แบมะ ฟาตอนี
จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
“ปอเนาะ” มักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน
มีคำว่าปอเนาะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการสั่งปิดโรงเรียนญิฮาดวิทยา
หรือปอเนาะญิฮาด อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 และ “ปอเนาะสะปอม” หรือ “โรงเรียนอิสลามบูรพา” หมู่ที่ 5 ตำบล กะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550
โรงเรียนญิฮาดวิทยา โดนซัดทอดจากการซักถามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งซ่องสุมการฝึกฝนการต่อสู้เมื่อปี พ.ศ.2546 ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนที่ค่ายปิเหล็ง
กองพันพัฒนาที่ 4 จังหวัดนราธิวาส ส่วนโรงเรียนอิสลามบูรพา บุคลากรทางการศึกษาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
คนนอกพื้นที่อาจจะไม่รู้จักและคุ้นเคยกับคำว่า “ปอเนาะ” คืออะไร? “ปอเนาะ” รากศัพท์มาจากภาษาอาหรับว่า
PONDOK อ่านว่าปนโด๊ะบ้าง พอนดอกบ้าง ซึ่งแปลว่า กระท่อม ที่พัก
ซึ่งความหมายในปัจจุบันคือ สำนักศึกษาเล่าเรียนวิชาการศาสนาอิสลาม
ซึ่งหมายถึงทั้งที่พัก และที่เรียน สาเหตุที่ “ปอเนาะ” เปรียบเสมือนโรงเรียนกินนอนนี่เอง
จึงเป็นโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดต่างจากรัฐ ชักจูง ชักชวนให้นักเรียนเข้าร่วมกับขบวนการ
จากการอยู่ร่วมกันจำนวนมาก จึงง่ายในการปลูกฝังแนวความคิด อุดมการณ์
รวมทั้งการบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอิสลามของครู อุสตาซ ที่ทำการสอน
หลอกให้เด็กนักเรียนแนวร่วมเหล่านี้หลงผิดทำการก่อเหตุ อีกทั้งจากการก่อเหตุเมื่อมีการตรวจสอบวัตถุพยานแวดล้อมสืบสวนสอบสวนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ทำการก่อเหตุ
กลับกลายเป็นนักเรียน บุคลากร ครู อุสตาซโรงเรียนปอเนาะ เมื่อทำการตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะยังพบวัตถุพยานเพิ่มไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืน
เครื่องกระสุน สารประกอบวัตถุระเบิด ตำราการสู้รบ
แผนบันไดเจ็ดขั้นของการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการ BRN
จุดเริ่มต้นปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 คือเหตุสั่งปิดโรงเรียนญิฮาดวิทยา
โรงเรียนญิฮาดวิทยา ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ไฟใต้
จากการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวซึ่งหนึ่งในนั้นให้การยอมรับว่ามีการฝึกฝนการต่อสู้ในพื้นที่นี้จริงเมื่อปีพ.ศ.2546ก่อนที่จะเข้าทำการปล้นอาวุธปืนกองพันพัฒนาที่
4 จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 4 มกราคม
พ.ศ.2547 โดยใช้เทคนิคการฝึกแบบเข้มข้น ระยะเวลาในการฝึกเพียงแค่ 26 วันเท่านั้น แต่สามารถเทียบหลักสูตรการใช้อาวุธการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง
6 เดือน
สำหรับผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุปล้นอาวุธปืนกองพันพัฒนาที่
4 จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกเชิญตัวไปซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหารอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
คือ นายอาดือนัน เจะอาแซ ลูกโต๊ะครูเก่า อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 3 ตำบลตะโละกาโปร์ นายมาซือลัม ดาแม
อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 6 ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี นายอับดุลเลาะ กะเจ อยู่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 8 ตำบลตะโละกาโปร์
และนายแวฮาฟิซ แกตอง อยู่บ้านเลขที่ 126
หมู่ 8 ตำบลบางปอ
อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษาโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยาการ เมื่อมีการตรวจสอบหลักฐานพยาน วัตถุต่างๆ
ที่ได้จากการตรวจค้นโรงเรียน นำมาซึ่งการสั่งปิดปอเนาะญิฮาด เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549
ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องสงสัยเจออุปกรณ์ประกอบระเบิด
ชุดวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารเชื่อมโยงการก่อเหตุ สั่งปิดโรงเรียนอิสลาม บูรพา ทันทีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550
เมื่อวันที่
16 มีนาคม 2555
ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำพิพากษาคดีสำคัญคดีหนึ่ง
นั่นคือคดีที่ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย 5 คนจาก 7 คนที่ถูกจับกุมพร้อมยึดอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากได้ภายในโรงเรียนอิสลาม บูรพา
โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาชื่อดัง ตั้งอยู่ที่ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง
จ.นราธิวาส
คำฟ้องสรุปว่า จำเลยทั้ง 7 และ นายตอริก พีรีซี
ซึ่งเป็นเยาวชนและได้แยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว
กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรม
กล่าวคือประมาณต้นปี 2547 ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 จำเลยทั้ง 7
กับพวกร่วมกันเข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลชื่อ "ขบวนการกู้ชาติรัฐปัตตานี"
หรือ "ขบวนการบีอาร์เอ็น" ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ
และมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักรและยึดอำนาจการปกครองใน จ.ปัตตานี
จ.ยะลา จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา บางอำเภอ แล้วจัดตั้งเป็นรัฐขึ้นใหม่
โดยสะสมกำลังพลและอาวุธ ให้และรับการฝึกการก่อการร้าย
ยุยงประชาชนให้เข้ามีส่วนร่วม และก่อเหตุรุนแรงต่างๆ
สืบเนื่องมาจากวันที่ 2 ก.ค.2550 เกิดระเบิดที่สวนยางพาราของ
นายสุข คงจันทร์ บริเวณบ้านเขานาคา หมู่ 5 ต.กะลุวอ
อ.เมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่เกิดเหตุ พบหลุมระเบิดและหยดเลือด
จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายจะวางกับระเบิด
แต่เกิดระเบิดขึ้นก่อนจนตัวเองได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดเป็นทางยาวจากหลุมระเบิดประมาณ
30 เมตร
หายเข้าไปในสวนยางพาราหลังโรงเรียนอิสลามบูรพา ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ
อ.เมืองนราธิวาส จึงเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น พบเชื้อปะทุไฟฟ้า 24 ดอก เชื้อปะทุชนวน 8 ดอก ซึ่งเป็นวัตถุระเบิด
เมื่อนำมาประกอบรวมกับปุ๋ยยูเรีย น้ำมันเบนซิน แอมโมเนียมไนเตรท นาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ชุดวงจรไฟฟ้า
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และตะปูคอนกรีต จะเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ทำอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย
โรงเรียนอิสลามบูรพาเป็นโรงเรียนประจำ
มีครูเวรสลับกันทำหน้าที่ตรวจตราตั้งแต่เช้าถึง 23.00 น.ของทุกวัน
มีการจัดระบบดูแลรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียน
บุคคลภายนอกเข้าไปอาศัยอยู่ได้ย่อมต้องได้รับความช่วยเหลือหรือยินยอมจากผู้
ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จึงเชื่อว่าอุสตาซของโรงเรียน รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ก่อเหตุรุนแรง เข้าไปพักอาศัยที่ถูกตรวจค้นจับกุม
นี่คือผลผลิตของโรงเรียนปอเนาะที่ได้ปลุกฝังแนวความคิดที่ผิดแก่นักเรียน
แต่ไม่ได้หมายความว่าเหมารวมโรงเรียนปอเนาะทั้งหมด โรงเรียนที่ดีๆ ก็มีอยู่เยอะ
ซึ่งถ้าหากฝ่ายผู้บริหาร ครู และอุสตาสของโรงเรียนปอเนาะฉาวดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวพันกับขบวนการโจรก่อการร้ายแล้ว โรงเรียนก็คงไม่โดนสั่งปิด
ซึ่งตัวอย่างที่ได้จากการตรวจค้น อย่างเช่น
หนังสือประวัติศาสตร์
และการต่อสู้ของรัฐปัตตานีภาษามลายู เขียนโดย อายะ บางนรา และ อับดุล ดาวูด
หนังสือ เจมาห์ อิสลามิยา/แผ่นบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การฝึกของกลุ่มก่อการร้าย อัลไคด้า
และตะปูเรือใบ ตรวจพบในโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยา
เมื่อ 18 พ.ค.48
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
(ที่เชื่อว่านำไปประกอบระเบิด) ที่ตรวจพบภายในโรงเรียนปอเนาะอิสลาม บูรพา บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกของร้านอีซีทีอิเล็กทรอนิกส์
สอบถามเจ้าของร้านได้รับการยืนยันว่าบุคคลที่โดนจับกุม มาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากร้านอยู่บ่อยครั้ง
การโฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดมบิดเบือนประวัติศาสตร์ และ ปลุกกระแสความรักชาติปาตานีรวมทั้งการสอนประวัติศาสตร์ปาตานีในลักษณะบิดเบือนภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
หรือโรงเรียนปอเนาะ เพื่อให้เยาวชนมุสลิมมีความเกลียดชังชาวไทยพุทธ ยังคงดำเนินต่อไปควบคู่กับการจัดเวทีเสวนาของกลุ่ม PerMAS
การสร้างกระแสทางสื่อ Social Media การใช้สื่อสังคมออนไลน์ทำการขยายผล การดำเนินการทางทหารสั่งการ
RKK ทำการเผาโรงเรียนของรัฐบาล ความมุ่งหมายเพื่อไม่ต้องการให้เยาวชนมุสลิมเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนดังกล่าว
แต่มีเป้าหมายให้เข้าเรียนในโรงเรียนปอเนาะแทน สร้างความหวาดกลัวด้วยการฆ่าครูชาวไทยพุทธ
สุดท้ายไม่กล้าอยู่ย้ายหนีออกนอกพื้นที่
เพื่อต้องการให้ครูมุสลิมฝ่ายขบวนการเข้าสอนแทน นี่คือแผนชั่วร้ายของขบวนการ BRN ชี้ให้เห็นว่า “ความเกี่ยวพันของโรงเรียนปอเนาะกับขบวนการโจรก่อการร้าย" แนบแน่นเหมือนเนื้อเดียวกันโดยแยกกันไม่ออก
@@@@@@@@@@@
สรุป โรงเรียนปอเนาะตามความหมายศาสนาอิสลามคือสถานที่อบรมเยาว์ชนให้ประพฤติปฏิบัติดี ปะ มะ ก็ให้ความเชื่อถือ แต่ในทางกลับกัน ปอเนาะ คือเป็นที่ซ่องสุมโจร อุสต๊าสเลวๆ นั่นแหละตัวดี โดยการรู้เห็นของเจ้าของปอเนาะ ขณะเดียวกัน จนท.รัฐฯ ขาดความเอาใจใส่ดูและไม่ทั่วถึงจริงจัง จึงเป็นโอกาสของกลุ่มโจรฟาตอนีแฝงตัวและความคิดมาเป็นอุสต๊าส สอนศาสนาบิดเบือนให้เกลียดชัง จนท.รัฐ แต่เบิกเงินอุดหนุนการศึกษาค่าหัวเด็กด้านการศึกษาจาก รัฐฯ จำนวนมากในแต่ละปี ตามจำนวนรายหัวของเด็กต่อปี เงินส่วนหนึ่ง เข้าอุดหนุนขบวนการโจรฟาตอนี โดยลักษณะบังคับ ดดย เจ้าของปอเนาะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐฯ คือเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ เลินของรัฐฯที่อุดหนุน หมุนวนกลับมาทำลายคนของรัฐฯ และเศรษฐกิจในพื้นที่ มันก็คือการเนรคุณแผ่นดินไทย คนพวกนี้น่าจะเอาไปประหารชีวิตให้หมด
ตอบลบ