจิตอันเป็นกุศล ต้องการสั่งสอนความรู้ทางศาสนาที่ถูกต้องให้กับลูกหลานตามวิถีอันดีงามของมุสลิม แต่ความตั้งใจเริ่มแรกที่ดีกลับต้องมาถูกทำลายลงด้วยบุคคลบางคนบางกลุ่มที่ไม่มีความหวังดีต่อบ้านเมือง และทำลายได้แม้กระทั่งคำสอนอันดีงามของศาสนาอิสลามเพียงเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น 

             สถาบันการศึกษาควรเป็นสถานที่สั่งสอนให้เยาวชนมีความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เผยแผ่หลักธรรมคำสอนของศาสนายิ่งต้องตระหนักถึงการให้ความรู้ด้านศาสนาที่ถูกต้อง การปล่อยปะละเลยให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้สถานที่เป็นเสมือนเบ้าหลอมให้เยาวชนเป็นคนดีของสังคม ทั้งที่ตั้งใจ ไม่ตั้งใจหรือโดนข่มขู่บังคับจึงเป็นเหมือนการส่งเสริมให้ผู้ก่อเหตุรนแรงทำลายอิสลามให้มัวหมอง ทำลายเยาวชนซึ่งเปรียบเสมือนผ้าขาวที่จะเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของชาติ ดังนั้นการตระหนักถึงบทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารสถานศึกษาทุกท่านจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์อันดีงามของอิสลามให้คงอยู่ สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม และยังช่วยให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับดีขึ้นในอีกไม่นาน 

ซอเก๊าะ นิรนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น