1/24/2557

ถอดสลัก PerMAS กับการกำหนดใจตนเอง ผิดหลักการ ฝันที่เป็นไปไม่ได้



การขับเคลื่อนให้เกิดกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ความขัดแย้งเช่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในหลายมิติในปัจจุบัน รวมถึงความพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองของปีกสนับสนุนทางการเมืองอย่างกลุ่ม PerMAS ที่ชี้นำชักจูงให้ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมให้เชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้    โดยกล่าวอ้างขั้นตอน “การกำหนดใจตนเอง” ผ่านการเสวนาสาธารณะ  โดยใช้เหตุความเป็นชาติพันธ์ ศาสนาที่แตกต่าง เพื่อเชื้อเชิญหรือนำไปสู่การเข้ามาแทรกแซงภายในขององค์กรระหว่างประเทศ ถึงวันนี้แม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและนอกประเทศ แต่ผลของกลุ่มคนที่พยายามชักศึกเข้าบ้านเหล่านี้ ถึงวันนี้ไม่เพียงแต่จะหริบหรี่มิหน่ำซ้ำยังมีวี่แววว่าจะดับลง  เพราะในความเป็นจริงนอกจากไม่สามารถทำได้แล้ว ยังถูกบิดเบือนและผิดวิถีข้อตกลงระหว่างประเทศขององค์กรระดับโลกอย่างสหประชาชาติอย่างชัดเจน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น “ที่นี่มีคำตอบ”

ความพยายามจัดการเสวนา 200 เวทีอย่างที่ทุกท่านทราบโดยการสนับสนุนเงินทุนจากต่างประเทศนั้น  โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว กลุ่มคนเหล่านั้นทราบดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในการกำหนดใจตนเองตามมติสหประชาชาติซึ่งจะกล่าวต่อไป แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่สร้างความอยู่ดีกินดีให้มวลสมาชิกที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชนฟาตอนีกำลังทำให้เขาและเธอเหล่านั้นใช้โอกาสในการระดมเงินทุนมหาศาลเพื่อตนเองและพวกพ้องอย่างที่เราเห็นว่า สมาชิกของกลุ่ม PerMAS ทุกคนมีชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย โดยใช้ความทุกข์ยากของพี่น้องเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนต่อรอง
ผมมีโอกาสได้ศึกษาผลงานวิจัยของท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง  ซึ่งได้ทำผลงานวิจัยเกี่ยวกับมูลเหตุของการเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่ จชต. และความพยายามของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงทั้งในส่วนของกองกำลังติดอาวุธและปีกสนับสนุนด้านการเมืองซึ่งในวันนี้ใช้ชื่อว่า PerMAS  ซึ่งได้กล่าวถึงภาพรวมของความพยายามนำเหตุร้าย (ที่พวกเขาก่อขึ้นเอง) มาเป็นปัจจัยชักจูงให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงเพื่อนำไปสู่การใช้กลไกของการกำหนดใจตนเองที่สหประชาชาติได้บัญญัติเป็นกฎหมายระหว่างประเทศให้กับประเทศที่เป็นภาคีต้องปฏิบัติ

สิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเอง (right to self-determination)

อาจฟังไม่คุ้นเคยสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษามาก่อน  แต่เป็นประเด็นหลักที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงโดยเฉพาะกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองสนับสนุนการก่อเหตุซึ่งในที่นี้คือกลุ่ม PerMAS  นำมาใช้สร้างกระแสบิดเบือนด้วยคาดหวังว่าจะใช้กลไกกฎหมายระหว่างประเทศเข้ามาขับเคลื่อน แต่สิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเอง

ตามที่บัญญัติไว้ในกฏหมายระหว่างประเทศ  โดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ได้เคยมีคำพิพากษาให้สิทธิประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งเช่น ติมอร์ตะวันออกสามารถกำหนดเจตจำนงตนเองได้ แต่ก็เป็นกรณีที่แตกต่างไปจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสิ้นเชิง เนื่องจากติมอร์ตะวันออกเป็นดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสที่ถูกครอบครองโดยอินโดนีเซีย ดังนั้นจึงมีสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศที่จะเลือกว่าจะเป็นดินแดนปกครองตนเองภายใต้อินโดนีเซียต่อไป หรือจะแยกตัวเป็นรัฐเอกราช แต่ในขณะที่พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นดินแดนภายใต้อธิปไตยของไทยตั้งแต่ในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ประชาชนในพื้นที่จึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกกำหนดเจตจำนงของตนเองเพื่อแยกออกเป็นรัฐอิสระและประชาคมระหว่างประเทศก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงอธิปไตยของไทยได้ 

นอกจากนั้น ไทยยังได้ทำถ้อยแถลงตีความในกฏหมายสิทธิมนุษยชนทุกฉบับที่ไทยได้เป็นภาคีไว้แล้วว่า สิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเองนั้นไม่ให้ตีความอนุญาตหรือสนับสนุนการกระทำใดๆ ที่จะเป็นการแบ่งแยกหรือทำลายบูรณภาพแห่งดินแดน หรือเอกภาพทางการเมืองของรัฐเอกราชอธิปไตย ทั้งนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงแต่บางส่วน จึงเป็นการเน้นย้ำให้เห็นชัดเจนว่าการแยกดินแดนตามยุทธศาสตร์ฝ่ายก่อความไม่สงบดังกล่าวไม่สามารถที่จะกระทำได้ตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศในปัจจุบัน

น่าคิดว่า...แล้วคนกลุ่มนี้กำลังทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดหลักการและเป็นไปไม่ได้  ผลประโยชน์หรืออุดมการณ์ ผมว่าผู้อ่านน่าจะคาดเดาได้ครับ

เงื่อนไขชาติพันธ์และศาสนา

ท่านผู้วิจัยได้หยิบยกเหตุผลถึงการใช้กรณีชาติพันธ์และศาสนามานำเสนอได้อย่างน่าฟังว่า ด้วยเงื่อนไขความไม่คำนึงถึงผลกระทบของความแตกต่างที่จะตามมาของเจ้าอาณานิคมที่เคยปกครองดินแดนต่างๆ ทำให้เกิดปัญหากับประชาชนในพื้นที่มากมาย แต่สำหรับพื้นที่ภาคใต้ของไทยมีความพยายามโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทั้งสองฝ่ายคือทหารและการเมือง ที่จะหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขสำคัญโดยอ้างถึงอัตลักษณ์ความแตกต่าง ซ้ำร้ายยังใช้การข่มขู่เข่นฆ่าเพื่อให้ผู้ศรัทธาต่างศาสนาซึ่งในที่นี้คือประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธให้ออกจากพื้นที่

ไม่มีตัวตน ไม่ประกาศความรับผิดชอบ

อีกประการที่แตกต่างกับกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกโดยสิ้นเชิงคือ การก่อการร้ายโดยทั่วไปมักมีวัตถุประสงค์ที่ประจักษ์ชัด และการประกาศความรับผิดชอบว่าเป็นผู้กระทำ เพื่อสื่อให้คู่ขัดแย้งและประชาคมโลกได้รับรู้ว่าเขาเหล่านั้นต้องการอย่างไร แต่สำหรับพื้นที่ภาคใต้ของไทย ยังไม่เคยมีองค์กรใดๆ ประกาศความรับผิดชอบ ยิ่งกว่านั้นยังโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐว่าเป็นผู้กระทำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ของคู่ขัดแย้งต่อรัฐ ความต้องการแยกตัวเป็นเอกราชจึงไม่ได้รับความชอบธรรมโดยหลักการ เช่นความขัดแย้งในภูมิภาคอื่นๆ ที่พื้นที่เหล่านี้มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนอย่างเปิดเผยเป็นระยะเวลานานและมีความรุนแรงกว่าในขณะที่ปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ปรากฏแม้แต่กลุ่มผู้นำที่รับผิดชอบในการเรียกร้องแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระอย่างเปิดเผย
เป็นอีกมุมมองของผู้วิจัยที่มีความชัดเจน นำเสนอด้วยเหตุและผลที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่จริง

ก่อเหตุหวังผลการทางการเมืองในอนาคต

เรื่องน่าเศร้าอีกประเด็นคือ การก่อเหตุร้ายจนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมายทุกวันนี้ เกิดขึ้นเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของบรรดาแกนนำและแนวร่วม ซึ่งพิจารณาอย่างไรก็ผิดหลักการ การแอบอ้างอุดมการณ์ ใช้หลักศาสนาและความแตกต่างทางอัตลักษณ์มาเป็นเงื่อนไข เพื่อใช้ประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ ขณะที่ตนเองและพวกพ้องเสวยสุขอย่างหน้าชื่นตาบาน ทำเหมือนกับว่าประชาชนโง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำอยู่

ในบทสรุปของงานวิจัยได้กล่าวถึงความเป็นไปไม่ได้ทั้งมวลของการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งไม่สามารถนำมากล่าวได้ทั้งหมดด้วยพื้นที่ที่มีน้อยนิด แต่ผมอยากสะท้อนให้สังคมเห็นถึงการนำเสนอบนหลักการอย่างเป็นขั้นตอนของท่านผู้วิจัยว่ามีเหตุผลสนับสนุนที่สอดคล้อง อย่างน้อยผมอยากให้ทุกท่านลองศึกษาดูเพื่อให้รู้เท่าทันกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ เพื่อจะได้ทราบว่าเกมส์ที่เขาเหล่านั้นกำลังเล่นโดยใช้ประชาชนเป็นตัวประกันสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร.... เดาได้ไม่ยากครับ

          ซอเก๊าะ  นิรนาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น