‘อิมรอน’
การจัดการศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
จะมีสถานศึกษาอยู่ 3 ระดับด้วยกัน คือ โรงเรียนตาดีกา
หรือศูนย์อบรมจริยธรรมในมัสยิด มีจำนวน 2,230 แห่ง ดูแลเด็กช่วงอายุ
4-12 ปี, สถาบันปอเนาะ จำนวน 427 แห่ง
จะมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้านศาสนา เพื่อให้จบมาเป็นบุคลากรทางศาสนาในพื้นที่
และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จำนวน 360 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ยกระดับมาจากสถาบันปอเนาะ
สอนสายสามัญเหมือนโรงเรียนปกติของรัฐ แต่จะมีการสอนศาสนาควบคู่กันไปด้วย
นายขดดะรี บินเซ็น
ประธานสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ
"ทีมข่าวอิศรา" จวกรัฐบาลว่ามองโรงเรียนสอนศาสนาในแง่ลบมาตลอด
ทำไมเมื่อเกิดเหตุความไม่สงบทีไรมักจะโยนผิดให้กับโรงเรียนเหล่านี้ทุกที แต่เวลามีนักการเมืองคอรัปชั่น
ทำไม? ไม่โทษสถาบันที่พวกเขาเคยเรียนบ้าง
นายขดดะรีฯ ยังชี้ต่ออีกว่าเหตุการณ์แต่ละเหตุที่เกิดขึ้นมีประเด็นคำถามซ้อนกันอยู่
2 ประเด็น ซึ่งเป็นเงื่อนแง่ย้อนแย้งกัน
และต่างฝ่ายต่างนำมาปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารตอบโต้ซึ่งกันและกัน คือ
1.ทำไมฝ่ายรัฐจึงต้องเข้าไปกระทำความรุนแรงในสถานบันปอเนาะ
หรือสถาบันการศึกษาที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีอิสลามและวิธีคนมลายูมุสลิม
2.เหตุใดสถาบันการศึกษาเหล่านี้บางแห่งจึงยังถูกใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัว
ซ่อนอาวุธ หรือแม้แต่บ่มเพาะแนวคิดต่อต้านรัฐโดยใช้ความรุนแรง
ทั้งสองประเด็นเป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ
และจะต้องหาทางออกร่วมกันของทุกฝ่าย ซึ่งการที่นายขดดะรี บินเซ็น
ประธานสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาเคลื่อนไหวปกป้องถือได้ว่ามีความกล้าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถ้าจะให้ดีไปกว่านี้ในฐานะประธานสมาพันธ์ฯ
จะต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแลโรงเรียนสมาชิกในสังกัดไม่ให้โรงเรียนเหล่านั้นใช้สถาบันที่เด็กเคารพบูชาเป็นแหล่งบ่มเพาะของกลุ่มขบวนการ
เพื่อให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย
ที่สำคัญหน่วยงานภาครัฐพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ก่อนที่จะให้คนอื่นยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
ถามตัวเองก่อนว่ากล้าพอเปิดประตูโรงเรียนเผยความบริสุทธิ์ใจ
ไม่ใช่ปิดบังซ่อนเร้นเป็นแดนลึกลับสนธยาเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมาหรือไม่?
“โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
ซึ่งมีสมาชิกมากถึง 300 กว่าโรง มีสถานศึกษาบางแห่งในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเป็นแหล่งพักพิงบ่มเพาะกลุ่มก่อความไม่สงบจริง
แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น” นี่คำกล่าวที่
“นายขดดะรี บินเซ็น” ยอมรับว่ามีอยู่จริง
และการยอมรับดังกล่าวข้างต้นคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ไม่ต้องมานั่งถกเถียงกันให้เสียเวลาต่อไปอีกแล้ว
ในเมื่อประธานสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้การันตียืนยันว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการจริง
นายขดดะรี บินเซ็น
ได้กล่าวถึง "เรื่องผู้ก่อการร้าย อย่าพูดลอยๆ ว่าอยู่กับโรงเรียนเอกชน
ขอให้นำข้อมูลมาให้พวกผม แล้วผมจะไปเอาตัวมาส่งให้ ไม่ต้องเอากำลังมาปิดล้อม
หรือบุกเข้ามา จนทำให้เด็กๆ ตกใจ บางคนแค้นใจ
เพราะไปบุกรุกสถานที่ที่เขาเคารพบูชา"
เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างรอยด่างให้กับสถาบันสอนศาสนาของท่านหรอกครับ
ถามจริงๆ เถอะว่าการที่กลุ่มขบวนการใช้สถาบันปอเนาะ
และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเป็นแหล่งบ่มเพาะ
ใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนตัวซุกซ่อนอาวุธ
อีกทั้งบางแห่งใช้เป็นแหล่งในการผลิตวัตถุระเบิดท่านไม่มีข้อมูลรายละเอียดเลยหรือ!!
ตัวอย่างสถาบันปอเนาะที่ถูกสั่งปิดเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถาบันการศึกษาเอกชนสอนศาสนา
เนื่องจากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบอุปกรณ์ผลิตวัตถุระเบิด
และใช้สถาบันปอเนาะเป็นที่พักพิง มีการซ่องสุมกำลังของผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน
2
โรงด้วยกัน คือ โรงเรียนญิฮาดวิทยา หรือปอเนาะญิฮาด อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
และปอเนาะสะปอม หรือโรงเรียนอิสลามบูรพาอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ในเวลาต่อมา ปปง.
มีมติให้ยึดทรัพย์โรงเรียนอิสลามบูรพาชั่วคราว เนื่องจากมีการใช้สถานที่ของโรงเรียนเป็นสถานที่สนับสนุนการก่อการร้าย
อีกทั้งอายัดทรัพย์สินที่ดินโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยา อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 14 ไร่ มูลค่ากว่า 600,000 บาท
ภายหลังตรวจสอบพบว่ามีการใช้สถานที่แห่งนี้สนับสนุนการก่อความไม่สงบของกลุ่มผู้ก่อการร้าย
โดยใช้เป็นสถานที่ปลูกฝังแนวคิด ฝึกวิชาทหารและอาวุธ
เพื่อเป็นกองกำลังของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จึงถือเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน ตาม
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
9 มกราคม 2558
เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง บริเวณโรงเรียนยุวอิสลาม
บ้านน้ำใส ตำบลลุโบะยิไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ความนุ่มนวลเลี่ยงการใช้ความรุนแรง
มีการเกลี้ยกล่อมโดยเจ้าหน้าที่เอง ผู้นำศาสนาในพื้นที่ และบาบอเจ้าของโรงเรียน เวลาผ่านไป
9 ชั่วโมง มีผู้ออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 3 คน
แต่ที่เหลือภายในบ้านกลับประกาศกร้าวจะต่อสู้ไม่ยอมมอบตัว
พร้อมได้ขว้างลูกระเบิดและยิงใส่เจ้าหน้าที่
ในวินาทีต่อมาจึงเกิดการปะทะกันขึ้นทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่อยากจะทำ
หลังสิ้นเสียงปืนเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตจำนวน
3 ราย คือนายมะรูดิน ตาเฮ ผกร. ระดับหัวหน้า Kompi มีหมายจับ
ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย, นายปาตะ ลาเต๊ะ
ผกร.ระดับปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 3 หมาย และนายมาหะมะซาบรี ดอเล๊าะ ผกร. ระดับปฏิบัติการ เพื่อนของนายบัดรุดีน แจ๊ะแว
ลูกชายของบาบอโรงเรียนปอเนาะยุวอิสลามวิทยามูลนิธิ แต่ยังมีผู้ก่อเหตุรุนแรงอีก 2
ราย ได้อาศัยความชุลมุนตอนเกิดเหตุปะทะสามารถหลบหนีไปได้
18 กุมภาพันธ์ 2558 หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมช่วยส่วนรวม
ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้หวังดีในพื้นที่ว่านายอับดุลเลาะ สาแม
ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
และเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา
ได้เข้ามาหลบซ่อนพักพิงภายในสถาบันศึกษาปอเนาะนัฮฏอตุลอุลูมิดดีนียะฮ์
(ปอเนาะประตูช้าง) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านอาโห หมู่ 5 ตำบลสะดาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
ผลการเข้าตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตรวจยึดอาวุธปืน
AK-102 ได้ จำนวน 2 กระบอก และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ ได้แก่
ศูนย์ปรับระยะแบบพับได้ติดปืนยาว จำนวน 1 ชุด, กล้องช่วยเล็งติดปืน
จำนวน 1 ชุด, หมวกแก๊ป เจ้าหน้าที่ EOD, สายไฟ 1 ม้วน ยาวประมาณ 800 เมตร, ดีเลย์สวิต ( คล้ายอุปกรณ์ใช้กดระเบิดแสวงเครื่อง
2 ตัว ) และปุ๋ยยูเรีย ประมาณ 0.5 กิโลกรัม
การปลูกฝังแนวความคิดบิดเบือนประวัติศาสตร์
การปลุกกระแสความรักชาติปาตานี ในลักษณะบิดเบือนภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
หรือโรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา เพื่อให้เยาวชนมุสลิมมีความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ
และชาวไทยพุทธยังคงดำเนินต่อไป อย่างเช่นสถาบันศึกษาปอเนาะมะหัดดารุล มูฮายีรีน
บ้านสวนซิก ม.4 (บ้านย่อยบ้านบละแต) ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
มีการขีดเขียนข้อความด้วยปากกาที่โต๊ะภายในห้องเรียน, ห้องละหมาด ข้อความว่า “กูเป็นนักรบฟาตอนี, กูฟาตอนี, RKK, กูรักฟาตอนีไปอยู่ฟาตอนีไลปีๆ”
นอกจากนี้ยังมีบอร์ดหน้าห้องฝ่ายวิชาภาษาอังกฤษโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีแผ่นป้ายโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐติดอยู่
เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมจึงมีการติดแผ่นป้ายดังกล่าว
อาจจะเป็นไปได้ว่าฝ่ายวิชาภาษาอังกฤษจะต้องรับรู้เรื่องการติดแผ่นป้ายข้อความ
หรืออาจจะไม่กล้ายุ่งกับแผ่นป้ายโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐเนื่องจากผู้บริหารของโรงเรียนรู้เห็นเป็นใจ
รัฐบาลไทยไม่เคยมองสถาบันการศึกษาด้านศาสนาในแง่ลบทั้งหมด
ซึ่งโรงเรียนที่ดีมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปก็มีให้เห็น
ไม่ได้เหมารวมตามที่นายขดดะรี บินเซ็น กล่าวอ้าง
สถาบันการศึกษาสอนศาสนามีคุณูปการมากมายต่อพี่น้องมลายูปาตานี ในแง่ของความคิด
ความเชื่อ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนในพื้นที่มองว่ารัฐใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ
รวมทั้งชี้นำให้เห็นว่ามีการลบหลู่ในสิ่งที่พี่น้องมุสลิมเคารพศรัทธา
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่นายขดดะรี
บินเซ็น ประธานสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์พิเศษ
"ทีมข่าวอิศรา"(สื่อที่เอนเอียงเสนอข่าวสารสนับสนุนกลุ่มขบวนการ)
ได้บ่งชี้จุดยืนของเขาผู้นี้อย่างชัดเจนในการออกมาปกป้องโรงเรียนในสังกัดสมาพันธ์
“โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาข้าใครอย่าเตะ!!!”แล้วบ้านนี้เมืองนี้จะเดินหน้าแก้ปัญหาไฟใต้กันอย่างไร
นี่คือวิสัยทัศน์ของประธานสมาพันธ์ ที่คิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
ไม่ได้คิดช่วยแก้ปัญหาองค์รวมให้กับโรงเรียนสอนศาสนาส่วนใหญ่ที่เป็นโรงเรียนที่ดี....อย่างนี้ปลาตายตัวเดียวเหม็นทั้งเข่งครับ...พ่อแม่พี่น้องผู้ปกครองที่ฝากอนาคตบุตรหลานไว้กับสถาบันปอเนาะอื้อฉาว
ลองคิดแยกแยะวิเคราะห์กันเอาเอง...ว่าบุตรหลานท่านมีความสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายในการบ่มเพาะในสถาบันสอนศาสนา..ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือไม่?.....
-----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น