การไล่ล่าโจรใต้ที่อหังการใช้กำลังกว่า
50 คนเข้าโจมตีฐานทหารนาวิกโยธินที่บ้านยือลอ อำเภอบาเจาะ
จังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 13 ก.พ.56
ที่ผ่านมาซึ่งผลการตอบโต้ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำให้คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน
16 คนจนถึงขณะนี้นั้นฝ่ายความมั่นคงยังคงพยายามไล่ติดตามส่วนที่เหลือที่กำลังหลบหนีอย่างไม่ลดละ และคาดว่าจะมีส่วนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ฝ่ายขบวนการก็โปรยใบปลิวทั่วพื้นที่ว่าจะตอบโต้เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้ที่เสียชีวิต ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาว่าฝ่ายความมั่นคงจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ
ความเดือดร้อนจากการแก้แค้นที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้คงหนีไม่พ้นพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีกเช่นเคย
และในขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้
ปฏิบัติการจองเวรแบบไม่เลือกหน้าไม่เว้นแม้แต่เด็กและสตรีของบรรดานักรบขี้ยาฟาตอนีก็เริ่มขึ้นแล้วที่ปัตตานีตั้งแต่คืนวันที่
16 ต่อเนื่องถึงวันที่ 17 ก.พ.56 ในลักษณะระเบิดและวางเพลิงป่วนเมืองจนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บไปหลายราย
ย้อนกลับไปดูเหตุโจมตีฐานทหารของกลุ่ม
RKK แบบพิจารณารายละเอียดกันซักนิดจะพบว่าความสูญเสียของฝ่ายขบวนการในครั้งนี้นั้นเพราะเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสข่าวสารจากประชาชนในพื้นที่แจ้งเตือนถึงการปฏิบัติการครั้งใหญ่ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่มีเวลาวางแผนเตรียมการตอบโต้เป็นอย่างดี
ประเด็นหลักที่ฟันธงได้คือความเบื่อหน่ายกับการก่อเหตุร้ายแบบไร้ทิศทางของขบวนการที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในทุกด้าน
และที่ประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมรับไม่ได้คือการสังหารครูชลธี เจริญชล
ครูมุสลิมที่เป็นที่รักของเด็กนักเรียน
ผู้ปกครองและชาวบ้าน
ซึ่งเป็นที่รู้กันในพื้นที่ว่ากลุ่มคนร้ายที่สังหารครูนั้นคือกลุ่มของนาย มะรอโซ
จันทรวดี แกนนำในพื้นที่ซึ่งมีหมายจับยาวเหยียด
นี่อาจเป็นชนวนเหตุประการหนึ่งที่นำไปสู่การให้ข่าวสารกับเจ้าหน้าที่จนนายมะรอโซ
ฯ ถูกวิสามัญพร้อมกับพวกในครั้งนี้
อีกประเด็นที่น่าจะตอบข้อสงสัยและความเข้าใจที่อาจจะคลาดเคลื่อนของชาวบ้านได้คือ
กลุ่มชายฉกรรณ์ที่แต่งชุดลายพรางหรือแต่งชุดดำแบบทหารพราน แล้วออกก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนด้วยการวางระเบิดตรงโน่น ยิงชาวบ้านตรงนี้แล้วหายเข้ากลีบเมฆพร้อมโยนความผิดให้กับฝ่ายความมั่นคงนั้นเป็นใครกันแน่ ที่เลวร้ายโดดเด่นที่สุดและไม่เหมือนกลุ่มก่อการร้ายใดๆ
ในโลกนี้คือ
กลุ่มขบวนการในประเทศไทยไม่เคยออกมาประกาศความรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ
เหมือนในต่างประเทศ
นั่นยิ่งสร้างความสับสนให้ประชาชนอีกยกใหญ่
แต่วันนี้ปรากฏชัดว่ากลุ่ม
RKK ที่เข้าปฏิบัติการและเสียชีวิตในคืนวันนั้น
แต่งกายด้วยเครื่องแบบเหมือนเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยเสื้อเกราะและอาวุธครบมือ และจากผลการตรวจพิสูจน์ทั้งอาวุธและเสื้อเกราะก็ล้วนเป็นยุทโธปกรณ์ที่แย่งยึดไปจากเจ้าหน้าที่
รวมทั้งเคยใช้ในการก่อเหตุสังหารทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ในหลายกรรมหลายวาระ
ซึ่งคงเป็นข้อยืนยันได้ว่าหลายเหตุการณ์ที่ขบวนการใช้วิธีป้ายสีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
แท้จริงแล้วก็เป็นฝ่ายขบวนการนั้นเอง
ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นที่รู้กันของคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ว่าอะไรเป็นอะไร
คงมีเพียงแกนนำแนวร่วมในพื้นที่เท่านั้นที่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง
ข่มขู่ชาวบ้านไปแบบข้างๆ คูๆ แต่กลับได้ผลอย่างน่าประหลาด
การอาละวาดฟาดหัวฟาดหางของขบวนการด้วยการก่อเหตุต่างๆ
นาๆ จนทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกวันในขณะนี้นั้น
จึงไม่ส่งผลดีต่อขบวนการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด และรังแต่จะทำให้สถานการณ์ด้านมวลชนของฝ่ายขบวนการเลวร้ายลง เพราะผู้ที่รับกรรมนอกเหนือจากประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธแล้วอีกส่วนมิใช่ใครที่ไหนก็เป็นพี่น้องมุสลิมที่ฝ่ายขบวนการบอกว่าจะปกป้องนั่นเอง
แต่ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเกิดผลดีหรือไม่ดีต่อฝ่ายไหนอย่างไร ผลที่เกิดขึ้นแล้วคือการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะทุกคนล้วนเป็นคนไทย
และในวันที่เรากำลังต้องการความรักความสามัคคีเพื่อช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น การใช้โอกาสในการพูดคุยจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีเพื่อลดการสูญเสียย่อมมีประโยชน์เกื้อกูลในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงของประเทศมากกว่าการหยิบอาวุธมาเผชิญหน้ากันมิใช่หรือ
ซอเก๊าะ นิรนาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น