"แบดิง โกตาบารู"
ข้อมูลเชิงลึกซึ่งได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่
ซึ่งร่วมปฏิบัติการในวันดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนที่ 2
โจรใต้จะใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ นำไปสู่การปะทะและเป็นเหตุให้เสียชีวิต ก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่
ผู้นำศาสนาและพ่อแม่ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดได้ร่วมกันเกลี้ยกล่อมให้ทำการมอบตัวถึง 6
ครั้งแต่ไม่ยินยอม ในที่สุดนำมาซึ่งความสูญเสียที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 เหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับโจรใต้ที่มาหลบซ่อนตัว ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านเจาะโบ
ม.1 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายอยู่นั้น
ทราบจากเจ้าของบ้านว่ามีผู้ต้องสงสัยอยู่ในบ้าน จำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเจรจา
ซึ่งมีผู้นำศาสนาร่วมกันเกลี่ยกล่อมเพื่อให้เข้ามอบตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง แต่ผู้ต้องสงสัยกลับใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่จนเกิดการปะทะกันขึ้น
ในที่สุดนำมาซึ่งความโศกเศร้าที่ทุกคนเสียใจไม่อยากให้เกิดขึ้น คนร้ายเสียชีวิตทั้งคู่ในที่เกิดเหตุ
ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายอาลียะ อาหะแม
และ นายกาดาฟี ตามะแซ จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับการเปิดเผยทราบว่าบุคคลทั้ง
2 ราย ได้กระทำความผิด ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ได้ใช้แนวทางสันติวิธีร่วมกับผู้นำศาสนา และพ่อแม่ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัวต่อทางการถึง
6 ครั้งด้วยกันแต่ไม่ยินยอม
พฤติกรรม นายอาลียะ
ดาหะแม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ เป็นบุคคลตามหมายจับ
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ 38/60 ลง 10 มีนาคม 2560 ต้องสงสัยก่อเหตุยิง อส.ทพ.อภิสิทธิ์
มุกดาห์ เสียชีวิต เหตุเกิดพื้นที่ ต.เตราะบอน
อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 , ก่อเหตุขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ในโรงเรียน
เมื่อ 28 เมษายน 2559,
ยิง อส.ทพ.เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 และทำการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่
อส. เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ส่วนพฤติกรรม นายกาดาฟี ซามะแซ อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 4 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นบุคคลตามหมายจับ
ป.วิอาญา ที่ จ.256/60 ลง 20 เมษายน
2560 และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ตรวจยึดอาวุธปืนพกขนาด 9
มม. จำนวน 2 กระบอก พร้อมซองกระสุน และกระสุนจำนวนหนึ่ง สำหรับกรณีการเสียชีวิตของบุคคลทั้ง 2 สื่อแนวร่วมได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาว่าเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่
ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตุจากภาพแม็กในตัวปืนแยกออกจากกัน ในความเป็นจริงแล้วเป็นขั้นตอนการตรวจสอบอาวุธ
โดยเจ้าหน้าที่ทำการถอดแม็กออกจากปืนเพื่อความปลอดภัย และได้นำมาวางไว้เพื่อสะดวกในการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และในที่เกิดเหตุโดยทั่วไป
ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม็กเป็นของอาวุธปืนกระบอกไหนเมื่อทำการถอด แต่ตามหลักสากลทั่วโลกสามารถใช้ร่วมกันอยู่แล้ว
หากมองหลักความจริงคงไม่มีแค่กระสุน 2 แม็กหรอก จะต้องมีกระสุนและแม็กสำรองติดตัวไปด้วยเสมอ
เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
และอยู่ในกรอบของอำนาจที่กฎหมายมอบให้เพื่อการปฏิบัติงานในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิด
มีการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก
หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงหาทางออกของความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธี
เจ้าหน้าที่ให้โอกาสกับผู้ที่หลงผิดกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี จะเห็นได้ว่ามีการกระทำทุกวิถีทางเพื่อลดการปะทะซึ่งนำไปสู่การสูญเสีย
ไม่ว่าจะเป็นการเกลี้ยกล่อมโดยให้ผู้นำศาสนาในพื้นที่
หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ของผู้ที่กระทำความผิดเองมาทำการเกลี้ยกล่อมถึง 6 ครั้ง
ด้วยกัน แต่ผู้กระทำความผิดกลับไม่เลือกและไม่สำนึก สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิด
ก็เกิดขึ้นจนได้ แล้วใคร?
คือคนที่ทำให้เขาตาย!! เจ้าหน้าที่หรอกหรือที่ยัดเยียดความตายให้...
เขาต่างหากที่เลือกความตายให้ตัวเอง โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความตายคือแกนนำโจรใต้
เพราะสุดท้ายแล้วโจรใต้ทุกคนถูกกำหนดให้ตายหรือไม่ก็ติดคุก
จะต้องหมดสิ้นอิสรภาพไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมือของกฎหมายพ้น...
ส่วนผู้ที่กำลังหลบหนีหากไม่คิดมอบตัว ก็ต้องอยู่ในสภาพอดๆ อยากๆ อดมือกินมื้อ
เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีแม้หยูกยารักษา
ไม่มีโอกาสอยู่ร่วมกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุขดั่งเช่นครอบครัวคนอื่นเขา...
จงเลือกเอา
---------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น