การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด..
บางคนพูดดี ทำไม่ดี บางคนดีแต่พูด หรือเก่งแต่ปาก บางคนก็พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น..ในวันที่ทุกคนได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19
ทุกคน ทุกบ้าน ทุกชุมชน และทุกประเทศในโลก ต้องการความเอื้ออาทร
เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือ ดูแลกันด้วยความจริงใจ
เพราะสิ่งนี้จะทำให้ทุกคนเอาชนะความทุกข์ยาก จากโรคระบาดในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน.. ซึ่งทุกภาคส่วนในบ้านเมืองนี้ เขาร่วมด้วย ช่วยกันอย่างแข็งขันดังที่เห็นกันอยู่..
แต่ก็ยังมีพวกนักฉวยโอกาส.. สร้างภาพโลกสวยด้วยน้ำลาย.. ออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
ในห้วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ซึ่งนำโดย กลุ่มภาคประชาสังคม
ที่มีแนวคิดต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง (20-23 มีนาคม 2563)
อีกไม่กี่วัน กลุ่มบีอาร์เอ็น
ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุร้ายสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่มาเป็นเวลายาวนานถึง
60 ปี และยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบหรือแสดงความเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ก็ออกแถลงการณ์ที่สอดคล้องกัน เมื่อ 27 มีนาคม 2563
และในวันเดียวกันนี้ เลขาธิการพรรคการเมืองดังในพื้นที่
ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1
เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยสามารถแบ่งแยกประเทศได้ แบ่งแยกดินแดนได้ ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธ จนล่าสุดวันที่ 6 เมษายน
2563 รองหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น สนับสนุนและชื่นชมความคิดกลุ่มบีอาร์เอ็น..
ประเทศไทยมีกฎหมายตามหลักสากล
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ ไม่ว่าจะเกิดโรคระบาดหรือไม่ กฎหมายก็ยังคงต้องถูกบังคับใช้ต่อไป ชาวบ้านชาวเมือง
คนทั่วไปที่เขาเป็นคนดีไม่ได้มีความผิด ติดตัว เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย.. การออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้อาวุธฯ
พูดกันง่ายๆ ก็คือ การเรียกร้องให้ยุติการใช้กฎหมาย ก็เพื่อต้องการช่วยเหลือโจรที่มีความผิด มีคดีความ..
ใช่หรือไม่..
ถ้ากลุ่มบีอาร์เอ็น
ห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่จริงๆ แล้ว ก็ควรที่จะยุติการใช้อาวุธตลอดไป.. แล้วหันกลับมาต่อสู้โดยใช้เวทีการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ถึงความจริงใจมากกว่า..
แล้ว บีอาร์เอ็น ทำได้หรือเปล่า..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น